แนะนำลัทธิวันสิ้นโลก 
ลัทธิวันสิ้นโลกมีอยู่หลายร้อยลัทธิ ลัทธิเหล่านี้มีความหลากหลายและมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันมากมาย บ่อยครั้งลัทธิเหล่านี้เริ่มต้นโดยคน ๆ หนึ่งที่อ้างว่ามีการสำแดงใหม่เกี่ยวกับอนาคต บางลัทธิดำเนินไปได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ มีสมาชิกเพียงไม่กี่คน ในขณะที่บางลัทธิกลายเป็นลัทธิใหญ่ บางองค์กรที่ครอบคลุมในตอนอื่น ๆ ของหลักสูตรนี้ก็มีลักษณะของลัทธิวันสิ้นโลก เช่น พยานพระยะโฮวาห์ที่ได้เผยพระวจนะหลายครั้งเพื่อชักจูงสมาชิก แต่คำเผยพระวจนะนั้นก็ไม่เกิดขึ้นจริง
[1] ทำไมลัทธิวันสิ้นโลกจึงดำรงอยู่
คนมากมายรู้สึกว่าโลกกำลังเข้าสู่วิกฤติที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่เราเคยรู้กันว่าเป็นสิ่งปกติ วิกฤติอาจอธิบายได้ในแง่ของเศรษฐกิจ นิเวศวิทยา สงคราม การเมือง หรือการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
นวนิยายและภาพยนตร์เรื่องใหม่ ๆ จำนวนมากบรรยายถึงวันสิ้นโลกที่เป็นเรื่องแต่งขึ้นมาโดยพูดถึงโรคระบาดทั่วโลก สงครามนิวเคลียร์ หรืออุกกาบาตยักษ์ที่พุ่งชนโลก ในเรื่องราวเหล่านี้ ผู้คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ถูกฆ่าตาย และผู้คนที่รอดชีวิตก็เข้าสู่ยุคที่ชีวิตแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากความกลัวและความคาดหวังนี้ ผู้คนจึงมองหาคำตอบว่าจะเผชิญกับอนาคตอย่างไร บางคนมองหาคำอธิบายทางศาสนา พวกเขาสนใจข่าวสารของลัทธิวันสิ้นโลก ลัทธิวันสิ้นโลกเริ่มต้นโดยบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้เผยพระวจนะที่มีการเปิดเผยใหม่ ลัทธิวันสิ้นโลกพยายามตอบสนองความต้องการทางอารมณ์และฝ่ายวิญญาณของผู้คนด้วยการอธิบายสภาพของโลกและสิ่งที่เราควรทำเพื่อเตรียมตัว
ลัทธิวันสิ้นโลกมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ผู้เผยพระวจนะที่ได้รับการนับถือชื่อว่า มอนทานัส เขาอาศัยอยู่ในคริสตจักรช่วงศตวรรษที่สอง เขาพยากรณ์เกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้าที่จะไม่ถึงในไม่ช้าและการสิ้นสุดระบบของโลก ตลอดประวัติศาสตร์ของคริสตจักรมีคนอ้างว่ารู้เวลาที่พระคริสต์จะกลับมาเพื่อสถาปนาอาณาจักรของพระองค์และพิพากษาคนชั่ว มีคนนับล้าน ๆ คนที่ถูกหลอกลวงและผิดหวัง
► มีตัวอย่างอะไรของลัทธวันสิ้นโลกที่คุณเคยเห็นหรือได้ยินมาบ้าง?
พวกผู้นำของลัทธิวันสิ้นโลกไม่ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ในยุคนั้นตามหลักการของพระคัมภีร์ แม้ว่าพวกเขาจะอ้างว่าตนเป็นคริสเตียนและใช้พระคัมภีร์ก็ตาม ต่อไปนี้คือลักษณะเฉพาะบางประการของลัทธิวันสิ้นโลกส่วนใหญ่
ลักษณะของลัทธิวันสิ้นโลก 
(1) พวกเขากำหนดวันที่เพื่อพยากรณ์อย่างเจาะจง 
พวกเขาอาจพยากรณ์ถึงการมาครั้งที่สองขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเยซูตรัสว่าไม่มีใครรู้เวลาที่พระองค์จะกลับมา ดูใน มัทธิว 24:36 
พวกเขาอาจพยากรณ์ถึงการสิ้นสุดของรัฐบาลโลก พวกเขาอาจพยากรณ์ถึงหายนะที่จะทำลายคนชั่วในโลกนี้ พวกเขาอาจบอกเวลาอย่างเจาะจงว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร เมื่อไม่เกิดขึ้นจริง พวกเขาก็บอกว่าการพยาการณ์ของพวกเขาหมายถึงอย่างอื่น พวกเขาอาจกำหนดวันขึ้นมาใหม่ พวกเขามักจะให้คำเผยพระวจนะเรื่องเล็กลงหลายเรื่องที่ก็ไม่เกิดขึ้นจริงเช่นกัน
พระคัมภีร์กล่าวว่าถ้าคำเผยพระวจนะของใครไม่เกิดขึ้นจริง เขาก็ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในฐานะผู้เผยพระวจนะ ดูใน เฉลยธรรมบัญญัติ 18:22 
(2) พวกเขาตีความพระคัมภีร์แบบใหม่ 
พวกเขาให้ความหมายใหม่กับวลีใดวลีหนึ่งในพระคัมภีร์ที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อน ความหมายคือบางสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้จากพระคัมภีร์เอง ผู้เผยพระวจนะที่ได้รับการนับถืออ้างว่าการตีความมาถึงเขาผ่านการเปิดเผยสำแดง ซึ่งทำให้เป็นการเปิดเผยใหม่และไม่ใช่การตีความ นี่คือการใช้พระคัมภีร์อย่างผิดวิธี เพราะพวกเขาบอกว่าพระคัมภีร์สอนแนวคิดของพวกเขา แต่จริงๆ แล้วพวกเขาพึ่งการเปิดเผยใหม่เพื่อเพิ่มความหมายให้กับพระคัมภีร์ซึ่งไม่ได้มีอยู่ในนั้น ผู้คนที่เชื่อข้อความนี้คือคนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเชื่อใจผู้เผยพระวจนะ พวกเขาไม่ได้ทำตามสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ แต่ตามสิทธิอำนาจของผู้นำลัทธิ
พระคัมภีร์กล่าวว่าพระคัมภีร์ไม่ได้มีไว้เพื่อแต่ละคนจะให้ความหมายด้วยตัวเอง พระเจ้าดลใจและควบคุมกระบวนการเขียนเพื่อจะมีความหมายตรงตามที่พระเจ้าต้องการตรัส ดูใน 2 เปโตร 1:20-21 
(3) พวกเขาประสงค์การกระทำที่ไม่ใช่ของคริสเตียน 
พวกเขาเรียกร้องให้สมาชิกมีพฤติกรรมที่ไม่เคยมีในศาสนาคริสต์ พวกเขาอาจเรียกร้องให้แยกตัวออกจากสังคมและจากชีวิตปกติ พวกเขามีทัศนคติที่เป็นปฏิปักษ์กับคนที่เป็นศัตรูและอาจถึงกับสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง พวกเขาอาจใช้กำลังกับสมาชิกและครอบครัวของพวกเขา เมื่อพวกเขาต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของตน พวกเขาจะเรียกมันว่าเป็นการข่มเหง พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะแทรกแซงอย่างอัศจรรย์เพื่อตอบสนองต่อความเชื่อแบบหัวปักหัวปำของพวกเขา ลัทธิวันสิ้นโลกบางลัทธิจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย
ทิตัส 3:1-5 เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมที่ควรเป็นรูปแบบของคริสเตียนกับพฤติกรรมของคนบาป 
(4) พวกเขาแยกสมาชิกออกจากความสัมพันธ์อื่น ๆ 
ลัทธิวันสิ้นโลกบางลัทธิเรียกร้องให้สมาชิกมอบทุกสิ่งที่พวกเขามีให้กับองค์กร สมาชิกใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและแยกตัวจากญาติกับเพื่อนฝูงที่ไม่อยู่ในลัทธิ พวกเขาอาจถูกสอนให้ถือว่าคนภายนอกเป็นศัตรู สุดท้ายแล้วพวกผู้ติดตามจะผิดหวังเพราะการสามัคคีธรรมไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงและไม่สามารถเป็นการสามัคคีธรรมที่แท้จริงของคริสเตียนได้
พระเยซูอธิษฐานว่าเราจะเหมือนพระองค์ คืออยู่ในโลกนี้แต่จะไม่ดำเนินชีวิตอย่างคนในโลก ดูใน ยอห์น 17:14-16 
► คำถามนี้แนะนำตอนถัดไป: พวกลัทธิวันสิ้นโลกก่อให้เกิดอันตรายอะไร?
ผลกระทบของลัทธิวันสิ้นโลก 
ลัทธิวันสิ้นโลกเป็นอันตรายได้ในหลายทาง
1. พวกเขาดึงดูดผู้คนจากคริสตจักรของคริสเตียนให้มาสู่หลักคำสอนเท็จ
2. พวกเขาทำให้ผู้ติดตามของตนผิดหวังและทำให้พวกเขาสูญเสียความเชื่อโดยสิ้นเชิง
3. พวกเขาอ้างว่าเป็นคริสเตียน แต่กลับมีพฤติกรรมที่ไม่ใช่ของคริสเตียนซึ่งเป็นการทำลายชื่อเสียงของพระคริสต์
4. พวกเขาทำให้ผู้คนสงสัยพระคัมภีร์เกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้าและการกลับมาของพระคริสต์
คริสเตียนตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ของโลก 
[2] พระคัมภีร์กล่าวถึงช่วงเวลาเช่นนี้ พระคัมภีร์อย่างเช่นในพระธรรมดาเนียลและพระธรรมวิวรณ์ถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่อนาคตไม่แน่นอน มีความวุ่นวายในสังคม มีสงครามระหว่างประเทศ และการข่มเหง ช่วงเวลาเหล่านี้ทดสอบความเชื่อของผู้คนที่เชื่อพระเจ้า ดูเหมือนว่าทุกสิ่งออกนอกการควบคุมและทุกสิ่งที่ดีก็อาจถูกทำลายได้
ใจความสำคัญของพระคัมภีร์หมวดคำพยากรณ์คือการที่พระเจ้าควบคุมทุกสิ่งและจะสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ พระองค์จะมอบรางวัลให้กับผู้ชอบธรรม[3]  พระคัมภีร์ยืนยันถึงช่วงเวลาที่ทุกข์ลำบากและความชั่วดูเหมือนจะปกครองสักช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เชื่อถูกเรียกให้ยึดมั่นในความเชื่อในพระเจ้าและใช้ชีวิตอย่างสัตย์ซื่อแม้ว่าโลกจะอยู่ในสภาวการณ์ใดก็ตาม ข้อพระคัมภีร์เหล่านั้นนำมาใช้กับช่วงเวลาเหล่านั้น และนำมาใช้กับช่วงเวลาใดก็ตามที่ความเชื่อของเราได้รับการทดสอบในลักษณะคล้ายกัน
พระธรรม 2 เธสะโลนิกา เขียนถึงคริสเตียนที่คาดหวังการกลับมาของพระเยซูและคาดหวังว่าการพิพากษาของพระเจ้าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ พวกเขาได้ยินจากพวกคนที่อ้างว่ารู้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว (2 เธสะโลนิกา 2:2) พวกเขาสับสนว่าจะต้องทำอะไร
อัครทูตเปาโลอธิบายถึงบางเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่นานก่อนการกลับมาของพระคริสต์ รวมถึงการปกครองของบุคคลหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเป็น “คนนอกกฎหมาย” และ “ลูกแห่งความพินาศ” (2 เธสะโลนิกา 2:3)
สิ่งที่สำคัญเป็นพิเศษสำหรับเราคือการเข้าใจคำแนะนำที่เป็นบทสรุปของเปาโลต่อผู้เชื่อเหล่านี้ใน 2 เธสะโลนิกา 2:15-17 เขาบอกผู้เชื่อเหล่านี้ให้ตั้งมั่นและปฏิบัติตามสิ่งถูกสอนมา พวกเขาต้องไม่ละทิ้งหลักการพื้นฐานของชีวิตคริสเตียนเพราะเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ในข้อ 17 เขาอธิษฐานว่าพระเจ้าจะเสริมพวกเขาให้มั่นคงทั้งในวาจาและการกระทำอันดีทุกอย่าง
แม้ว่าจุดจบของโลกมาใกล้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่เราจะละทิ้งหลักการของการดำเนินชีวิตคริสเตียน สิ่งต่าง ๆ ที่เคยสำคัญที่สุดสำหรับเราเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดไปตลอดจนถึงจุดสุดท้าย เราต้องประกาศข่าวประเสริฐกับคนที่หลงหาย ยึดมั่นหลักคำสอนที่แท้จริง ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ สามัคคีธรรมกับผู้เชื่อทั้งหลาย ทำการดีต่อผู้อื่น และแสดงความรักให้กับคนทั้งหมด
► อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดต่อการจดจำถ้าหากเราดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นวันสิ้นโลก?
► เวลานี้ย้อนกลับไปอ่านข้อความที่มีตัวหนาและตัวเอียง กับข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ
 
[1] 
“ใช่ ผมเชื่อว่าโลกนี้จะสิ้นสุดลงเหมือนอย่างที่พวกเรารู้ แต่เมื่อไรนั้น ผมไม่รู้ ประวัติศาสตร์ทั้งหมดชี้ไปที่เหตุการณ์สำคัญเมื่อทุกสิ่งที่มองเห็นในขณะนี้จะถูกชำระด้วยไฟ นี่ไม่ใช่จินตนาการเพ้อฝัน แต่เป็นประจักษ์พยาน 
ที่ชัดเจนและซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพระคัมภีร์”
- Billy Graham
 
[2] 
“พระองค์จะเสด็จมาอีกด้วยพระสิริรุ่งโรจน์เพื่อทรงพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย: รัชสมัยของพระองค์ 
จะไม่สิ้นสุด” 
- หลักข้อเชื่อไนซีน
 
[3] ดาเนียล 2:44, ดาเนียล 4:34, ดาเนียล 6:26, ดาเนียล 7:27, วิวรณ์ 1:7, วิวรณ์ 6:15-17, วิวรณ์ 11:15, วิวรณ์ 17:14, วิวรณ์ 19:11-21.
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next