► คุณเคยมีการทดลองที่คุณคิดว่าไม่มีใครเข้าใจหรือเปล่า?
► คุณเคยนึกสงสัยว่าการใช้ชีวิตอย่างที่มีชัยชนะเหนือบาปโดยสมบูรณ์จะเป็นไปได้หรือเปล่า?
พระเจ้าทรงสัญญาถึงพระคุณที่ให้อำนาจซึ่งเป็นมากกว่าการชดเชยความอ่อนแอของเราในการทดลอง
ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้ (1 โครินธ์ 10:13)
พระคัมภีร์ข้อนี้บอกสิ่งสำคัญหลายอย่างให้แก่เรา
1. การทดลองทุกอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษยชาติ การทดลองเกิดขึ้นเนื่องจากความเป็นมนุษย์ของเราและโจมตีความอ่อนแอบางอย่างของมนุษย์ นั่นหมายความว่าการต่อสู้ดิ้นรนต่างๆของไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณคนเดียวเท่านั้น
2. พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงขีดจำกัดของเรา พระองค์ทรงเข้าใจดีว่าเรารับได้แค่ไหน เราไม่รู้จริงๆว่าเรารับได้มากแค่ไหนแต่พระองค์ทรงทราบ
3. พระเจ้าทรงตั้งพระทัยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีชัยชนะ พระคัมภีร์ข้อนี้บอกเราว่าพระองค์จะไม่ยอมให้การทดลองเกินกว่าที่เราทนทานได้ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ พระองค์ทรงจำกัดการทดลองที่มาถึงเราเพราะประสงค์ให้เราใช้ชีวิตอย่างมีชัยชนะ บางคนคิดว่าชัยชนะเหนือการทดลองเป็นไปไม่ได้เพราะว่าเราเป็นมนุษย์ ตามพระคัมภีร์ข้อนี้ ชัยชนะเป็นไปได้และเป็นสิ่งที่ถูกคาดหวัง
4. พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่เราต้องการเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างมีชัยชนะ พระองค์ทรงทำ “หนทางหนี” พระองค์ประทานพระคุณสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีชัยชนะให้เป็นการตอบสนองต่อความเชื่อ
เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยเหนือโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่มีชัยเหนือโลก (1 ยอห์น 5:4)
ถ้าหากเราเข้าใจว่าบางครั้งผู้เชื่อพ่ายแพ้ต่อการทดลองได้อย่างไร บางทีเราก็อาจเข้าใจว่าจะป้องกันได้อย่างไรได้เช่นกัน การวิเคราะห์ขั้นตอนที่คนล้มลงในการทดลองจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ครับ
พระธรรมยากอบ 1:14-15 อธิบายถึงขั้นตอน
แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย...
จอห์น เวสลีย์สังเกตว่าขั้นตอนที่นำไปสู่บาปมักเกิดขึ้นดังนี้ [1]
1. การทดลองเกิดขึ้น (จากโลก เนื้อหนัง หรือมาร)
2. พระวิญญาณทรงเตือนผู้เชื่อให้ระมัดระวัง
3. คนให้ความสนใจต่อการทดลอง และการทดลองกลายเป็นสิ่งดึงดูดใจมากสำหรับเขา (นี่คือความผิดพลาดแรกในขั้นตอนนี้)
4. พระวิญญาณทรงเสียพระทัย ความเชื่อของคนอ่อนลง และความรักของเขาที่มีต่อพระเจ้าเยือกเย็นลง
5. พระวิญญาณทรงตำหนิอย่างรุนแรง
6. คนหันจากพระสุรเสียงอันเจ็บปวด ของพระวิญญาณและฟังเสียงที่ดึงดูดใจของผู้ทดลอง
7. ความปรารถนาอันชั่วร้ายก่อตัวและครอบครองจิตใจของเขา ความเชื่อและความรักเหือดหายไป เขาพร้อมที่จะทำบาปภายนอก
ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาไม่นาน มันอาจเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่นาที
เนื่องจากการทดลองขยายอำนาจขณะที่ยึดความสนใจของเราเอาไว้ คนที่ใช้เวลาตัดสินใจว่าจะยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง ผู้เชื่อที่จริงจังกับการรักษาชัยชนะเหนือบาปต้องมีหัวใจตั้งมั่นเพื่อจะปฏิเสธการทดลองได้ทันที คนที่ลังเลแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาไม่ได้มุ่งมั่นที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยครับ
การทดลองเป็นการท้าทายความเชื่อเพราะการทดลองให้โอกาสเราสงสัยว่าการเชื่อฟังพระเจ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในชั่วขณะนั้นหรือเปล่า
ถ้าหากดูเหมือนว่าผู้เชื่อไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีชัยชนะเหนือบาปได้ก็อาจเป็นเพราะปัญหาใดปัญหาหนึ่งหรือหลายๆปัญหาดังต่อไปนี้
1. เขาไม่ได้เห็นว่าพระเจ้าทรงเรียกร้องการเชื่อฟัง
2. เขาไม่ได้เห็นหรือเชื่อถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะประทานพระคุณซึ่งทำให้เรามีความสามารถ
3. เขาไม่ได้พึ่งพาพระคุณที่ให้อำนาจแต่พึ่งพากำลังส่วนตัวแทน
4. เขารับใช้พระเจ้าด้วยการเชื่อฟังบางเรื่องแทนที่จะเป็นการเชื่อฟังโดยสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข
5. เขาไม่ได้มุ่งหมายโดยพระคุณที่จะมีแรงจูงใจที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า (ฟีลิปปี 3:13-15)
6. เขาไม่ได้รักษาวินัยฝ่ายวิญญาณที่จะรักษาความสัมพันธ์ซึ่งสร้างความเชื่อของเขากับพระเจ้าให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
[1] ถอดความใน A Timeless Faith: John Wesley for the 21st Century, บรรณาธิกรณ์ โดย สตีเฟน กิ้บสัน
Next
