► คนรู้แน่ว่าตัวเองได้รับความรอดแล้วได้อย่างไร?
► การไว้วางใจความรู้สึกของตัวเองเป็นสิ่งที่ปลอดภัยหรือเปล่า? เพราะอะไร?
รับรองคำตอบต่างๆให้มากเท่าจะเป็นไปได้ คุณอธิบายอย่างละเอียดถี่ถ้วนได้ในภายหลัง 
บางคนพึ่งพาความรู้สึกภายใน แต่ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงได้และทำให้เข้าใจผิดได้
พระคัมภีร์บอกว่าเรารู้ได้แน่ว่าเราได้รับความรอด เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงยอมรับเรา ไม่ต้องมีชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวเพราะพระวิญญาณของพระเจ้าทรงรับรองแก่เราว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงรับไว้เป็นบุตร
พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า (โรม 8: 16)
 
การรับรองนี้สมบูรณ์มากเสียจนกระทั่งเรามีความกล้าหาญได้ในวันพิพากษาและไม่นึกสงสัยว่าเราจะผ่านการประเมินของพระเจ้าหรือเปล่า บางคนพูดว่าพวกเขาหวังว่าจะไปถึงสวรรค์ แต่เราเองมีการรับรองที่ดีกว่านั้นครับ
ความรักของเราจึงสมบูรณ์ในข้อนี้ เพื่อเราจะมีความมั่นใจในวันพิพากษา เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเช่นไร เราในโลกนี้ก็เป็นเช่นนั้น (1 ยอห์น 4:17)
 
► ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นหลักฐานถึงความรอด แต่ไม่อาจเป็นการรับรองแรก เพราะอะไร?
ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นหลักฐานว่าคนได้รับความรอด แต่หลักฐานนั้นไม่ได้มีอยู่ในชั่วขณะแรก ผลแห่งความรอดยังไม่มีเวลาให้ปรากฏในชั่วขณะแห่งการกลับใจใหม่ ดังนั้นชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจึงไม่ใช่พื้นฐานของการรับรองในเวลาแห่งความรอด ผู้เชื่อแน่ใจถึงความรอดของตนได้จากการรู้ว่าเขาได้ติดตามหนทางสู่ความรอดจากพระคัมภีร์มาโดยตลอด
หนทางสู่ความรอดเริ่มต้นด้วยการกลับใจใหม่ การกลับใจใหม่ หมายถึงคนบาปมองตนเองว่ามีความผิดสมควรได้รับการลงโทษ (1 ยอห์น 1:9) และเต็มใจจะเลิกทำบาป
ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขา และคนชั่วละทิ้งความคิดของเขา ให้เขากลับมายังพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงเมตตาเขา และมายังพระเจ้าของพวกเรา เพราะพระองค์ทรงมีการอภัยอย่างเหลือล้น (อิสยาห์ 55:7)
 
ถ้าหากคนไม่ได้มองเห็นว่าตัวเองมีความผิดจริง ไม่มีข้อแก้ตัว และสมควรได้รับการลงโทษ ก็จะไม่กลับใจใหม่ ถ้าหากเขายอมรับว่าตัวเขานั้นเป็นคนบาปแต่อยากได้ศาสนาที่จะอนุญาตให้ทำบาปต่อไป เขาก็ไม่ได้กลับใจใหม่เพราะเขาอยากจะทำสิ่งที่ทำให้ตัวเขามีความผิดต่อไปอยู่ เขาไม่ได้กำลังยอมรับจริงๆว่าบาปนั้นชั่วร้าย
การกลับใจใหม่ไม่ได้หมายความว่าคนบาปต้องแก้ไขชีวิตและทำตัวเขาให้ชอบธรรมเสียก่อนพระเจ้าจึงจะทรงยกโทษให้แก่เขา นั่นเป็นไปไม่ได้เลยเพราะคนบาปตกอยู่ใต้อำนาจแห่งบาป แต่คนบาปต้องเต็มใจให้พระเจ้าช่วยกู้เขาจากบาปครับ
ความเชื่อที่จำเป็นสำหรับความรอดนั้นเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันขณะกลับใจใหม่หรือเกิดขึ้นหลังจากที่กลับใจใหม่ การมีความเชื่อที่นำไปสู่ความรอด หมายถึงคนเชื่อในบางสิ่งอยู่
1. เขามองว่าเขาไม่อาจทำอะไรเพื่อจะแก้ตัวได้เลย 
เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้ (เอเฟซัส 2:8-9)
 
เขาตระหนักว่าไม่มีสิ่งไหนที่เขาทำได้ (การประพฤติต่างๆ) ซึ่งจะทำให้ตัวเขาสมควรได้รับความรอดแม้เพียงบางส่วนได้เลย
 
2. เขาเชื่อว่าเครื่องบูชาแห่งพระคริสต์เพียงพอสำหรับการยกโทษของเขา 
และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา และไม่ใช่แค่บาปของเราเท่านั้น แต่ของทั้งโลกด้วย (1 ยอห์น 2:2)
 
การชดใช้หนี้บาป หมายถึงเครื่องบูชาที่ทำให้การยกโทษของเรามีขึ้นได้ เครื่องบูชาของพระคริสต์เท่านั้นเพียงพอสำหรับการยกโทษของเราแล้ว ไม่มีสิ่งจำเป็นอื่นอีก
 
3. เขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงยกโทษเขาด้วยความเชื่อซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น 
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น (1 ยอห์น 1:9)
 
ถ้าหากเขาคิดว่ามีสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีก เขาก็คาดหวังที่จะได้รับความรอดบางส่วนโดยการประพฤติแทนที่จะได้รับความรอดสมบูรณ์โดยพระคุณ
 
ถ้าหากเขากลับใจใหม่และเชื่ออย่างที่พระคัมภีร์ชี้แนะจริงๆ เขาก็มีสิทธิที่จะเชื่อว่าพระเจ้าทรงยกโทษเขา การเชื่อว่าพระเจ้าทรงเสนอความรอดเท่านั้นยังไม่เพียงพอ เขาต้องเชื่อว่าตัวเขาได้รับความรอดแล้วด้วยครับ
มีการยืนยันพิเศษที่พระเจ้าประทานให้แก่ผู้เชื่อที่สำนึกผิดในเวลาที่เขากลับใจใหม่และเชื่อ
แต่พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา (พ่อ)” พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า (โรม 8:15-16)
 
ถ้าหากคนติดตามหนทางแห่งความรอดจากพระคัมภีร์และพึ่งพาวิธีการยืนยันแบบเฉียบพลันจากพระคัมภีร์แทนที่จะพึ่งพาการยืนยันแบบอื่นๆแล้ว ตัวเขานั้นก็ไม่น่าจะถูกล่อลวง การยืนยันนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งพระวจนะของพระเจ้าซึ่งพึ่งพาได้โดยสมบูรณ์ พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์เสมอครับ
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next