แนะนำศาสนาเต๋า 
ศาสนาเต๋าอาจเริ่มต้นจากหนังสือชื่อ เต้าเต๋อจิง ซึ่งเขียนโดยชายชาวจีนชื่อเลาจื่อเมื่อ 350 ปีก่อนคริสตกาล ไม่แน่ชัดว่าเลาจื่อเป็นบุคคลเดียวหรือเป็นการรวบรวมงานเขียนจากนักเขียนหลายคน งานเขียนของชายชื่อจวงจื่อก็มีอิทธิพลต่อศาสนานี้เช่นกัน[1] 
ศาสนาเต๋าเรียกอีกอย่างว่าลัทธิเต๋า
คัมภีร์ของศาสนาเต๋ามีมากกว่า 1,000 เล่ม เรียกว่าคัมภีร์เต๋าจั้ง 
แนวปฏิบัติและแนวคิดของศาสนาเต๋าได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อและจากศาสนากับวัฒนธรรมท้องถิ่นของจีน แนวปฏิบัติของศาสนาเต๋าแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
การประมาณจำนวนผู้นับถือศาสนาเต๋าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีผู้นับถือศาสนาเต๋าเป็นจำนวนมาก และมีผู้นับถือศาสนาเต๋าที่แทรกตัวอยู่กับหลายศาสนา มีการประมาณว่าในประเทศจีนมีผู้นับถือศาสนาเต๋าอยู่ประมาณ 400 ล้านคน ศาสนาเต๋ามีอยู่ในหมู่ชาวจีนในหลายส่วนของโลก เช่น สิงคโปร์และไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีผู้นับถือศาสนาเต๋าจำนวนมากในเวียดนามและเกาหลี
[2] [3] มีโรงเรียนและวัดหลายแห่งที่สอนศาสนาเต๋า แต่ไม่ได้รวมเป็นองค์กรเดียวกัน ศาสนาเต๋าทำพิธีกรรมที่มุ่งหมายเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้กับเทพเจ้าและดวงวิญญาณทั้งหลาย วัดเต๋าหลายแห่งกำหนดให้นักบวชของตนต้องกินมังสวิรัติ พิธีกรรมอาจรวมถึงการเซ่นไหว้หมู เป็ด หรือผลไม้ บางครั้งมีการเผากระดาษที่มีรูปภาพ โดยมีความคิดว่าสิ่งของที่อยู่ในรูปภาพนั้นจะกลายเป็นของจริงในโลกฝ่ายวิญญาณ เป็นการสร้างสิ่งของบางอย่างให้เหล่าดวงวิญญาณได้ใช้
พระคัมภีร์บอกเราว่าไม่ควรทำสิ่งใดเหมือนที่ผู้คนในศาสนาอื่น ๆ ทำเพื่อให้มีผลแผ่ไปถึงโลกของดวงวิญญาณ ดูใน เฉลยธรรมบัญญัติ 18:10-12 พระเจ้าเป็นบุคคล พระองค์เป็นพระบิดาของเรา และเราควรพูดคุยกับพระองค์ ดูใน มัทธิว 6:7-9 
► คริสเตียนควรเกี่ยวข้องในโลกของวิญญาณอย่างไร?
กลุ่มศาสนาเต๋าแต่ละกลุ่มเชื่อในเทพเจ้ากลุ่มต่าง ๆ พวกเขาสวดมนต์และติดต่อกับพวกเทพเจ้า วิญญาณต่าง ๆ และบรรพบุรุษ
พระคัมภีร์กล่าวว่าคนที่ติดตามพระอื่นจะพบกับความโศกเศร้าแทนที่จะได้พบกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ ดูใน สดุดี 16:4 
พวกเขาใช้การทำนายโชคชะตาและการรู้อนาคตในรูปแบบต่าง ๆ บางคนเชื่อคนทรงคือคนที่ติดต่อสื่อสารกับวิญญาณทั้งหลาย ในประเทศจีนและในที่อื่น ๆ ที่มีคนนับถือศาสนาเต๋าจำนวนมาก พวกเขาจะมีขบวนแห่หลายขบวนในแต่ละปี ผู้ร่วมแห่ขบวนจะแต่งตัวแทนถึงเทพเจ้าหรือวิญญาณต่าง ๆ ผู้เข้าร่วมเหล่านี้ได้รับการพิจารณาว่ามีเทพเจ้าหรือวิญญาณที่เขาเป็นตัวแทนเข้าสิง
บางศาสนาถือว่าการมีวิญญาณของใครคนหนึ่งเข้าสิงเป็นเรื่องดี แต่พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าคนที่ถูกวิญญาณใช้ก็เป็นทาสและจำเป็นต้องได้รับการช่วยให้หลุดพ้น ดูใน กิจการ 16:16-18 
เทพเจ้าผู้ปกครองโลกนี้มีชื่อว่า หยู่หวง คือเง็กเซียนฮ่องเต้ ตามตำนานเล่าขานว่าเขาเป็นชายที่เกิดมาเป็นฮ่องเต้และเติบโตไปเป็นเทพเจ้าอย่างที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน เขาปกครองเทพเจ้าและวิญญาณอื่น ๆ ทั้งหมด แม้ว่าหยู่หวงจะเป็นเทพเจ้าผู้ปกครอง แต่เหนือเขาไปมีเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโลกและมีคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบ หยวนซีห์เทียนซุนถูกเรียกว่าประมุของค์แรก และเชื่อกันว่าไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ดำรงอยู่ก่อนสิ่งอื่นใด เชื่อกันว่าเขาดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีข้อจำกัด ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถมองเห็นเขาได้ด้วยตาเปล่า มีคุณธรรมทุกประการ อยู่ทุกหนทุกแห่ง และเป็นแหล่งที่มาของสัจธรรมทั้งหมด
► อะไรที่ขาดหายไปในแนวคิดของศาสนาเต๋าเรื่องพระเจ้า?
เต๋า เป็นคำในศาสนาเต๋าที่หมายถึงความจริงที่รวมทุกสิ่งและค้ำจุนทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ คำว่าเต๋ายังแปลว่า “หนทาง” ด้วย เนื่องจากหมายถึงหนทางที่สรรพสิ่งได้รับการค้ำจุนและเปลี่ยนสภาพใหม่
พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเยซูเป็นผู้เดียวที่สร้างและผดุงทุกสิ่งไว้ ดูใน โคโลสี 1:16-17 
ศาสนาเต๋าเชื่อว่าเต๋าเป็นสิ่งที่อธิบายหรือเข้าใจไม่ได้ พวกเขาบอกว่าเต๋าไม่ใช่สิ่งที่สามารถถูกพูดถึงเกี่ยวกับเต๋าได้
เราไม่สามารถเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับพระเจ้าเพราะพระองค์ไร้ความจำกัด แต่พระองค์ก็เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับพระองค์เอง พระเยซูมาเพื่อเปิดเผยพระลักษณะของพระเจ้าให้กับเรา ดูใน ยอห์น 1:18 and ยอห์น 14:6-9 
► ศาสนศาสตร์คริสเตียนแตกต่างจากคำแถลงของศาสนาเต๋าเกี่ยวกับเต๋าอย่างไรบ้าง? เราเข้าใจพระเจ้าได้ไหม?
   
รูปภาพ: แผนภาพ "หยิน-หยาง" แสดงให้เห็นแนวคิดของลัทธิเต๋า (Taoism) ที่ว่าสิ่งตรงข้ามทั้งหมด เช่น ความดีและความชั่ว เป็นเพียงแง่มุมที่แตกต่างกันของความเป็นจริงเท่านั้น 
ศาสนาเต๋าเชื่อว่าสิ่งตรงข้ามทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตาหรือเป็นเพียงส่วนเสริมของความเป็นจริง[4]  เป้าหมายของผู้นับถือศาสนาเต๋าคือการทำให้ตัวเองเข้ากับพลังของจักรวาลได้อย่างกลมกลืน จุดประสงค์ของเขาคือการบำรุงสุขภาพและยืดอายุให้ยาวนานขึ้น ศาสนาเต๋าเชื่อว่าบุคคลสามารถเป็นอมตะได้หากเขาเข้ากับพลังของจักรวาลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ศาสนาเต๋าเชื่อว่าบางคนบรรลุสิ่งนี้และควรได้รับการบูชาเป็นเทพเจ้า ศาสนาเต๋าเชื่อว่าพระเยซูเป็นบุคคลที่มีความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณและแสดงให้เห็นหนทางเพื่อผู้คนจะสามารถเป็นเทพเจ้าได้
พระคัมภีร์บอกเราว่าเราต้องไม่นมัสการใครอื่นนอกเหนือจากพระเจ้า ดูใน มัทธิว 4:10 และ วิวรณ์ 22:8-9 
เช่นเดียวกับชาวพุทธและฮินดู ผู้นับถือศาสนาเต๋าเชื่อในวัฏจักรแห่งกาลเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดจบ และไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ อย่างถาวร สิ่งที่แตกต่างจากศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธคือ ลัทธิเต๋าไม่เชื่อในระบบการกลับชาติมาเกิด กรรม และนิพพาน
► เวลานี้ย้อนกลับไปอ่านข้อความที่มีตัวหนาและตัวเอียง กับข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ
 
[2] 
“ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ 
เนรมิตฟ้าดิน ทั้งสิ่งที่เห็นได้และเห็นไม่ได้” 
- หลักข้อเชื่อไนซีน
 
[3] 
“พระองค์ผู้เป็นเอกเทศนี้เองคือผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสิ่งทรงสร้าง พระองค์ผู้ไม่จำกัดนี้เองที่อุปถัมป์ค้ำชูสิ่งที่จำกัดในทุกระดับ พระองค์ผู้ยิ่งใหญ่นี้เองที่เอาใจใส่จักรวาลทั้งหมดและนกกระจอกที่เล็กที่สุด พระองค์ผู้เป็นนิรันดร์นี้เองคือผู้ให้และเป็นผู้ผดุงเวลากับกระแสกาลเวลาที่เปลี่ยนไป” 
- Thomas Oden 
พระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next