► สิ่งที่อาจกีดขวางไม่ให้ชีวิตการอธิษฐานพัฒนาขึ้นอย่างที่ควรเป็นคืออะไร?
ถึงแม้ว่าจะมีหลายเหตุผลให้อธิษฐานก็ตาม[1] แต่หลายคนก็สร้างชีวิตการอธิษฐานที่ลึกซึ้งและสัตย์ซื่อได้ยาก ต่อไปนี้เป็นสิ่งกีดขวางการอธิษฐานที่พบได้บ่อยแต่หลีกเลี่ยงได้
(1) ขาดแรงจูงใจ
ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ และทรงอธิษฐานที่นั่น (มาระโก 1:35)
บางคนไม่จัดเวลาอธิษฐานเพราะไม่เห็นความสำคัญของการอธิษฐาน พวกเขารู้สึกว่าพวกเขายุ่งเกินไปที่จะใช้เวลามากๆอธิษฐาน
ถ้าหากคนมักรู้สึกว่าต้องทำสิ่งที่ควรค่าให้เสร็จก่อนที่จะอธิษฐานหรือจำเป็นต้องย่อเวลาอธิษฐานให้สั้นเข้าเพื่อจะทำธุระต่างๆ เขาก็ไม่ได้ให้คุณค่าที่ถูกต้องแก่การอธิษฐาน
คนที่มีธุระยุ่งละเลยการอธิษฐานเพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่สำคัญกว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ
เวลาที่คุณอธิษฐานคุณทำได้มากกว่าอธิษฐาน แต่คุณไม่อาจทำมากกว่าอธิษฐานจนกระทั่งคุณอธิษฐาน
(2) ความหยิ่งยโสเกี่ยวกับความเป็นฝ่ายวิญญาณ
“พวกหน้าซื่อใจคด...ชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนต่างๆ เพื่อจะให้คนทั้งปวงเห็น เราบอกความจริงกับพวกท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน” (มัทธิว 6:5-6)
คุณเคยอยู่ในการพูดคุยสนทนาที่คุณตระหนักได้ว่าคนที่กำลังพูดกับคุณนั้นกำลังพูดเพื่อให้คนอื่นได้ยินหรือเปล่า? นั่นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร? คุณจะไม่รู้สึกว่านั่นเป็นการพูดคุยสนทนาจริงๆ
บางครั้งเวลาที่ผู้คนอธิษฐาน พวกเขาไม่ได้กำลังอธิษฐานทูลต่อพระเจ้าจริงๆแต่กำลังพูดเพื่อให้คนอื่นได้ยิน พวกเขาอยากให้คนอื่นรับรองสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่ นี่คล้ายคลึงกับข้อผิดพลาดของพวกหน้าซื่อใจคดที่อธิษฐานในที่สาธารณะเพื่อคนจะได้ชื่นชมพวกเขา มันก็คงจะเป็นข้อผิดพลาดเดียวกันที่อยากให้คนรู้ว่าคุณอธิษฐานมากแค่ไหนหรือคุณตื่นขึ้นมาอธิษฐานแต่เช้าขนาดไหนเพื่อพวกเขาจะชื่นชมคุณ ความหยิ่งยโสฝ่ายวิญญาณนี้จะกีดขวางความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า
พระเยซูตรัสว่าเวลาอธิษฐานหลักของคุณควรอยู่ในสถานที่ที่เป็นส่วนตัวครับ
(3) การอธิษฐานแบบพระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นพระบุคคล
แต่เมื่อพวกท่านอธิษฐาน อย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนบรรดาคนต่างชาติเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะโปรดฟัง (มัทธิว 6:7)
ในศาสนาของคนต่างศาสนา การอธิษฐานมักมีการพูดซ้ำซาก คนต่างศาสนาหวังจะควบคุมพระเจ้าที่ไม่ได้เป็นบุคคลของตนด้วยเครื่องมือที่มีอำนาจวิเศษ
การอธิษฐานของเราไม่ได้เคลื่อนพระเจ้าโดยอัตโนมัติเหมือนกับว่าพระองค์ทรงเป็นเครื่องจักรกล พระองค์ทรงเป็นพระบุคคลดังนั้น เราไม่ได้กล่าวข้อความราวกับว่าข้อความเหล่านั้นมีอำนาจวิเศษในตัวของมันเอง อย่าให้การอธิษฐานของคุณเป็นการอธิษฐานถึงพระเจ้าที่ไม่ได้เป็นพระบุคคล
(4) การไม่ยกโทษ
แต่ถ้าพวกท่านไม่ให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านเหมือนกัน (มัทธิว 6:15)
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชาย...อธิษฐาน...โดยปราศจากความโกรธ (1 ทิโมธี 2:8)
ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้คนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า ถ้าหากคุณไม่เต็มใจจะยกโทษให้คนอื่น คุณก็ไม่อาจคาดหวังว่าพระเจ้าจะทรงยกโทษคุณ การยกโทษหมายถึงเต็มใจยกเลิกการลงโทษที่พวกเขาสมควรได้รับ
เมื่อปราศจากพระคุณแห่งการยกโทษเราก็ไม่อาจดำเนินความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้
(5) การทำผิดต่อคนอื่นที่ไม่ได้รับการสารภาพ
เพราะฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา และกลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน (มัทธิว 5:23-24)
พระเยซูตรัสว่าคุณไม่ควรถวายเครื่องบูชาในขณะที่รู้ว่าทำผิดต่อคนอื่น คุณควรขอโทษและชดใช้ถ้าหากยังติดหนี้อยู่ แล้วเครื่องบูชาของคุณต่อพระเจ้าจึงจะเป็นที่ยอมรับ
เราไม่ได้ถวายเครื่องบูชาอย่างที่พวกเขาได้ทำในสมัยนั้นแต่เราถวายการนมัสการต่อพระเจ้า ถ้าหากเราอยากให้การนมัสการของเราเป็นที่ยอมรับต่อพระองค์เราก็ต้องสารภาพความผิดที่เราทำต่อคนอื่น
พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และจงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง (1 เปโตร 3:7)
สามีต้องปฏิบัติต่อภรรยาในฐานะที่เป็นสิ่งมีค่าและบอบบาง ถ้าหากเขาไม่คำนึงถึงความบอบบางของเธอ คำอธิษฐานของเขาก็ถูกกีดขวาง
หลักการเดียวกันประยุกต์ใช้ได้กับคนอื่นๆที่อยู่ใต้อำนาจของคุณ ถ้าหากคุณใจร้าย กดขี่ และไม่คำนึงถึงความรู้สึกและสิทธิของคนอื่น พระเจ้าก็ทรงจะไม่พอพระทัยกับคุณและคุณก็จะอธิษฐานได้ยาก
(6) ไม่พากเพียร
จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน (มัทธิว 7:7)
ตามกาละของคำกริยาเหล่านี้ในภาษากรีก คนที่ขออยู่เรื่อยๆจะได้รับ คนที่หาอยู่เรื่อยๆจะพบ และคนที่เคาะประตูเรื่อยๆประตูก็จะเปิดออก
พระเยซูทรงเน้นถึงความพากเพียรในการอธิษฐาน บ่อยครั้งที่คนอธิษฐานขอบางอย่างเพียงครั้งหรือสองครั้งจากนั้นก็ลืมเรื่องนั้นไป พวกเขาไม่ได้อธิษฐานนานพอจะแยกแยะว่าคำขอของตนเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือเปล่า
การบากบั่นอธิษฐานโดยใช้รายชื่อเพื่อจดจำความจำเป็นต่างๆที่คุณตัดสินใจอธิษฐานถึง รายชื่อหัวข้ออธิษฐานช่วยให้คุณจดจ่ออธิษฐานในเวลาที่คุณเหนื่อยหรือต่อสู้กับความคิดวนเวียนไปมาได้
คิดถึงเรื่องนี้: “ผมอาจจะไม่ได้ยินพระเจ้าทุกวัน แต่ผมทำให้แน่ใจว่าพระองค์ทรงได้ยินผมทุกวัน”
(7) การไม่เชื่อฟัง
และเมื่อเราขอสิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์ (1 ยอห์น 3:22)
พระคัมภีร์ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าการเชื่อฟังเป็นพื้นฐานของความเชื่อ การเชื่อฟังแสดงให้เห็นว่าเรารักพระเจ้า ดังนั้นการเชื่อฟังจึงจำเป็นสำหรับความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ การไม่เชื่อฟังแสดงให้เห็นถึงการขาดความรักที่มีต่อพระเจ้าซึ่งจะกีดขวางชีวิตการอธิษฐาน
(8) แรงจูงใจที่ชั่วร้าย
พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง (ยากอบ 4:3)
คนที่มีความปรารถนาที่ชั่วร้ายไม่อาจมองเห็นสิ่งต่างๆจากมุมมองของพระเจ้าและไม่อาจขอสิ่งที่พระเจ้าทรงเห็นว่าดีได้อย่างจริงใจ เขาปรารถนาสิ่งต่างๆฝ่ายโลกและพยายามใช้พระเจ้าเป็นเครื่องมือในการได้สิ่งเหล่านั้น
คริสเตียนควรปรารถนาถึงสิ่งที่ดีที่สุดของพระเจ้าได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำเขาให้อธิษฐานตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เราต้องเต็มใจเชื่อฟังและเต็มใจให้พระองค์ทำให้เราอิ่มใจในวิถีของพระองค์ครับ
(9) ความไม่เชื่อ
แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์ (ฮีบรู 11:6)
การไม่เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าก็คือการไม่ไว้วางใจพระลักษณะของพระองค์ ความสัมพันธ์กับพระเจ้าโดยการอธิษฐานเพิ่มพูนความเชื่อของเราในพระองค์
[1] ดูที่บทเรียนชื่อ “สื่อสารกับพระเจ้า” และบทเรียนชื่อ “ประโยชน์ต่างๆของการอธิษฐาน”
Next
