[1] ต้นกำเนิดนิกายโรมันคาธอลิก
ผู้นำระดับโลกของนิกายโรมันคาธอลิกเรียกว่าพระสันตปาปา สำนักงานใหญ่ของคริสตจักรโรมันคาธอลิกตั้งอยู่ในกรุงโรม
คำว่า คาธอลิก  หมายถึง “สากล” หรือ “สมบูรณ์ครบถ้วน” คริสตจักรโรมันคาธอลิกอ้างว่าตนเป็นคริสตจักรที่สมบูรณ์ครบถ้วนของพระเจ้าและคริสตจักรอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นของปลอม
นิกายโรมันคาธอลิกอ้างว่าตนเป็นคริสตจักรดั้งเดิมที่ได้รับการสถาปนาโดยพระคริสต์ ชาวคาธอลิกอ้างว่าพระสันตะปาปาองค์แรกคือเปโตร และมีผู้สืบทอดจากโปโตรในฐานะพระสันตะปาปาของคริสตจักรคาธอลิกเสมอ พวกเขาเชื่อว่ากลุ่มผู้นำของเขาที่เรียกว่า “พระคาร์ดินัล” เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งอัครทูตและมีสิทธิอำนาจอย่างเดียวกันกับเหล่าอัครทูตดั้งเดิม
นิกายโรมันคาธอลิกเหมือนกับนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ในด้านหลักข้อเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา
อิทธิพล 
คริสตจักรโรมันคาธอลิกเป็นองค์กรหนึ่งเดียวที่มีอยู่ทั่วโลก ในปี 2021 มีสมาชิกนิกายโรมันคาธอลิกมากกว่า 1,370 ล้านคน[2]  ประชากรของหลายประเทศส่วนใหญ่นับถือนิกายโรมันคาธอลิก ในประเทศเหล่านี้ นิกายโรมันคาธอลิกถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขา มีผู้คนนับล้านที่นับถือนิกายโรมันคาธอลิก แต่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเพียงเป็นครั้งคราวเท่านั้น
คริสตจักรคาธอลิกเป็นคริสตจักรที่มั่งคั่งและมีอำนาจทางการเมืองอย่างมาก ในศตวรรษแรก ๆ หลายครั้งที่คริสตจักรใช้กองทัพเพื่อบีบบังคับประเทศต่าง ๆ ให้ยอมจำนนต่อคริสตจักร ในประเทศต่าง ๆ ที่ถูกควบคุมโดยนิกายโรมันคาธอลิก จะมีคนมากมายที่ถูกทรมานและสังหารเนื่องจากพวกเขาไม่เห็นด้วยกับหลักคำสอนของคาธอลิก
► คำถามนี้แนะนำส่วนต่อไป คุณเห็นอะไรเกี่ยวกับการปฏิบัติในทางศาสนาของนิกายโรมันคาธอลิกบ้าง?
หลักข้อเชื่อของนิกายโรมันคาธอลิก 
รูปแบบการนมัสการของนิกายโรมันคาธอลิกเป็นแบบทางการอย่างมาก ชาวคาธอลิกมีอาสนวิหารขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลกซึ่งมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาสนวิหารได้รับการตกแต่งด้วยรูปภาพ[3] และรูปปั้นของนักบุญจากประวัติศาสตร์ โดยปกติบาทหลวงจะสวมชุดคลุมพิเศษ กิจกรรมการนมัสการส่วนใหญ่ดำเนินการโดยบาทหลวง โดยสมาชิกจะมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อย
ผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมได้หันมานับถือนิกายคาธอลิกในขณะเดียวกันก็ยังคงถือปฏิบัติตามศาสนาเดิมของพวกเขา แต่เดิมนั้นรูปเคารพของคนนอกศาสนาก็มักจะได้รับการตั้งชื่อตามนักบุญของคาธอลิก พิธีกรรมต่าง ๆ ของนิกายโรมันคาธอลิกก็ผสมผสานกับพิธีกรรมของศาสนาที่กราบไหว้รูปเคารพหรือศาสนาธรรมชาติ
หลักข้อเชื่อของคริสตจักรคาธอลิกเกี่ยวกับพระเจ้าสอดคล้องกันกับหลักคำสอนเบื้องต้นของคริสเตียนอย่างเช่น ตรีเอกานุภาพ ความเป็นพระเจ้า การตาย การถูกฝัง และการฟื้นขึ้นจากความตายในทางกายภาพของพระคริสต์ และความเป็นพระเจ้าของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นต้น
คริสตจักรคาธอลิกอ้างว่าคริสตจักรของตนมีสิทธิอำนาจเพื่ออธิบายความหมายของพระคัมภีร์ แม้ว่าการตีความของคริสตจักรดูเหมือนจะแตกต่างจากสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ก็ตาม ชาวคาธอลิกยังเอางานเขียนอื่น ๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคัมภีร์ที่ไม่ได้อยู่ในสารบบรวมไว้ในพระคัมภีร์ของพวกเขา คัมภีร์นี้ไม่ได้รวมอยู่ในพระคัมภีร์ที่คริสตจักรอื่น ๆ ใช้
► มุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของคริสตจักรที่สัมพันธ์กันกับพระคัมภีร์คืออะไร?
ชาวคาธอลิกเชื่อว่าพระสันตะปาปาเป็นตัวแทนของพระคริสต์บนโลกนี้ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อพระสันตะปาปาตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับศาสนาย่อมจะไม่สามารถผิดพลาดได้ สิทธิอำนาจนี้มาจากประเพณีของพวกเขาซึ่งไม่ได้มาจากพระคัมภีร์ พระสันตะปาปาจำนวนมากในอดีตที่เป็นคนชั่วร้าย ทำผิดถึงขั้นฆาตกรรม
ทั้งนิกายออร์ธอดอกซ์ตะวันออกและโรมันคาธอลิกเลือกบุคคลในประวัติศาสตร์มายกย่องเป็นนักบุญ นักบุญจำนวนมากมีสถานะในคริสตจักรเหมือนกับเทพเจ้า ผู้คนอธิฐานขอความช่วยเหลือจากพวกเขา นักบุญบางคนเชื่อกันว่ามีความสนใจในบางแง่มุมของชีวิตหรือในบางสาขาอาชีพ ด้วยเหตุนี้ทหารเรือ ชาวนา และครูอาจารย์ก็จะอธิษฐานต่อนักบุญพิเศษที่เรียกว่านักบุญอุปถัมภ์ ในบางสถานที่นักบุญจะเข้ามาแทนที่พวกเทพเจ้าของคนนอกศาสนา ผู้คนถือว่าพระเจ้าหรือแม้แต่พระเยซูนั้นอยู่ห่างไกลและไม่ห่วงใยพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอธิษฐานต่อนักบุญแทน
ใน ฮีบรู 4:16 พระเจ้าเชิญให้เราเข้ามาหาพระองค์ด้วยความมั่นใจในการอธิษฐาน เราไม่ต้องอาศัยคุณความดีในตัวเรา แต่พระเยซูจัดเตรียมหนทางให้เราเข้าถึงการสถิตอยู่ของพระเจ้าโดยทางการลบบาปของพระองค์ เอเฟซัส 2:13 
ชาวโรมันคาธอลิกถูกกล่าวหาว่านับถือรูปเคารพ เนื่องจากพวกเขาอธิษฐานต่อนักบุญโดยใช้รูปภาพและรูปปั้นของนักบุญ
การสร้างรูปปั้นเพื่ออธิษฐานและนมัสการเป็นการกราบไหว้รูปเคารพ พระคัมภีร์ห้ามไม่ให้กราบไหว้รูปเคารพ ดูใน อพยพ 20:4-5 และ 1 ยอห์น 5:21 เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจและเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า เขาก็ปฏิเสธรูปเคารพ ดูใน 1 เธสะโลนิกา 1:9 พระคัมภีร์ไม่เคยบอกว่าคริสเตียนควรอธิษฐานต่อใครนอกเหนือจากพระเจ้าหรือไม่เคยบอกให้ใช้รูปปั้นเพื่อการนมัสการ 
วัตถุสิ่งของที่เหล่านักบุญใช้ ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในคริสตจักรเพื่อเป็นการให้เกียรติ บางครั้งอวัยวะบางส่วนที่ยังคงหลงเหลืออย่างเช่น ฟันหรือกระดูกก็จะถูกเก็บรักษาไว้ในคริสตจักร ผู้คนมาคุกเข่าลงและอธิษฐานต่อนักบุญโดยมีกระดูกเป็นตัวแทนของนักบุญ
บาทหลวงของนิกายโรมันคาธอลิกไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน
พระแม่มารีย์ (มารดาของพระเยซู) ได้รับเกียรติเป็นพิเศษ หลักคำสอนเรื่องผู้ปฏิสนธินิรมลสอนว่าพระแม่มารีย์ถือกำเนิดมาโดยปราศจากธรรมชาติบาปและไม่เคยทำบาปเลย ชาวคาธอลิกจำนวนมากอธิษฐานต่อพระแม่มารีย์มากกว่าอธิษฐานต่อพระเจ้า พวกเขารู้สึกว่าพระเยซูจะฟังคำของพระแม่มารีย์และรับอิทธิพลจากพระนาง พระแม่มารีย์ได้กลายมาเป็นผู้กลางระหว่างผู้นมัสการกับพระเจ้า
ตามที่กล่าวใน 1 ทิโมธี 2:5 พระเยซูเป็นผู้กลางผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเยซูมีความเมตตาสงสารอย่างแท้จริงและเราไม่จำเป็นต้องมีอิทธิพลต่อพระองค์เพื่อให้พระองค์ห่วงใยเรา ดูใน ยอห์น 11:35 
[4] ► มุมมองที่ถูกต้องของคริสเตียนต่อมารีย์คืออะไร?
ทั้งนิกายโรมันคาธอลิกและออร์ธอดอกซ์ตะวันออกสอนหลักคำสอนเรื่องการแปรสภาพ นี่คือความเชื่อที่ว่าในช่วงระหว่างพิธีมหาสนิท ขนมปังและเหล้าองุ่นจะแปรสภาพไปเป็นร่างกายและเลือดของพระเยซูจริง ๆ ดังนั้นผู้นมัสการจึงสามารถรับพิธีนี้เพื่อจะได้รับความรอด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเชื่อว่าขนมปังและเหล้าองุ่นมีความศักดิ์สิทธิ์
โรมันคาธอลิกเชื่อว่าความรอดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการลบบาปของพระคริสต์เท่านั้นแต่ขึ้นอยู่กับการเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรคาธอลิก การรับมหาสนิท และการทำการดีด้วย
ชาวคาธอลิกไม่เทศนาข่าวประเสริฐว่าคนบาปสามารถกลับใจจากบาป มีความเชื่อในพระคริสต์ และรับความมั่นใจในความรอดได้ แต่บุคคลต้องทำตามคำสั่งของบาทหลวงอย่างสัตย์ซื่อและมีความหวังสำหรับความรอด
ชาวคาธอลิกจำนวนมากยังคงใช้ชีวิตด้วยการทำบาปอย่างเปิดเผย พวกเขาคาดหวังว่าพวกเขาจะเป็นชาวคาธอลิกอยู่ไปจนวันตาย จากนั้นก็จะใช้เวลาอยู่ในแดนชำระแล้วจึงไปสู่สวรรค์
พระคัมภีร์กล่าวว่าหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลเป็นคริสเตียนคือการที่เขาดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม ดูใน 1 ยอห์น 3:7-8 
แดนชำระและพระคุณการุณย์ 
ชาวโรมันคาธอลิกเชื่อว่าหลังจากความตายแล้ว บุคคลจะต้องทนทุกข์กับการลงโทษเนื่องจากบาปก่อนที่จะเข้าสู่สวรรค์ นี่เรียกว่าเป็นหลักคำสอนเรื่องแดนชำระ พวกเขเชื่อว่าความบาปต้องได้รับการลงโทษแม้ว่าจะมีการยกโทษให้แล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้คาธอลิกที่สัตย์ซื่อจึงคาดหวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ในแดนชำระสำหรับความบาปที่เขาทำลงไป คนบาปที่ใช้ชีวิตประมาทเลินเล่อก็คาดหวังว่าพวกเขาจะใช้เวลาในแดนชำระหลังจากความตาย จากนั้นจึงได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สวรรค์ พวกเขาเชื่อว่าไฟในแดนชำระจะทำให้เจ็บปวดยิ่งมากกว่าประสบการณ์ที่เจ็บปวดใด ๆ ในชีวิต
พระเยซูทนทุกข์เพื่อเราจะไม่ต้องถูกลงโทษเนื่องจากความบาป ดูใน อิสยาห์ 53:5 คาธอลิกไม่ยอมรับว่าการเป็นเครื่องบูชาของพระคริสต์นั้นเพียงพอที่จะยกโทษเราและทำให้เราไม่ต้องถูกลงโทษเนื่องจากบาปได้ 
พวกเขาเชื่อว่าคริสเตียนควรอธิษฐานเผื่อคนที่ตายไปแล้วและถวายของถวายให้กับคริสตจักรเพื่อพวกคนที่ตายไปแล้วนั้น แล้วในไม่ช้าพระเจ้าก็จะยกโทษบาปของผู้ตายเหล่านั้นและปล่อยพวกเขาออกจากแดนชำระ
ไม่มีที่ไหนในพระคัมภีร์ที่บอกให้เราอธิษฐานเผื่อคนที่ตายไปแล้ว แต่กลับบอกเป็นนัยว่าเราไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อให้คนบาปซึ่งตายไปแล้วจะรับความรอดได้เลย ดูใน ลูกา 16:23-26 
ชาวคาธอลิกเชื่อว่าคริสตจักรได้รับคุณความดีพิเศษจากพระคริสต์และนักบุญ พระสันตะปาปาสามารถมอบคุณความดีนี้แก่ผู้คนเพื่อช่วยพวกเขาให้ได้รับการยกโทษ คุณความดีนี้สามารถมอบให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือคนที่ตายไปแล้วซึ่งอยู่ในแดนชำระ
แนวคิดที่ว่าคุณความดีจากนักบุญนั้นเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากคุณความดีที่ได้จากพระคริสต์เพื่อช่วยคนบาปนั้นเป็นหลักคำสอนที่เลวร้ายมาก การงานของมนุษย์ไม่ได้สร้างคุณความดีอะไรเพื่อจะทำให้รับการยกโทษได้เลย ดูใน เอเฟซัส 2:8-9 ผู้เชื่อได้รับการยกโทษอย่างสมบูรณ์แล้วบนพื้นฐานของพระคุณ และไม่ใช่ด้วยการกระทำของใคร ดูใน โรม 4:5-8 
► หลักคำสอนเรื่องแดนชำระมีผลกระทบต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนที่เชื่อหลักคำสอนนี้อย่างไรบ้าง?
หลักคำสอนแปลกแยกของนิกายโรมันคาธอลิกนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระคัมภีร์ หลักคำสอนของพวกเขาตั้งอยู่บนพื้นฐานของประเพณีคริสตจักร
► เวลานี้ย้อนกลับไปอ่านข้อความที่มีตัวหนาและตัวเอียง กับข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ
 
[1] 
“คริสตจักรเป็นของอัครทูต โดยยังคงปกครองด้วยสิทธิอำนาจของ 
อัครทูตที่ยังมีอยู่ในงานเขียนของอัครทูต 
โดยอำนาจดังกล่าวถือเป็นมาตรฐาน”
- William Pope 
ประมวลคำสอนด้านศาสนศาสตร์คริสเตียน ฉบับที่ 3
 
[3] 
“พระคริสต์ทรงทนทุกข์แทนเราเพื่อบรรลุข้อกำหนดที่เป็นรากฐานของความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เพื่อขจัดอุปสรรคต่อการยกโทษและการคืนดีของผู้ที่ทำผิด สิ่งที่ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าเรียกร้องก็คือความรักของพระเจ้าที่จัดเตรียมไว้บนไม้กางเขน”
- Thomas Oden 
ถ้อยคำแห่งชีวิต
 
[4] 
“โปรเตสแตนต์ที่แท้จริงเชื่อในพระเจ้า มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในความเมตตาของพระองค์ ยำเกรงพระองค์ด้วยความเคารพในฐานะบุตร และรักพระองค์สุดจิตสุดใจ เขานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง เขาขอบคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่ง ใจและริมฝีปากของเขาร้องเรียกพระองค์ในทุกเวลาและทุกหนแห่ง เขาถวายเกียรติแด่นามอันบริสุทธิ์และพระวจนะของพระองค์ และเขารับใช้พระองค์อย่างแท้จริงตลอดทุกวันในชีวิตของเขา”
“ข้าพเจ้าปฏิเสธผู้ที่สาบานแบบพล่อย ๆ ทุกคน ผู้ละเมิดวันสะบาโต คนขี้เมา คนสำส่อนทางเพศ คนโกหก คนโกง คนรีดไถ โดยสรุปคือ ทุกคนที่ดำเนินชีวิตในบาปอย่างเปิดเผย คนเหล่านี้ไม่ใช่โปรเตสแตนต์ พวกเขาไม่ใช่คริสเตียนเลย”
- John Wesley 
“จดหมายถึงชาวโรมันคาธอลิก”
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next