ประเด็นต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญของข่าวประเสริฐ เป็นไปได้ที่คนๆ หนึ่งจะได้รับความรอดโดยไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธประเด็นเหล่านี้เป็นการเอารากฐานของข่าวประเสริฐออกไป บุคคลหรือองค์กรใดที่ปฏิเสธประเด็นสำคัญเหล่านี้ก็มีแนวโน้มสร้างข่าวประเสริฐอย่างอื่นโดยเชื่อวางใจในวิถีเทียมเท็จสำหรับความรอด
เมื่อคุณแบ่งปันข่าวประเสริฐกับใครบางคน บางประเด็นจะมีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากข้อผิดพลาดที่เขาเชื่ออยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาเชื่อว่าความรอดจะต้องผ่านมาทางองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น เขาก็จะเชื่อว่าการเป็นสมาชิกองค์กรนั้นเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้ได้รับความรอด เขาจำเป็นต้องรู้ว่าการรับการอภัยบาปเป็นการส่วนตัวของบุคคลหนึ่ง จะทำให้เขาเข้ามามีความสัมพันธ์โดยตรงกับพระเจ้าได้
(1) พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์เพื่อเขาจะมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้ (ปฐมกาล 1:27, กิจการ 17:24-28)
ความจริงนี้แสดงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ของการที่เรามีชีวิตอยู่และเป้าหมายของความรอด ความจริงนี้ขัดแย้งกับศาสนาที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นบุคคลที่รักมนุษย์ทุกคนได้ ความจริงนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาที่แท้จริงของโลกนี้ คือการที่ผู้คนไม่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า
► จะเกิดอะไรขึ้นหากคน ๆ หนึ่งไม่เชื่อว่าพระเจ้ารักเขา?
(2) มนุษย์คนแรกทำบาปและแยกขาดจากพระเจ้า (ปฐมกาล 3:3-6, 8, อิสยาห์ 59:2)
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความบาปดั้งเดิมและเหตุผลที่โลกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ โลกได้ทนทุกข์และโศกเศร้าเพราะความบาป แม้ว่ายังมีความชื่นชมยินดีและวัตถุประสงค์เนื่องจากการออกแบบของพระเจ้า แต่โลกนี้ก็ไม่ได้เป็นตามแผนที่พระเจ้าวางไว้
► จะเกิดอะไรขึ้นหากคน ๆ หนึ่งไม่เชื่อว่าความบาปเป็นปัญหาที่แท้จริงของโลกนี้?
(3) พวกเราแต่ละคนได้ทำบาปต่อพระเจ้า (โรม 3:10, 23)
แต่ละคนมีความผิดเนื่องจากจงใจทำบาปต่อพระเจ้า ไม่มีสักคนเลยที่ทำสิ่งถูกต้องเสมอทุกเวลา
► จะเกิดอะไรขึ้นหากคน ๆ หนึ่งคิดว่าเขาสามารถให้เหตุผลอันสมควรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำมาได้?
(4) ทุกคนที่ไม่ได้รับความเมตตาจะถูกพระเจ้าพิพากษา และจะถูกลงโทษไปชั่วนิรันดร์ (ฮีบรู 9:27, โรม 14:12, วิวรณ์ 20:12)
นี่แสดงให้เห็นว่าการได้รับความรอดเป็นเรื่องที่จริงจังเร่งด่วนสำหรับทุกคน
► จะเกิดอะไรขึ้นหากคน ๆ หนึ่งไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าผู้ชอบธรรมซึ่งจะพิพากษาความบาปของเขา?
(5) คน ๆ หนึ่งไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อชดใช้บาปที่เขาทำต่อพระเจ้าได้ (โรม 3:20, เอเฟซัส 2:4-9)
การทำความดีและทำบุญทำทานไม่สามารถชดใช้บาปได้ เพราะความบาปเป็นการต่อต้านพระเจ้าผู้ไม่มีความจำกัด และเพราะทุกสิ่งเป็นของพระองค์อยู่แล้ว
► จะเกิดอะไรขึ้นหากคน ๆ หนึ่งเชื่อว่าเขาต้องทำให้ตัวเองคู่ควรที่จะรับการอภัย?
(6) จะต้องมีมาตรฐานสำหรับการอภัยเพราะความบาปนั้นร้ายแรงและพระเจ้ายุติธรรม (โรม 3:25-26)
พระเจ้าต้องการให้อภัย แต่ถ้าพระองค์ให้อภัยโดยไม่มีอะไรเป็นมาตรฐาน ความบาปก็จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย และพระเจ้าก็ดูเหมือนไม่ยุติธรรม
► ทำไมการตายของพระคริสต์จึงจำเป็น?
(7) พระเยซู พระบุตรของพระเจ้า มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบและตายเป็นเครื่องบูชาเพื่อเราจะได้รับการอภัย ได้รับการทำให้ชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ และเพื่อเราจะมีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16, โรม 5:8-9, 1 เปโตร 2:22, 24)
เนื่องจากพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า การเป็นเครื่องบูชาของพระองค์จึงมีคุณค่าอย่างไม่จำกัดและจัดเตรียมมาตรฐานสำหรับการให้อภัยให้กับใครก็ได้ในโลกนี้ ถ้าพระองค์เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง การเป็นเครื่องบูชาของพระองค์ก็จะมีคุณค่าที่จำกัด ถ้าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้า พระองค์ก็จะไม่สามารถช่วยเราให้รอดพ้นอย่างสมบูรณ์ และเราก็ต้องแสวงหาหนทางอื่นเพื่อจะได้รับความรอด
► ทำไมบางศาสนาจึงสอนว่าคนเรารอดได้โดยการกระทำเท่านั้น?
(8) พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตายในฝ่ายร่างกาย เป็นการพิสูจน์พระองค์เองในฐานะพระบุตรของพระเจ้า และเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีฤทธิ์อำนาจที่จะให้ชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 11:25-26, ยอห์น 20:24-28, โรม 1:4, วิวรณ์ 1:18)
ลัทธิต่าง ๆ ที่ปฏิเสธการฟื้นขึ้นจากความตายของพระเยซูก็มักจะปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระองค์กับการเป็นเครื่องบูชาที่เพียงพอสำหรับความรอด จากนั้นพวกเขาก็ประดิษฐ์หนทางแห่งความรอดขึ้นมาอีกทางหนึ่ง
► อะไรคือสิ่งที่เรารู้เนื่องจากพระเยซูฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว?
(9) การเป็นเครื่องบูชาของพระคริสต์นั้นเพียงพอสำหรับความรอด (เอเฟซัส 2:8-10, 1 ยอห์น 2:2)
เราได้รับความรอดโดย พระคุณ ผ่านทาง ความเชื่อ ในพระเยซูคริสต์ ผู้เดียว เท่านั้น ไม่ใช่ด้วยการทำดี ศาสนามากมายสอนว่าคน ๆ หนึ่งสามารถทำเพื่อให้ได้รับความรอดเพียงบางส่วน นี่เป็นการวางผู้คนไว้ใต้การควบคุมขององค์กรศาสนาที่บอกพวกเขาว่าจะต้องทำอะไรเพื่อจะรอดได้
► ทำไมบางคนจึงคิดว่าพวกเขาไม่มีทางรอดได้โดยไม่มีองค์กรศาสนาของพวกเขา?
(10) พระเจ้าช่วยทุกคนที่ยอมรับว่าตนเป็นคนบาป กลับใจจากบาปของตน และเชื่อในข่าวประเสริฐให้รอดได้ (มาระโก 1:15, 1 ยอห์น 1:9)
ไม่มีองค์กรใดของมนุษย์ที่มีสิทธิ์เพิ่มข้อกำหนดสำหรับความรอด หรือนำเสนอวิธีการที่แตกต่างออกไปเพื่อรับความรอด
► คนแบบใดที่มีสิทธิ์เชื่อว่าเขาได้รับความรอดแล้ว?
(11) การกลับใจใหม่หมายถึงการที่คน ๆ หนึ่งเสียใจต่อความบาปของตน และเต็มใจเลิกทำบาป (อิสยาห์ 55:7, เอเสเคียล 18:30, เอเสเคียล 33:9-16, มัทธิว 3:8)
การกลับใจใหม่ไม่ได้หมายถึงการที่คน ๆ หนึ่งทำให้ชีวิตของตัวเองสมบูรณ์แบบได้ก่อนที่พระเจ้าจะยอมรับเขา มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ผู้ไม่เชื่อจากอำนาจของความบาปของเขา การกลับใจใหม่หมายถึงการที่คน ๆ หนึ่งเสียใจมากพอสำหรับความบาปของตนจนเขาพร้อมหันออกจากความบาปเหล่านั้น ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่เต็มใจหันออกจากความบาปของตนแล้ว เขาก็ไม่สามารถรอดได้
► ทำไมคน ๆ หนึ่งจึงไม่สามารถได้รับการอภัยโดยไม่กลับใจใหม่?
(12) คนบาปที่เชื่อและกลับใจใหม่จะได้รับความรอดเมื่อเขาขอพระเจ้าช่วยเขาให้รอด (โรม 10:13, กิจการ 2:21)
ทุกคนเข้ามาถึงความเมตตาของพระเจ้าได้โดยทางพระเยซู ไม่จำเป็นต้องมีสถาบันใดหรือตัวแทนมนุษย์คนใดที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถรับการอภัยจากพระเจ้าได้ คน ๆ หนึ่งรับการอภัยได้ด้วยตัวของเขาเองและสามารถเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้โดยตรง
► เรารู้ได้อย่างไรว่าคน ๆ หนึ่งสามารถเป็นคริสเตียนได้ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนั้น?