แนะนำนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ 
คำว่า ออร์โธดอกซ์  มาจากคำกรีกที่มีความหมายว่า “การนมัสการอย่างถูกต้อง” นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์เชื่อว่าคริสตจักรที่แท้จริงที่มีหลักคำสอนกับการปฏิบัติก็จัดเตรียมการนมัสการอย่างถูกต้องต่อพระเจ้า
นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์กับนิกายโรมันคาธอลิกแยกออกจากกันอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1054 แต่ละฝ่ายอ้างว่าตนเป็นคริสตจักรดั้งเดิมที่วางรากฐานโดยพระเยซูและเหล่าอัครทูต แต่ละฝ่ายอ้างว่าตนเป็นคริสตจักรของพระเจ้าบนโลกนี้และเป็นผู้เดียวที่มีหลักคำสอนแท้จริงซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของประเพณีของคริสเตียนยุคแรก พวกเขาเชื่อในหลักคำสอนที่เหมือนกันหลายประการ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยแล้วการนมัสการของพวกเขาก็ดูคล้ายคลึงกันมาก
นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์มีองค์กรคริสตจักรที่ปกครองตนเอง 15 แห่ง ซึ่งแบ่งตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ในบางประเทศ คริสตจักรใช้ชื่อประเทศเป็นชื่อคริสตจักร เช่น คริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียหรือคริสตจักรออร์โธดอกซ์เซอร์เบีย คริสตจักรออร์โธดอกซ์กรีกแห่งแอนติออก คริสตจักรออร์โธดอกซ์โรมาเนีย และคริสตจักรแห่งไซปรัส
องค์กรคริสตจักรแต่ละแห่งปกครองโดยสังฆราชหรืออาร์ชบิชอป สังฆราชแห่งคอนสแตนติโนเปิลถือเป็นตำแหน่งสูงสุดในบรรดาผู้นำทั้ง 15 แห่ง นครโบราณคอนสแตนติโนเปิลคืออิสตันบูล ประเทศตุรกี สังฆราชแห่งคอนสแตนติโนเปิลไม่มีอำนาจเหนือองค์กรคริสตจักรอื่น ๆ แต่ทุกแห่งยกย่องท่านในฐานะผู้นำสูงสุด
จากการประมาณจำนวนผู้นับถือนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์พบว่ามีตั้งแต่ 225 ล้านคนถึง 300 ล้านคน ถือเป็นองค์กรคริสเตียนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากนิกายโรมันคาธอลิก
ในหลายประเทศในยุโรปตะวันออก ประชากรส่วนใหญ่นับถือนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ และยังมีผู้นับถือนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์จำนวนมากในหลายประเทศในตะวันออกกลาง
► มีคริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์อะไรบ้างที่คุณคุ้นเคย?
[1] หลักข้อเชื่อของนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์
คริสตจักรของอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์เชื่อหลักคำสอนพื้นฐานของคริสเตียนเกี่ยวกับพระเจ้า อย่างเช่นตรีเอกานุภาพและความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์และพระวิญญาณบริสุทธิ์
นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์พึ่งพาประเพณีของคริสตจักรอย่างมาก ในการพิสูจน์หลักคำสอน ผู้นำของพวกเขาดูเหมือนจะอ้างอิงจากผู้นำคริสตจักรในยุคแรกเฉกเช่นการอ้างอิงจากพระคัมภีร์ พวกเขาสอนว่าพระคัมภีร์เป็นสิทธิอำนาจสำหรับหลักคำสอนของพวกเขา แต่พระคัมภีร์ต้องได้รับการตีความโดยคริสตจักร
ออร์โธดอกซ์ได้สร้างระบบที่ซับซ้อนของหลักข้อเชื่อและการปฏิบัติซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของประเพณี คริสตจักรอ้างว่าตนมีสิทธิอำนาจเพื่อสอนสิ่งที่จำเป็นต่อความรอด แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในคำสอนตามพระคัมภีร์ก็ตาม ผู้นับถือนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์เชื่อว่าประเพณีของพวกเขาไม่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์
รูปแบบการนมัสการของออร์โธดอกซ์เป็นทางการอย่างมาก พวกเขามีมีอาสนวิหารขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลกที่ขึ้นชื่อในด้านสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาสนวิหารได้รับการตกแต่งด้วยรูปภาพและรูปปั้นของนักบุญจากประวัติศาสตร์ บาทหลวงมักสวมชุดคลุมพิเศษ กิจกรรมการนมัสการส่วนใหญ่ดำเนินการโดยบาทหลวง โดยสมาชิกมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น[2] 
ผู้คนจากหลายวัฒนธรรมหันมานับถือนิกายออร์โธดอกซ์โดยยังคงปฏิบัติตามหลักปฏิบัติทางศาสนาเดิมของตนไว้ แต่เดิมทีรูปเคารพของคนนอกศาสนาจะถูกตั้งชื่อตามนักบุญคริสเตียน พิธีกรรมของคริสตจักรจะผสมผสานกับพิธีกรรมของศาสนาที่บูชารูปเคารพ หรือศาสนาธรรมชาติ หรือแม้แต่การใช้เวทมนตร์
ผู้นับถือนิกายออร์โธดอกซ์จำนวนมากมองว่าพระเจ้าและแม้แต่พระเยซูอยู่ห่างไกลและไม่สนใจพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอธิษฐานต่อนักบุญแทน
พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยให้เราอธิษฐานด้วยวิธีที่พระเจ้ายอมรับ ดูใน โรม 8:26-27 เราควรมีความมั่นใจว่าพระเจ้าได้ยินและตอบคำอธิษฐานของเรา บุคคลที่อธิษฐานต้องเชื่อว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน ไม่เช่นนั้นบุคคลนั้นก็ไม่มีความเชื่ออย่างที่พระเจ้าพอพระทัย ดูใน ฮีบรู 11:6 
รูปภาพและรูปปั้นของนักบุญมีไว้ในคริสตจักรเพื่อให้ผู้คนอธิษฐานต่อรูปเหล่านั้นได้ วัตถุสิ่งของที่เหล่านักบุญใช้ ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในคริสตจักรเพื่อเป็นการให้เกียรติ บางครั้งอวัยวะบางส่วนที่ยังคงหลงเหลืออย่างเช่น ฟันหรือกระดูกก็จะถูกเก็บรักษาไว้ในคริสตจักร ผู้คนมาคุกเข่าลงและอธิษฐานต่อนักบุญโดยมีกระดูกเป็นตัวแทนของนักบุญ
► การบูชารูปเคารพคืออะไร? การปฏิบัติบางอย่างของนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์เป็นการบูชารูปเคารพไหม?
พระแม่มารีย์ (มารดาของพระเยซู) ได้รับเกียรติเป็นพิเศษในนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ ผู้นับถือนิกายออร์โธดอกซ์จำนวนมากอธิษฐานต่อพระแม่มารีย์มากกว่าอธิษฐานต่อพระเจ้า พวกเขารู้สึกว่าพระเยซูจะฟังคำของพระแม่มารีย์และรับอิทธิพลจากพระนาง พระแม่มารีย์ได้กลายมาเป็นผู้กลางระหว่างผู้นมัสการกับพระคริสต์ สิ่งที่ไม่เหมือนกับคาธอลิกคือ นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ไม่เชื่อว่าพระแม่มารีย์เกิดมาพร้อมกับธรรมชาติของมนุษย์ที่แตกต่างจากคนอื่นและปราศจากบาปเสมอ
การอธิษฐานต่อพระเยซูเป็นเครื่องหมายของคริสเตียนในทุกหนแห่ง ดูใน 1 โครินธ์ 1:2. คริสเตียนยังอธิษฐานต่อพระเจ้าพระบิดาด้วย ดูใน 1 เปโตร 1:17 พระคัมภีร์ยังพูดถึงการสื่อสารกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย ดูใน 2 โครินธ์ 13:14 พระคัมภีร์ไม่เคยบอกว่าเราควรอธิษฐานต่อมารีย์หรือต่อใครก็ตามนอกเหนือจากพระเจ้า 
ทั้งนิกายคาธอลิกและอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์สอนเรื่องการแปรสภาพ นี่คือความเชื่อที่ว่าในช่วงระหว่างพิธีมหาสนิท ขนมปังและเหล้าองุ่นจะแปรสภาพไปเป็นร่างกายและเลือดของพระเยซูจริง ๆ ดังนั้นผู้นมัสการจึงสามารถรับพิธีนี้เพื่อจะได้รับความรอด
เมื่อพระเยซูแสดงให้พวกสาวกเห็นว่าการทำพิธีมหาสนิทนั้นเป็นอย่างไร พระองค์ยังมีชีวิตและอยู่กับพวกเขา ดูใน 1 โครินธ์ 11:23-25 ด้วยเหตุนี้เมื่อพระองค์ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา” พระองค์หมายความว่าขนมปังเป็นสัญลักษณ์ของร่างกายของพระองค์ ในทุกวันนี้การทำพิธีมหาสนิทจึงควรพิจารณาในลักษณะเดียวกันกับที่พระเยซูได้สถาปนาเอาไว้ 
สิ่งที่ไม่เหมือนกับชาวโรมันคาธอลิก นั่นคือบรรดาคนที่อยู่ในคริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ไม่เชื่อเรื่องแดนชำระ พวกเขาไม่เชื่อว่าพระสันตปาปามีสิทธิอำนาจของพระคริสต์เหนือคริสตจักรทั่วโลก พวกเขาปฏิเสธพระสันตปาปาของนิกายโรมันคาธอลิกและไม่มีผู้นำที่พวกเขาให้สิทธิอำนาจอย่างเดียวกันกับคาธอลิก
นักบวชของออร์โธดอกซ์แต่งงานได้ แต่มีเพียงนักบวชที่ไม่แต่งงานเท่านั้นที่จะเป็นบิชอปได้
นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์สอนหลักคำสอนเรื่อง เธโอสิส ว่าเป็นดั่งกระบวนการรับความรอด ในเธโอสิส นั้น ผู้เชื่อจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนเป็นเหมือนพระเจ้า มีลักษณะธรรมชาติที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์เหมือนอย่างพระองค์ สิ่งนี้สำเร็จได้โดยพระคุณและการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ กระบวนการนี้ไม่สมบูรณ์จนกระทั่งหลังจากความตาย บรรดาคนที่อยู่ในคริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์กล่าวว่าในการรับความบริสุทธิ์ที่สมบูรณ์แบบนี้ เราจะกลายเป็นพระเจ้า แต่พวกเขาไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่จำกัดเหมือนพระเจ้า
พระคัมภีร์กล่าวว่าผู้เชื่อทุกคนร่วมในพระลักษณะที่เป็นธรรมชาติของพระเจ้า ดูใน 2 เปโตร 1:3-4 เราไม่ต้องรอจนหลังจากความตายเพื่อจะมีพระลักษณะที่เป็นธรรมชาติของพระองค์ 
[3] พวกเขาเชื่อว่าพระคริสต์ได้มีชัยหนือความบาปเพื่อเราแล้ว แต่คริสเตียนแต่ละคนต้องรับฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อจะมีความก้าวหน้าในชัยชนะส่วนบุคคลเหนือบาปและความไม่บริสุทธิ์
คริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์สอนว่าคริสเตียนถูกทำให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระคริสต์ ซึ่งหมายความว่าผู้เชื่อได้รับการยกโทษบาปที่เขาทำไปแล้ว และได้รับการทำให้ชอบธรรมในการมีชีวิตอยู่ของเขาอย่างแท้จริง นั่นไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นถูกนับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในขณะที่เขายังคงทำบาป และไม่ได้หมายความว่าหากคนนั้นกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมแล้วจะยังคงถูกทำให้เป็นคนชอบธรรม ผู้เชื่อพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อจะมีชีวิตที่ชอบธรรมในทุกวัน นี่เป็นศาสนาศาสตร์ที่ดีเช่นกันหากบุคคลนั้นจดจำว่าพระเจ้ายอมรับเขาเพราะพระเยซูไม่ใช่เพราะการงานที่ดีของเขา
ผู้ที่นับถือนิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์จำนวนมากเชื่อในข่าวประเสริฐและมีประสบการณ์กับพระคุณของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม คริสตจักรของนิกายนี้ไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐอย่างชัดเจนว่าผู้ทำบาปต้องกลับใจจากบาปของตนและวางใจในพระคริสต์เพื่อรับความมั่นใจในความรอดทันที ดังนั้น ในบรรดาสมาชิกคริสตจักรออร์โธดอกซ์หลายล้านคน ส่วนใหญ่ยังคงดำเนินชีวิตในบาปอย่างเปิดเผยในขณะที่พวกเขาก็ปฏิบัติตามธรรมเนียมทางศาสนา พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าจะรับความรอดได้อย่างไร
► อะไรคือสิ่งดีบางประการเกี่ยวกับศาสนศาสตร์ของนิกายออร์โธดอกซ์?
► เวลานี้ย้อนกลับไปอ่านข้อความที่มีตัวหนาและตัวเอียง กับข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ
 
[1] 
“ขณะนี้คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ได้รับการสร้างขึ้นบนรากฐานของอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ โดยพระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก หลักคำสอนของคริสตจักรของคริสเตียนนี้
จะต้องแสวงหาในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” 
- Adam Clarke 
ศาสนศาสตร์คริสเตียน
 
[3] 
“การลบมลทินบาปครอบคลุมบาปทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นอย่างใด ทั้งบาปดั้งเดิมและบาปที่กระทำจริง ทั้งอดีตและอนาคต ทั้งใหญ่และเล็ก ทั้งในกาลเวลาและในนิรันดร์” 
- Thomas Oden 
The Word of Life
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next