Lesson 15: ศาสนาวูดู

ซาราห์ไปที่ชอร์ปของวูดูเพื่อถามคำถาม ชายคนนั้นบอกว่าวูดูไม่ขัดแย้งกับนิกายโรมันคาธอลิก และคน ๆ หนึ่งสามารถนับถือนิกายโรมันคาธอลิกและปฏิบัติวูดูได้เช่นกัน เขาบอกว่าวิญญาณช่วยเหลือผู้คน แต่ผู้คนควรตอบแทนวิญญาณด้วยการปล่อยให้วิญญาณเข้าสิงพวกเขา

► อ่านออกเสียง สดุดี 145 พร้อมกัน ให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนสรุปพระคัมภีร์ตอนนี้หนึ่งย่อหน้า พระคัมภีร์ตอนนี้บอกให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับฤทธิ์อำนาจและความดีของพระเจ้า? ให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนรายการเหล่านั้น และให้อภิปรายร่วมกันในกลุ่มถึงรายการที่พวกเขาเขียนไว้นั้น

[1]แนะนำศาสนาวูดู

ศาสนาวูดูมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาธรรมชาติของแอฟริกา แต่ความเชื่อและการปฏิบัติจากศาสนาเหล่านั้นก็ผสมผสานกับลักษณะเด่นของแหล่งกำเนิดอื่น ๆ ผู้ปฏิบัติศาสนาสมัยใหม่หลายคนชอบใช้คำว่า วูดูน มากกว่า

ตามความเชื่อของวูดู พระเจ้ามีอยู่จริง แต่ผู้คนไม่สามารถติดต่อพระองค์เพื่อขอความช่วยเหลือได้ ในทางกลับกันผู้คนสามารถปฏิสัมพันธ์กับวิญญาณที่เกี่ยวข้องในโลกได้

พระคัมภีร์บอกเราว่าพระเจ้าอยู่ใกล้พวกเราทุกคน และเมื่อเราพบพระองค์ได้ ดูใน กิจการ 17:27

► มีศาสนาอะไรอย่างอื่นที่คล้าย ๆ กันกับศาสนานี้?

ผู้ที่นับถือศาสนาวูดูนั้นแท้จริงแล้วคือผู้ที่บูชาซาตานและวิญญาณชั่วร้าย หลายคนยอมรับว่าพวกเขากำลังรับใช้ซาตาน

ผู้ที่นับถือศาสนาวูดูมักไม่ได้รับการยอมรับจากคนภายนอก เพราะมักใช้พิธีกรรมของโรมันคาธอลิก รูปปั้น และชื่อนักบุญต่าง ๆ ผู้นับถือศาสนาวูดูยังใช้ไม้กางเขนและสัญลักษณ์อื่น ๆ ของคริสเตียนอีกด้วย สถิติเกี่ยวกับศาสนาวูดูนั้นหาได้ยาก เนื่องจากผู้นับถือศาสนาวูดูจำนวนมากยังคงเกี่ยวข้องกับศาสนาอื่น ๆ รวมถึงศาสนาคริสต์ด้วย

เป็นไปไม่ได้ที่จะนมัสการพระเจ้าและนมัสการวิญญาณอื่น ๆ ด้วย ดูใน 1 โครินธ์ 10:20-22

[2]บางครั้งผู้คนที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียนแต่ไม่ได้กลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริงอาจมองไม่เห็นความขัดแย้งระหว่างศาสนาวูดูกับศาสนาคริสต์ ผู้ที่ไปคริสตจักรอาจไปหาหมอผีวูดูด้วยเพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาบางอย่าง นักธุรกิจอาจขอใช้เวทมนตร์เพื่อช่วยให้ขายสินค้าได้มากขึ้น คนเป็นพ่อแม่อาจไปขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับลูกที่ป่วย

► ทำไมจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนซึ่งนับถือบูชาศาสนาวูดูจะเป็นคริสเตียนที่แท้จริง?

คนที่นับถือบูชาศาสนาวูดูมีปฏิสัมพันธ์กับพวกวิญญาณโดยใช้แท่นบูชา ของถวาย การเต้นรำ และพิธีกรรมต่าง ๆ พวกเขาอธิษฐานต่อบรรพบุรุษด้วย

วิญญาณต่าง ๆ (loa) ถูกแบ่งออกเป็นห้าชนชาติ และมีหลายครอบครัวของบุคคลที่มีนามสกุลเดียวกัน วิญญาณบางประเภทหรือครอบครัวของวิญญาณมีความเกี่ยวข้องกับบางแง่มุมของชีวิต เช่น เกษตรกรรม ทหาร หรือความรัก ซึ่งคล้ายกับวิธีที่ชาวโรมันคาธอลิกกำหนดให้เหล่านักบุญเกี่ยวข้องกับแง่มุมต่างๆ ของชีวิต

ปุโรหิตและปุโรหิตหญิงในศาสนาจะเป็นผู้นำในการประกอบพิธีกรรม และอาจได้รับการว่าจ้างให้ทำพิธีกรรมหรือปกป้องจากเวทมนตร์ได้ พวกเขาอาจมีกลุ่มสมาชิกที่พวกเขาเป็นผู้นำในการนมัสการเป็นประจำและให้การสนับสนุนอื่น ๆ ในฝ่ายวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีหมอผีอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่าโบกอร์ ซึ่งอาจเป็นหรือไม่เป็นนักบวชก็ได้ และมักจะเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ชั่วร้าย ตัวอย่างเช่น โบกอร์อาจถูกว่าจ้างให้มาสาปแช่งใครบางคน[3]

 สำนักหมอผี

คนที่ชื่อซีโมนเป็นคนเล่นคาถาอาคมและมีพลังอำนาจ แต่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่า ดูใน กิจการ 8:9-13

ศาสนาวูดูไม่มีองค์กรหรือสิทธิอำนาจที่เป็นศูนย์กลาง ปุโรหิตหรือปุโรหิตหญิงแต่ละคนจะเป็นผู้ประกอบพิธี ส่วนผู้ที่นับถือบูชาศาสนาวูดูทุกคนก็อยู่ในครอบครัววูดู

ในฐานะคริสเตียน เราอยู่ในครอบครัวฝ่ายวิญญาณที่มีพี่น้องชายหญิงซึ่งแบ่งปันชีวิตร่วมกันและช่วยเหลือกันในทางปฏิบัติ ดูใน ยากอบ 2:15-16 และ กาลาเทีย 6:10

พิธีกรรมวูดูมักจะจัดขึ้นในคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ พิธีกรรมวูดูประกอบด้วยบทสวดที่อ่านเพื่อเป็นเกียรติแก่วิญญาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว เพลงมากมาย และคำอธิษฐาน ผู้นับถือบูชาจะใช้กลอง แทมโบรีน และขลุ่ยในพิธีกรรมซึ่งอาจใช้เวลาตลอดทั้งคืน ในระหว่างพิธีกรรมวูดู วิญญาณจะเข้าสิงผู้นับถือบูชาโดยพูดและกระทำผ่านพวกเขา การถูกวิญญาณเข้าสิงถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการนมัสการของศาสนาวูดู เชื่อกันว่าครอบครัวของผู้ที่ถูกวิญญาณเข้าสิงจะได้รับผลประโยชน์พิเศษ บางครั้งวิญญาณอาจให้คำแนะนำหรือการรักษา

พระวิญญาณบริสุทธิ์กำหนดทิศทางในคริสตจักรและเราไว้ใจพระองค์ได้เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า ดูใน กิจการ 13:2, กิจการ 15:28 และ กาลาเทีย 3:5

► ทำไมคริสเตียนจึงไม่ควรแสวงหาความช่วยเหลือจากวิญญาณต่าง ๆ?

ในพิธีกรรมแบบพิเศษของวูดู จะมีการบูชายัญไก่หรือหมู และดื่มเลือดกับสาดเลือด ปุโรหิตอาจกัดหัวไก่ ผู้นับถือบูชาอาจเต้นรำรอบกองไฟหรือรอบต้นไม้ต้นหนึ่ง พวกเขาร้องเพลงและอธิษฐานให้วิญญาณเข้าสิงพวกเขา พวกเขาวางอาหารไว้ให้เหล่าวิญญาณ พวกเขาวาดแผนผังบนพื้นซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการควบคุมพลังอำนาจของวิญญาณ พวกเขาใช้งูในพิธีกรรม บางครั้งพวกเขาสวมใส่ชุดสีขาว บางครั้งพวกเขาระบายสีบนใบหน้าโดยใช้สีต่าง ๆ แต่ใช้สีขาวเป็นสีเฉพาะ

บางครั้งมีการแสดงพลังเหนือธรรมชาติ บางคนอ้างว่าตนได้รับการรักษาโดยวิญญาณ พวกเขาพยายามขับไล่วิญญาณที่ทำให้เกิดโรคออกไป บางคนสามารถกัดไม้ที่กำลังเผาไหม้และคาบถ่านที่ยังคุอยู่ในปากได้

บางครั้งตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ จะถูกใช้เพื่อเป็นตัวแทนของบุคคลที่จะถูกสาป โดยอาจใช้หมุดหรือมีดปักเข้าไปในตุ๊กตา คนบางคนเสียชีวิตจากคำสาป แต่คริสเตียนที่แท้จริงได้เป็นพยานว่าคำสาปของวูดูไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้

ในบ้านของผู้นับถือบูชา เขาอาจมีแท่นบูชาสำหรับวิญญาณและบรรพบุรุษ แท่นบูชาอาจมีรูปภาพและรูปปั้นของวิญญาณ และสิ่งของที่วิญญาณชอบ เช่น ดอกไม้ เทียน น้ำหอม หรืออาหาร เทียนสีขาวและแก้วน้ำอาจเป็นเครื่องบูชาพื้นฐาน

ผู้ถือปฏิบัติในศาสนาวูดูบางคนสวมสิ่งของที่เชื่อว่าจะปกป้องพวกเขาจากวิญญาณที่ทำอันตราย พวกเขายังสวมให้ลูก ๆ และทารกด้วย

พวกเขาเชื่อว่าหลังจากความตาย ดวงวิญญาณจะไปอาศัยอยู่ในธรรมชาติบางอย่าง เช่น ต้นไม้

ผู้นับถือบูชาศาสนาวูดูบางคนถูกภูตผีปีศาจเข้าสิงและครอบงำอยู่ตลอดเวลา บางคนกลายเป็นคนบ้าคลั่ง รุนแรง และทำลายตัวเอง

คนที่ถูกภูตผีปีศาจเข้าสิงมีความกลัวและบ้าคลั่ง และทำร้ายตัวเอง ดูใน มาระโก 5:2-5

► เวลานี้ย้อนกลับไปอ่านข้อความที่มีตัวหนาและตัวเอียงกับข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ

ผู้นับถือบูชาศาสนาวูดูไม่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าหรือไม่มีความมั่นใจในความรอด นั่นหมายความว่าพวกเขามีความต้องการในฝ่ายวิญญาณที่สามารถตอบสนองได้โดยข่าวประเสริฐ คริสเตียนสามารถแบ่งปันข่าวประเสริฐและคำพยานส่วนตัวในการกลับใจมาเชื่อของเขา และสิ่งที่มีความหมายสำหรับเขาในการใช้ชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์กับพระเจ้า

ผู้นับถือบูชาศาสนาวูดูใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัว พวกเขาไม่ได้รับใช้พระเจ้าผู้ที่รักพวกเขา พวกเขาคาดหวังการปฏิบัติทั้งดีและชั่วจากวิญญาณต่าง ๆ พวกเขาต้องจ่ายเงินให้กับปุโรหิตวูดูสำหรับการสนับสนุนทางศาสนาทุกอย่างที่ทำเพื่อพวกเขา ในบางประเทศ ผู้คนตกเป็นทาสของผู้นำศาสนาวูดู

คนที่เลือกนมัสการวิญญาณต่าง ๆ เพราะเขาคิดว่าตนเองต้องการความช่วยเหลือและการปกป้องจากวิญญาณเหล่านั้น ผลที่ได้รับเหมือนกันกับผลที่ได้จากการติดตามความบาปใด ๆ สิ่งดีที่คนนั้นพยายามเพื่อจะได้รับก็จางหายไป และความบาปก็ทำลายทุกสิ่งที่ดีในชีวิตของเขาซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย

คนที่ปฏิเสธข่าวประเสริฐก็ต้องการดำเนินชีวิตต่อไปในความบาปและต้องการควบคุมชีวิตของตนเองแทนที่จะให้พระเจ้าควบคุม อย่างไรก็ตาม คนที่สัมพันธ์กับวิญญาณชั่วทั้งหลายก็สูญเสียการควบคุมตนเองและตกเป็นทาส

ข่าวประเสริฐเป็นข่าวสารแห่งการปลดปล่อยจากอำนาจของความชั่ว เป็นข้อเสนอแห่งการยกโทษ เป็นข้อเสนอสำหรับการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้รักและห่วงใยเรา

ฌาคเป็นหมอผีวูดูในเฮติ เขาฆ่าคนไปหลายคนด้วยคำสาป เขาอยู่กับผู้หญิงหลายคน วันหนึ่ง มีมิชชันนารีคนหนึ่งบอกเขาว่าวิญญาณที่เขารับใช้อยู่จะทำลายเขาในสักวันหนึ่ง ต่อมาฌาคขอให้มิชชันนารีคนนั้นมาอธิษฐานเผื่อเขา ฌาคจึงกลับใจใหม่และทำลายอุปกรณ์ทั้งหมดของเขาที่ใช้ในศาสนาวูดู

► เวลานี้อ่าน สดุดี 145 อีกครั้ง ให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนหนึ่งย่อหน้าเพื่ออธิบายว่าเนื้อหาของพระคัมภีร์ตอนนี้มีไว้สำหรับผู้นับถือศาสนาวูดูอย่างไรบ้าง นักศึกษาหลายคนสามารถแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาเขียนได้

ขอให้จำไว้ว่าคุณจะต้องหาโอกาสเพื่อนำเสนอข่าวประเสริฐให้กับใครบางคนจากกลุ่มศาสนานี้ เตรียมแบ่งปันบทสนทนาที่คุณมีแล้วนั้นกับเพื่อนร่วมชั้นของคุณ เขียนรายงานสองหน้ากระดาษและส่งให้กับหัวหน้าชั้น