ผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองได้สร้างศาสนศาสตร์เท็จเพื่อสนับสนุนแนวคิดของตัวเอง
ผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองบอกว่าความเชื่อเป็นพลังที่ไม่มีตัวตนและเป็นสาระสำคัญของจักรวาล พวกเขาเชื่อว่าความเชื่อเป็นพลังที่ผู้คนสามารถใช้ได้เหมือนอย่างที่พระเจ้าใช้
ผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองคิดว่ามนุษย์สามารถใช้ความเชื่อได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้าและไม่ต้องพยายามรู้ถึงความประสงค์ของพระเจ้า ในทางตรงกันข้าม พระเยซูตรัสว่าให้เราอธิษฐานขอให้ความประสงค์ของพระบิดาสำเร็จ (มัทธิว 6:10) พระคัมภีร์บอกเราว่าความเชื่อนำเราให้ไว้วางใจพระเจ้าและแสวงหารางวัลจากพระองค์ (ฮีบรู 11:6)
ผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองพูดว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นเจ้าของโลกหรือปกครองเหนือโลก พวกเขาสอนว่าพระเจ้าให้สิทธิอำนาจเหนือโลกแก่มนุษย์ และมนุษย์มอบให้กับซาตาน พวกเขาพูดว่าพระเจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดในโลกนี้ได้จนกว่ามนุษย์จะอนุญาตให้พระองค์ทำ ในทางตรงกันข้าม พระคัมภีร์บอกว่าโลกและทุกสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า (สดุดี 24:1) พระคัมภีร์พูดว่าพระเจ้าเป็นผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้นและพระองค์เป็นผู้กระทำการในโลกนี้ (1 ซามูเอล 2:10)
[1] หลักคำสอนของพวกเขาเกี่ยวกับความเชื่อที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักคำสอนของพระเจ้านั้นแตกต่างจากประวัติศาสตร์คริสเตียน ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาสอนว่าพระเจ้าพระบิดาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีร่างกาย พวกเขาเชื่อว่าผู้คนเป็นสำเนาทางกายภาพของพระเจ้า พวกเขาเชื่อว่าเนื่องจากมนุษย์เป็นสำเนาของพระเจ้า พวกเขาจึงควรสามารถทำสิ่งที่พระเจ้าทำได้
พระคีมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าเป็นพระวิญญาณ (ยอห์น 4:24) และไม่ใช่มนุษย์ (กันดารวิถี 23:19) พระเยซูเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าผู้ทำให้ความรอดเป็นไปได้สำหรับพวกเรา (ยอห์น 3:16) แต่ผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองพูดว่าพระเจ้าเป็นมนุษย์เหมือนเราและพระเยซูก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเราเลย
เคนเนธ โคเปแลนด์ กล่าวถึงอาดัมว่า...
  อาดัมเป็นสำเนาที่มีลักษณะเหมือน [พระเจ้า] ทุกประการ ถ้าคุณให้อาดัมมายืนข้าง ๆ พระเจ้า ทั้งสองจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ ถ้าหากให้พระเยซูกับอาดัมมายืนเคียงข้างกัน ทั้งสองจะมีหน้าตาและน้ำเสียงเหมือนกันทุกประการ[2] 
  เขาไม่ได้เหมือนพระเจ้าเพียงเล็กน้อย เขาไม่ใช่แค่เกือบจะเหมือนพระเจ้า เขาไม่ได้อยู่ใต้บังคับของพระเจ้าด้วยซ้ำ...อาดัมเหมือนพระเจ้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และเหมือนกับพระเยซูด้วยเช่นกัน[3] 
   เคนเนธ ฮากิน กล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนผู้บังเกิดใหม่ก็เป็นคนที่ลงมาประสูติ และศาสนาคริสต์คือปาฏิหาริย์ ผู้เชื่อเป็นผู้ที่ลงมาประสูติเช่นเดียวกับพระเยซูชาวนาซาเร็ธ”[4] 
เบนนี่ ฮินน์ กล่าวว่า “อย่าบอกผมว่าคุณมีพระเยซู คุณเป็นทุกสิ่งที่พระองค์เป็นและที่พระองค์จะเป็นตลอดไป”[5] 
มอร์ริส เซอรูลโล กล่าวว่า “และเมื่อเรายืนอยู่ตรงนี้ พี่น้องครับ คุณไม่ได้มอง มอร์ริส เซอรูลโล แต่คุณกำลังมองดูพระเจ้า คุณกำลังมองดูพระเยซู”[6] 
พระเจ้าตรัสว่า...
  … เราเป็นพระเจ้า และไม่มีใครเป็นเหมือนเรา ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น และแจ้งสิ่งที่ยังไม่ได้ทำนั้นให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล ทั้งกล่าวว่า "แผนงานของเราจะยั่งยืน และเราจะทำทุกสิ่งตามความประสงค์ของเรา" (อิสยาห์ 46:9-10)
   พระคัมภีร์กล่าวว่า “โลกกับสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระยาห์เวห์ทั้งพิภพกับบรรดาผู้ที่อยู่ในพิภพนั้น” (สดุดี 24:1)
แต่ผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองกล่าวว่าพระเจ้าไม่ได้มีสิทธิอำนาจในโลกนี้อีกต่อไป
เคนเนธ โคเปแลนด์ กล่าวว่า...
  พระองค์ [พระเจ้า] จำต้องมีมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเหมือนกับมนุษย์คนแรก [อาดัม] ต้องเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เป็นมนุษย์แท้ ๆ ไม่สามารถเป็นพระเจ้า พระองค์ไม่สามารถจู่โจมเข้ามาที่นี่พร้อมกับลักษณะและศักดิ์ศรีแบบที่มนุษย์ทั่วไปไม่มี พระองค์ทำอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ถูกกฎ[7] 
  พระองค์ไม่ได้ใช้สิ่งใดที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีเพื่อทำให้งานของพระองค์สำเร็จ[8] 
   [9] โคเปแลนด์ยังกล่าวด้วยว่า “พระองค์ [พระเจ้า] ไม่สามารถกลับไปที่ธุลีดินและสร้างมนุษย์อีกคน พระองค์ไม่ได้เป็นเจ้าของธุลีดินอีกต่อไป”
เฟรเดอริก ไพรซ์ กล่าวว่า...
  ตอนนี้มันน่าตกใจมาก! แต่พระเจ้าต้องได้รับอนุญาตให้ทำงานในโลกนี้ในนามของมนุษย์... ใช่แล้ว! คุณเป็นผู้ควบคุม! ดังนั้นหากมนุษย์มีอำนาจควบคุม ใครจะไม่มีอำนาจอีกต่อไป? พระเจ้า... เมื่อพระเจ้ามอบอำนาจการปกครองให้กับอาดัม นั่นหมายความว่าพระเจ้าไม่มีอำนาจการปกครองอีกต่อไป ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่สามารถทำอะไรได้ในโลกนี้ เว้นแต่เราจะยอมให้พระองค์ทำ และวิธีที่เรายอมให้พระองค์ทำหรือให้การอนุญาตแก่พระองค์คือการอธิษฐาน[10] 
   ศาสนศาสตร์ของผู้สอนเท็จเรื่องความเจริญรุ่งเรืองขัดแย้งกับพระคัมภีร์กับหลักข้อเชื่อพื้นฐานของศาสนาคริสต์ที่ได้รับการสถาปนาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น
[1] “ท่ามกลางความบาปต่าง ๆ ที่มีในใจของมนุษย์นั้น ไม่มีบาปใดที่พระเจ้าจะเกลียดชังมากกว่าการบูชารูปเคารพ เพราะการบูชารูปเคารพเป็นการดูหมิ่นพระลักษณะของพระเจ้า...เทพเจ้าที่ถือกำเนิดในร่มเงาของจิตใจที่ตกต่ำย่อมไม่ใช่แบบอย่างที่แท้จริงของพระเจ้าเที่ยงแท้ พระเจาตรัสกับคนชั่วช้าใน สดุดี 50:21 ว่า ‘เจ้าคิดว่าเราเป็นเหมือนตัวเจ้า’”     - ดัดแปลจาก A.W. Tozer
[2] Kenneth Copeland, “The Authority of the Believer IV” (Fort Worth, TX: Kenneth Copeland Ministries, 1987), audiotape #01-0304, side 1.
[3] Kenneth Copeland, “Following the Faith of Abraham,” (Fort Worth, TX: Kenneth Copeland Ministries, 1985), audiotape side 1.
[4] Kenneth Hagin, “The Incarnation,” 
The Word of Faith  # 13, 12 (December, 1980), 14.
[5] Benny Hinn, “Our Position in Christ #2 - The Word Made Flesh,” (Orlando, FL: Orlando Christian Center, 1991), audiotape #A031190-2, side 2.
[6] Morris Cerullo, “The Endtime Manifestation of the Sons of God,” audiotape 1.
[7] Kenneth Copeland, “The Incarnation,” (Fort Worth, TX: Kenneth Copeland Ministries, 1985), audiotape #01-0402, side 1.
[8] Copeland, “The Incarnation.”
[9] “เป็นเรื่องแปลกที่ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์กลับคิดว่าหากตนมีวิญญาณทางโลก มีเพื่อนทางโลก และมีชีวิตที่ยึดถือตามหลักคำสอนทางโลก พวกเขาจะอยู่ในความโปรดปรานของพระเจ้า
  หรือเข้าถึงอาณาจักรแห่งสวรรค์ได้!”     - Adam Clarke
[10] Frederick Price, “Prayer: Do You Know What Prayer Is... and How to Pray?” 
The Word Study Bible  (Tulsa, OK: Harrison House, 1990), 1178
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next