ความเชื่อทางศาสนา ในโลกนี้

วิชานี้ให้ความเข้าใจแก่ผู้เชื่อที่เป็นนักประกาศเกี่ยวกับคำสอนและการตอบสนองที่ถูกต้องต่อกลุ่มศาสนาสิบเจ็ดกลุ่ม

คำอธิบายหลักสูตร

หลักสูตรนี้อธิบายเกี่ยวกับระบบความเชื่อพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ของลัทธิและศาสนาต่าง ๆ จำนวน 17 กลุ่ม โดยนำมาเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ ประเมินหลักคำสอนและแนวทางปฏิบัติโดยใช้พระคัมภีร์เป็นมาตรฐาน นักศึกษาจะได้รับการเตรียมพร้อมเพื่อตอบสนองต่อข้อผิดพลาดต่าง ๆ ของศาสนาที่สอนผิดและเพื่อปกป้องคริสเตียนจากข้อผิดพลาด

จุดประสงค์ของหลักสูตร

1.      เพื่อช่วยให้คริสเตียนเข้าใจหลักคำสอนพื้นฐานของลัทธิและประเพณีทางศาสนาที่มีอิทธิพลมากที่สุดบางกลุ่ม

2.      เพื่อช่วยให้คริสเตียนเข้าใจเหตุผลว่าทำไมหลักคำสอนเทียมเท็จจึงเป็นอันตราย

3.      เพื่อเสริมสร้างศิษยาภิบาลให้สามารถปกป้องสมาชิกจากอิทธิพลของลัทธิต่าง ๆ ได้

4.      เพื่อฝึกอบรมคริสเตียนให้มีคำตอบจากพระคัมภีร์สำหรับข้อผิดพลาดของศาสนาต่าง ๆ

5.      เพื่อให้แนวทางปฏิบัติสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐกับสมาชิกของศาสนาอื่นๆ

คำอธิบายและแนวทางสำหรับหัวหน้าชั้นเรียน

ชั้นเรียนควรอ่านข้อพระคัมภีร์ทั้งที่อยู่ในวงเล็บหรือในเนื้อหาหลักของบทเรียนก่อนที่จะดำเนินการต่อไป

บทเรียนเกี่ยวกับกลุ่มศาสนาต่าง ๆ (บทที่ 3-19) จะเป็นไปตามแบบแผนที่อธิบายไว้ในคำแนะนำต่อไปนี้ บทเรียนสองบทแรกเป็นหัวข้อพิเศษ

แนวทางเหล่านี้อธิบายวิธีการสอนชั้นเรียนด้วยระดับคุณภาพที่สูงกว่า หัวหน้าชั้นเรียนต้องรักษามาตรฐานนี้เอาไว้สำหรับนักศึกษาที่ต้องการรับใบประกาศนียบัตรจาก Shepherds Global Classroom สำหรับนักศึกษากลุ่มอื่นที่ไม่บรรลุข้อกำหนดเหล่านี้ ผู้สอนอาจปรับข้อกำหนดให้เหมาะสมกับความสามารถของพวกเขา และให้ใบประกาศนียบัตรอย่างอื่นแทน  

เราประมาณการณ์ว่าแต่ละบทเรียนจะใช้เวลาสองชั่วโมงเพื่อครอบคลุมบทเรียนได้ ถ้าหากกลุ่มมีเวลาน้อยกว่า ก็สามารถแบ่งหนึ่งบทเรียนเป็นสองครั้งได้

ระเบียบของกิจกรรมกลุ่ม

(1) รายงานการสนทนาเรื่องข่าวประเสริฐ (เวลาโดยประมาณ: 20 นาที ในกรณีที่มีหลายคนรายงาน)

นักศึกษาที่ทำงานมอบหมายการสนทนาของบทเรียนก่อนหน้าเสร็จแล้วควรมีการรายงาน พวกเขาควรเล่าเรื่องง่าย ๆ เกี่ยวกับการสนทนาของพวกเขา นักศึกษาคนอื่น ๆ อาจให้คำแนะนำสำหรับครั้งต่อ ๆ ไปได้ แต่อย่าปล่อยให้มีการวิจารณ์ตัดสินการรายงานไม่ว่าของใครก็ตาม

(2) ช่วงเวลาทบทวนในชั้นเรียน (เวลาโดยประมาณ: 5-10 นาที)

หัวหน้าชั้นเรียนควรถามคำถามเพื่อทบทวนสำหรับบทเรียนก่อนหน้า จากนั้นถามสองหรือสามคำถามจากบทเรียนอื่น ๆ ที่เรียนไปแล้ว จุดประสงค์เพื่อสร้างความจำระยะยาวให้กับนักศึกษาและเพื่อแก้ไขความเข้าใจให้ถูกต้องหากมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น คำถามทบทวนจะช่วยใหพวกเขาจดจำข้อมูลความจริงที่สำคัญที่สุดได้ ผู้สอนสามารถทำให้ชั้นเรียนมีประสิทธิภาพได้โดยการใช้คำถามเพื่อทบทวน คำถามทบทวนอยู่ในหน้าท้ายๆ ของหลักสูตรนี้

(3) พบกันครั้งแรก

บางคนควรอ่านย่อหน้าในหัวข้อ “พบกันครั้งแรก” ควรทำโดยไม่มีการแสดงความคิดเห็นหรืออภิปรายกัน เรื่องราวส่วนใหญ่ไม่มีบทสรุปเพื่อเป็นการสร้างความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับกลุ่มที่กำลังศึกษา ในบางกรณี คำพยานตอนท้ายบทเรียนก็เกี่ยวข้องกับบุคคลเดียวกันที่ถูกกล่าวถึงในหัวข้อ “พบกันครั้งแรก”

(4) การศึกษาพระคัมภีร์ - ส่วนที่ 1 (เวลาโดยประมาณ: 15 นาที)

อ่านออกเสียงพระคัมภีร์ตอนที่กำหนดพร้อมกัน ถ้ามีนักศึกษาหลายคนก็ให้แต่ละคนสลับอ่านคนละข้อ จากนั้นให้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อนักศึกษาจะเขียนสรุปหนึ่งย่อหน้าและเขียนรายการคำกล่าว (คำสั่งเจาะจงอยู่ในแต่ละบทเรียน) หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ให้นักศึกษาบางคนเล่าสิ่งที่พวกเขาเขียนเพื่อแต่ละคนจะได้เรียนรู้จากคนอื่น ๆ  

(5) การศึกษากลุ่มศาสนา (เวลาโดยประมาณ: 40 นาที)

ศึกษาข้อมูลที่เตรียมไว้ให้เกี่ยวกับกลุ่มศาสนา ให้ผู้นำหรือใครสักคนในกลุ่มอ่านและอธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาให้กับคนในกลุ่มฟัง ให้นักศึกษาอีกคนอ่านและอธิบายข้อความอ้างอิงตรงขอบกระดาษ

คำถามเพื่ออภิปรายร่วมกัน และ กิจกรรมในชั้นเรียน จะระบุด้วยเครื่องหมาย ► หัวหน้าชั้นเรียนควรถามคำถามและให้เวลากับนักศึกษาเพื่ออภิปรายหาคำตอบร่วมกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นหลายครั้งในแต่ละบทเรียน

ข้อความที่เป็น ตัวหนาและตัวเอียง เป็นการหักล้างคำสอนผิดและแนวทางปฏิบัติของกลุ่มศาสนา หลังจากอ่านข้อมูลความจริงเกี่ยวกับกลุ่มศาสนาแล้ว ก็ให้ย้อนกลับไปอ่านคำอธิบายกับข้อพระคัมภีร์ที่ให้ไว้

(6) การใช้ คู่มือหลักคำสอน (เวลาโดยประมาณ: 20 นาที)

คู่มือหลักคำสอน เป็นเนื้อหาตอนหนึ่งในหลักสูตรนี้ที่อยู่หน้าท้าย ๆ ของบทเรียนเล่มนี้ เมื่อถึงจุดนี้ของบทเรียน ให้ดูรายการหัวข้อต่าง ๆ ของ คู่มือหลักคำสอน ที่อยู่ใต้เนื้อหาของส่วนนี้ นักศึกษาควรอ่านข้อพระคัมภีร์ร่วมกันและต้องมั่นใจว่าตนเองเข้าใจว่าข้อพระคัมภีร์นั้นพิสูจน์ประเด็นนั้น ๆ อย่างไร นักศึกษาควรแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพิสูจน์ประเด็นหนึ่ง ๆ จากพระคัมภีร์ได้ บางประเด็นถูกนำมาใช้ในหลายบทเรียน ไม่จำเป็นต้องฝึกปฏิบัติซ้ำ ๆ ในประเด็นเดียวกันถ้าหากนักศึกษาเรียนรู้ได้ดีแล้ว  

(7) การประกาศข่าวประเสริฐ (เวลาโดยประมาณ: 10 นาที)

เนื้อหาในส่วนนี้จะเป็นพูดถึงสิ่งที่นำมาใช้ได้จริงในทางปฏิบัติเมื่อมีการพูดคุยกันกับสมาชิกของกลุ่มศาสนาใดกลุ่มหนึ่ง ในบางบทเรียน เนื้อหาส่วนนี้จะรวมอยู่กับหัวข้อ “การใช้ คู่มือหลักคำสอน”

(8) คำพยาน

ให้บางคนอ่านเนื้อหาในส่วนของหัวข้อว่า “คำพยาน” คำพยานนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แม้ว่าบางครั้งจะมีการเปลี่ยนชื่อก็ตาม

(9) การศึกษาพระคัมภีร์ - ส่วนที่ 2 (เวลาโดยประมาณ: 20 นาที)

เมื่อถึงตอนท้ายของชั่วโมงเรียน ขอให้อ่านพระคัมภีร์ที่กำหนดไว้อีกครั้ง รอสักสองสามนาทีเพื่อให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนอธิบายเนื้อหาพระคัมภีร์ตอนนั้นหนึ่งย่อหน้าให้กับสมาชิกของกลุ่มศาสนาที่พวกเขาได้ศึกษามาแล้ว ให้นักศึกษาบางคนแบ่งปันกับกลุ่มถึงสิ่งที่พวกเขาเขียนนั้น

(10) งานมอบหมาย

สรุปช่วงเวลาเรียนโดยการเตือนให้นักศึกษาจัดตารางเวลาเพื่อนำเสนอข่าวประเสริฐเสมอ หากเป็นไปได้นักศึกษาควรมีการสนทนากับสมาชิกของกลุ่มศาสนาที่ได้ศึกษาไปแล้ว นักศึกษาควรพยายามนำเสนอข่าวประเสริฐและความจริงอื่น ๆ ของคริสเตียน หากเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพบกับสมาชิกสักคนที่อยู่ในกลุ่มศาสนาใดศาสนาหนึ่ง พวกเขาควรหาใครสักคนที่สนใจฟังเนื้อหานั้น พวกเขาควรอธิบายถึงความเชื่อพื้นฐานของศาสนา จากนั้นจึงพูดถึงการตอบสนองจากหลักการพระคัมภีร์ พวกเขาควรเตรียมตัวเพื่อเล่าให้คนในชั้นเรียนฟังเกี่ยวกับการสนทนานั้น

นักศึกษาแต่ละคนควรรายงานการสนทนาเกี่ยวกับ 10 ศาสนาที่แตกต่างกันตลอดหลักสูตร การเขียนรายงานของแต่ละการสนทนานั้นควรอธิบายถึงลักษณะต่าง ๆ ที่สำคัญของศาสนานั้น ๆ ซึ่งผู้ประกาศข่าวประเสริฐต้องรู้ ในการรายงานนั้น นักศึกษาควรอธิบายว่าเขานำเสนออะไรในการสนทนา และอีกคนนั้นตอบสนองอย่างไร รายงานของแต่ละการสนทนาจะต้องมีความยาวสองหน้ากระดาษ ผู้สอนควรอธิบายเกี่ยวกับงานมอบหมายนี้หลาย ๆ ครั้งในช่วงระหว่างการเรียนบทเรียนแรกๆ รายงานที่นักศึกษาเขียนได้ดีสามารถใช้เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนได้

การสนทนาทั้งสิบและการเขียนรายงานนั้นเป็นงานมอบหมายเบื้องต้นของหลักสูตรนี้ แบบฟอร์มในหน้าท้าย ๆ ของคู่มือนี้มีไว้เพื่อให้ผู้สอนพิมพ์ออกมาสำหรับบันทึกคะแนน

(11) แหล่งข้อมูลที่แนะนำ

ถ้านักศึกษาอยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มศาสนาใด ๆ มากขึ้น พวกเขาควรศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่แนะนำซึ่งอยู่ในหน้าหลัง ๆ ของคู่มือนี้