Lesson 13: ศาสนานิวเอจ

อีธานได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตมาในศาสนาโรมันคาธอลิก แต่เมื่อเป็นผู้ใหญ่เขาได้ออกจากคริสตจักร เขาใช้ชีวิตเพื่อความเพลิดเพลินเป็นเวลาหลายปี แต่เริ่มรู้สึกว่าจำเป็นต้องค้นหาวัตถุประสงค์ของชีวิตอย่างเร่งด่วน เพื่อนคนหนึ่งชักนำให้เขาเริ่มใช้ยาเสพติด และอีธานรู้สึกว่าเขาได้รับมุมมองใหม่เกี่ยวกับจักรวาลและตัวเอง นอกจากนี้เขายังเริ่มได้ยินเสียงที่ให้ทิศทางแก่เขาด้วย

► อ่านออกเสียง สดุดี 19 พร้อมกัน ให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนสรุปพระคัมภีร์ตอนนี้หนึ่งย่อหน้า พระคัมภีร์ตอนนี้แสดงให้เราเห็นอะไรเกี่ยวกับผลกระทบของความจริงของพระเจ้า? ให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนรายการเหล่านั้น และให้อภิปรายร่วมกันในกลุ่มถึงรายการที่พวกเขาเขียนไว้นั้น

แนะนำศาสนานิวเอจ

ศาสนานิวเอจมีความหลากหลายทั้งแบบกลุ่ม องค์กร และส่วนบุคคล ผู้นับถือศาสนานิวเอจไม่ได้มีความเป็นเอกภาพภายใต้ชื่อหรือคำแถงหลักข้อเชื่อใด ๆ บางคนดูเหมือนเคร่งศาสนา แต่บางคนก็เป็นแนววิทยาศาสตร์มากกว่า พวกเขาทั้งหมดจะไม่พูดว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของศาสนานิวเอจ แต่พวกเขาทั้งหมดร่วมกันในคุณลักษณะบางประการ

ผู้นับถือศาสนานิวเอจเชื่อว่าศักยภาพของมนุษย์สามารถขจัดปัญหาทั้งหมดได้ พวกเขาเชื่อว่าบุคคลสามารถพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเหนือกว่าสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งปกติธรรมดาในปัจจุบันได้ พวกเขาเชื่อว่าคำตอบทั้งหมดอยู่ภายในตัวเรา พวกเขาเชื่อว่าวัตถุประสงค์ของการศึกษาไม่ใช่เพื่อบอกเราว่าอะไรคือความจริง แต่เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าจะเปิดเผยศักยภาพของเราเองได้อย่างไร[1]

รูปภาพ: สโตนเฮนจ์ เป็นอนุสรณ์สถานหินโบราณในประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่ทำกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ

พระคัมภีร์กล่าวว่าใจเป็นตัวล่อลวงและชั่วร้ายเว้นแต่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า บุคคลไม่สามารถค้นพบคำตอบของชีวิตภายในตัวเองได้ ปัญหามันเกิดขึ้นจากภายในใจ ดูใน เยเรมีย์ 17:9

► หลักคำสอนของคริสเตียนเกี่ยวกับมนุษย์เรื่องใดที่ศาสนานิวเอจเพิกเฉย?

[2]เพื่อจะปลดล๊อคศักยาภาพของมนุษย์ ศาสนานิวเอจแสวงหาปัญญาโบราณจากศาสนานอกรีตและพิธีกรรมลี้ลับ พวกเขาใช้โหราศาสตร์ ลัทธิภูตผีปีศาจ และการทำนายทุกรูปแบบ ผู้นับถือศาสนานิวเอจมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่เหนือธรรมชาติโดยใช้เวทมนต์ทุกชนิด พวกเขาพยายามสื่อสารกับวิญญาณต่าง ๆ และกับผู้คนที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีต พวกเขาสร้างช่องทางสื่อสารเพื่อให้วิญญาณของคนที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีตเข้าครอบงำร่างกายและควบคุมน้ำเสียงของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ผู้คนปฏิเสธพระเจ้าและแสวงหาแหล่งอื่น ๆ ที่เป็นความช่วยเหลือแบบเหนือธรรมชาติเพราะพวกเขาไม่ต้องการกลับใจจากบาป คนที่ต้องการการชี้นำและพลังอำนาจควรแสวงหาพระเจ้า ดูใน อิสยาห์ 8:19

พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีศาสนาใดที่มีความจริงทั้งมวล พวกเขาเชื่อว่าทุกศาสนามีแก่นแท้อย่างเดียวกัน แต่มีหลักข้อเชื่อกับการปฏิบัติที่แตกต่างกันไปซึ่งเป็นประโยชน์ แม้ว่าหลักข้อเชื่อบางอย่างจะขัดแย้งกันเอง แต่พวกเขาคิดว่าทั้งสองอย่างอาจเป็นจริงได้ในลักษณะที่ไม่สมเหตุสมผล พวกเขาปฏิเสธคำกล่าวอ้างใด ๆ ที่ว่าหลักคำสอนหนึ่งเป็นความจริงแบบเบ็ดเสร็จ พวกเขาไม่เชื่อว่าหลักคำสอนใด ๆ จะเป็นความจริงได้ในแง่ที่ว่าหลักคำสอนอื่นที่ขัดแย้งกันจะเป็นความเท็จ ศาสนานิวเอจยอมรับกลุ่มศาสนาทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มที่อ้างว่าตนมีความจริงที่ทุกคนควรเชื่อ พวกเขาปฏิเสธศาสนาคริสต์เพราะอ้างว่าตนถูกต้องและกล่าวว่าศาสนาอื่นผิด

พระคัมภีร์ประกาศคำพิพากษาเหนือบรรดาคนที่ไม่แยกแยะชั่วดีและปฏิเสธมาตรฐานที่ชี้แจงว่าอะไรถูกอะไรผิด ดูใน อิสยาห์ 5:20

► ศาสนาอื่นที่ศาสนานิวเอจไม่ชอบคือศาสนาอะไร?

ศาสนานิวเอจยอมรับสิ่งเหนือธรรมชาติโดยไม่มีหลักการที่จะแยกแยะว่าพลังอำนาจอันไหนดีและอันไหนชั่ว พวกเขาโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าการมีส่วนร่วมของวิญญาณทั้งหมดล้วนดี

มีวิญญาณชั่วที่มีส่วนร่วมในโลกนี้ และพวกมันถูกตัดสินให้รับโทษชั่วนิรันดร์แล้ว ผู้คนที่ติดตามพวกมันก็จะรับโทษร่วมกับพวกมันด้วย ดูใน มัทธิว 25:41

ผู้นับถือศาสนานิวเอจไม่แยกตนเองออกจากศาสนาอื่น ๆ พวกเขาคิดว่าศาสนาบางศาสนามีความเชื่อหลายอย่างที่เหมือนกัน โดยเฉพาะศาสนาตะวันออก เช่น พุทธศาสนา ฮินดู และเต๋า พวกเขายังชอบศาสนาธรรมชาติซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับวิญญาณในธรรมชาติ (ดู บทที่ 14)

ศาสนานิวเอจ ปฏิเสธความเป็นจริงของความตาย พวกเขาคิดว่าความตายเป็นเพียงการที่บุคคลจะไปสู่อีกระดับหนึ่งของการดำรงอยู่ บางคนบอกว่าชีวิตหลังความตายแทบจะเหมือนกับชีวิตตามธรรมชาตินี้ หลายคนเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดและกฎแห่งกรรมเช่นเดียวกับในศาสนาฮินดู แต่แทนที่จะมองว่าการกลับชาติมาเกิดเป็นสิ่งไม่ดีเหมือนกับชาวฮินดูและชาวพุทธ ศาสนานิวเอจกลับคิดว่าการได้มีชีวิตอยู่หลายชาติย่อมเป็นสิ่งที่ดี พวกเขาบางคนคิดว่าตนรู้ว่าตนเองเป็นใครในชาติที่แล้ว

มุมมองเกี่ยวกับพระเจ้าในศาสนานิวเอจเป็นแนวคิดแบบเอกเทวนิยม ซึ่งหมายความว่าผู้คนในนิวเอจเชื่อว่าความจริงทั้งหมดเป็นแก่นสารเดียว และทุกสิ่งรวมกันคือพระเจ้า วัตถุทุกอย่างและทุกบุคคลล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นบุคคลที่คิดหรือพูดได้ และพวกเขาปฏิเสธว่าพระเจ้าคือพระผู้สร้าง

► ผู้นับถือศาสนานิวเอจจะอธิษฐานไหม?

ผู้นับถือศาสนานิวเอจเชื่อว่าพระเยซูเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่รู้วิธีการใช้พลังอำนาจพิเศษและพยายามสอนคนอื่นให้ทำอย่างเดียวกัน พวกเขาเชื่อว่าพระเยซูไม่ได้สนใจเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมและไม่ได้ตัดสินการกระทำผิดของใคร

ศาสนานิวเอจไม่เชื่อในความเป็นจริงของบาป เพราะพวกเขาไม่เชื่อในพระเจ้าผู้ตั้งมาตรฐานและพิพากษา พวกเขาเชื่อว่าความชั่วในโลกเป็นเพียงการต้องการความรู้และปรับปรุงแก้ไขเพื่อทุกสิ่งจะผสานกลมกลืนกัน ศาสนานิวเอจบิดเบือนเพื่อทำให้ความบาปทุกชนิดกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

[3]พระเจ้าเชื้อเชิญให้ผู้คนมาค้นพบกับทางออกที่แท้จริง คือการยกโทษและการชำระให้สะอาด ดูใน อิสยาห์ 1:18

ศาสนานิวเอจปฏิเสธแนวคิดตามพระคัมภีร์เรื่องความรอด พวกเขาไม่เชื่อว่าความบาปมีจริงแต่เชื่อว่าทางออกสำหรับปัญหาของมนุษย์คือการสร้างความตระหนักรู้ฝ่ายวิญญาณและพลังอำนาจฝ่ายวิญญาณ

ผู้นับถือศาสนานิวเอจเชื่อว่ามนุษยชาติกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ผู้คนซึ่งเข้าใจหลักการของนิวเอจจะเปลี่ยนแปลงสังคมทั้งหมด พวกเขาเชื่อว่าจะมีสันติภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจสำหรับทุกคน

พระคัมภีร์เตือนไม่ให้เราคาดหวังสันติภาพและความมั่นคงในสังคมซึ่งไม่ได้ยอมอยู่ภายใต้พระเจ้า ดูใน 1 เธสะโลนิกา 5:3

► ศาสนานิวเอจเชื่ออะไรแทนที่จะเชื่อแนวคิดตามพระคัมภีร์เรื่องความรอด?

รู้จักตัวแทนของศาสนานิวเอจ

มีหลายสิ่งที่ช่วยให้ระบุถึงกลุ่ม องค์กร หรือผู้เขียนที่เป็นนิวเอจ ตัวอย่างเช่น...

• การกินมังสวิรัติด้วยเหตุผลทางศาสนาหรือปรัชญา

• วิธีการรักษาสุขภาพแบบลึกลับที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจอธิบายได้

• อ้างอิงถึงกรรม

• ใช้คำศัพท์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการมีชีวิตที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติหรือจักรวาล

• การทำสมาธิซึ่งเป็นวิธีที่จะมีความเข้าใจได้โดยไม่ต้องใช้เหตุผล

• ใช้คำศัพท์เกี่ยวกับศักยภาพที่ไม่จำกัดของมนุษย์

• มีรูปแบบแปลก ๆ ของพลังงานหรือพลังทางจิตและความลี้ลับ

• สื่อสารกับคนที่ตายไปแล้วหรือกับวิญญาณต่าง ๆ

• ใช้สิ่งต่าง ๆ หลากหลายเพื่อการทำนาย

• โหราศาสตร์

• เวทย์มนต์คาถามและวิคคา

• ศาสนาที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ

• สนใจเรื่องปิรามิดและคริสตัล

• สนใจเรื่องยูเอฟโอและสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลก

• ไว้ใจให้วิญญาณและสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าชี้นำ

• แนวคิดและการปฏิบัติได้รับมาจากศาสนาทางตะวันออก

► คุณได้เห็นและได้ยินอะไรมาบ้างเกี่ยวกับการปฏิบัติของศาสนานิวเอจ?

การตอบสนองของคริสเตียน

[4]ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหม่เกี่ยวกับศาสนานิวเอจ อิสยาห์ 47:10-14 กล่าวถึงชนชาติหนึ่งอย่างเจาะจงซึ่งใช้เวทย์มนต์ทุกชนิด ซึ่งเหมือนกับศาสนานิวเอจ ผู้คนแสวงหาปัญญาพิเศษในขณะที่ทำสิ่งชั่วร้าย พวกเขาพยายามจะเป็นเทพเจ้า พวกเขาคิดค้นวิธีการต่าง ๆ มากมายเพื่อสร้างพลังอำนาจฝ่ายวิญญาณ

พระคัมภีร์ห้ามการใช้เวทมนตร์และคาถาทุกประเภท ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่มีจริง แต่เพราะมันชั่วร้ายและเป็นปฏิปักษ์ต่อฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า (เลวีนิติ 19:26, 31, เลวีนิติ 20:6, เฉลยธรรมบัญญัติ 18:9-12) พระเจ้าสั่งให้ชนชาติอิสราเอลประหารพวกแม่หมดหมอผี (อพยพ 22:18, เลวีนิติ 20:27) ในปัจจุบันคริสเตียนไม่ได้มีความรับผิดชอบในการประหารชีวิตใคร แต่คำสั่งนั้นแสดงถึงการพิพากษาของพระเจ้าโดยสิ้นเชิงต่อบาปนั้น ในพันธสัญญาใหม่ เมื่อผู้คนหันมานับถือพระคริสต์ พวกเขาได้ทำลายหนังสือเวทมนตร์ของตน (กิจการ 19:19)

ผู้คนปฏิเสธพระเจ้าแต่ก็ยังคงแสวงหาพลังทางวิญญาณ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าและพระองค์ใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์เพื่อบรรดาคนที่ไว้วางใจพระองค์ แต่พระองค์ไม่มอบฤทธิ์อำนาจของพระองค์ให้มนุษย์ควบคุม บุคคลที่แสวงหาพลังและความรู้ผ่านการใช้เวทมนตร์ก็กำลังพยายามค้นหาสิ่งนั้นในขณะที่ปฏิเสธพระเจ้า การมีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าวิญญาณและการแสวงหาพลังอำนาจนำบุคคลให้ถลำลึกสู่ความชั่วร้ายยิ่งขึ้น

► เวลานี้ย้อนกลับไปอ่านข้อความที่มีตัวหนาและตัวเอียงกับข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ

การแบ่งปันข่าวประเสริฐแก่ผู้นับถือศาสนานิวเอจเป็นสิ่งสำคัญ อย่าเอาแต่โต้เถียงจนไม่ได้แบ่งปันข่าวประเสริฐ เขาอาจคิดว่าเขาคุ้นเคยกับคริสตจักรมาก่อนและได้ปฏิเสธคริสตจักร แต่เขาอาจไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าข่าวประเสริฐคืออะไร

พระเยซูแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ในการรักษาโรค ในการเผยพระวจนะ และแยกแยะความจริง พระองค์ยิ่งใหญ่กว่าผู้นำคนใดในศาสนานิวเอจ พระองค์ไม่ได้เป็นตัวอย่างของผู้ที่พัฒนาตนเองและใช้พลังฝ่ายวิญญาณจากธรรมชาติ พระเยซูยอมจำนนต่อพระบิดาและเชื่อในความจริงแท้แน่นอน พระองค์ขัดแย้งกับผู้ที่ปฏิเสธความจริงเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของพระเจ้า ความบาป และการพิพากษา

คริสเตียนเชื่อว่ายุคใหม่จะมาพร้อมกับอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งจะเป็นจุดสิ้นสุดของการทนทุกข์ทั้งปวง และจะนำมาซึ่งสันติสุขกับความรุ่งเรือง เฉพาะบรรดาคนที่มีความสัมพันธ์ถูกต้องกับพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในยุคใหม่ได้

อีธานพยายามติดตามเสียงที่เขาได้ยิน เสียงนั้นบอกว่าเขาคือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า แต่อีธานต้านทานความประทับใจที่ผิดนั้น บางครั้งเขารู้สึกถึงพลังและความรู้เหนือธรรมชาติ เพื่อนบางคนบอกเขาว่าไม่มีความขัดแย้งระหว่างการเชื่อในพระเยซูกับการเชื่อในพระพุทธเจ้าหรืออย่างอื่น เขาเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ให้พลังแก่เขากำลังพยายามเข้าสิงเขา เขาได้พบกับกลุ่มคริสเตียนที่กลายมาเป็นเพื่อนของเขา เขาเริ่มเข้าใจว่าเขาไม่สามารถไว้ใจเสียงทั้งหมดที่เขาได้ยิน บางครั้งพระเจ้ากำลังพูดกับเขา แต่บางครั้งวิญญาณชั่วก็กำลังพยายามนำเขาไปในทิศทางที่ผิด เขาเรียนรู้ที่จะทดสอบความคิดด้วยความจริงที่หนักแน่น เขาพบว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับพระคริสต์นั้นให้ความอิ่มใจมากกว่าประสบการณ์ทั้งหมดที่เขาเคยมีมา

► เวลานี้อ่าน สดุดี 19 อีกครั้ง ให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนหนึ่งย่อหน้าเพื่ออธิบายว่าเนื้อหาของพระคัมภีร์ตอนนี้มีไว้สำหรับผู้นับถือศาสนานิวเอจอย่างไรบ้าง นักศึกษาหลายคนสามารถแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาเขียนได้

ขอให้จำไว้ว่าคุณจะต้องหาโอกาสเพื่อนำเสนอข่าวประเสริฐให้กับใครบางคนจากกลุ่มศาสนานี้ เตรียมแบ่งปันบทสนทนาที่คุณมีแล้วนั้นกับเพื่อนร่วมชั้นของคุณ เขียนรายงานสองหน้ากระดาษและส่งให้กับหัวหน้าชั้น