(ในบทเรียนนี้ ให้พิจารณาข้อพระคัมภีร์ที่พิมพ์ด้วยตัวพิมพ์หนาเป็นกรณีพิเศษ)
	
	ท่านรักพระวจนะของพระเจ้าและยินดีในพระวจนะของพระเจ้า (16, 24, 47,  48, 77, 92, 97, 103 )
	 
	
	ท่านชื่นชมยินดีที่มีพระวจนะของพระเจ้าราวกับว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นทรัพย์สมบัติอันล้ำค่า (14, 72 )
	 
	
	ท่านถือว่าบรรดาผู้ที่มีพระวจนะของพระเจ้าและรักษาพระวจนะของพระเจ้าเป็นผู้ที่ผาสุก (มีความสุข) (1, 2)
	 
 
► ท่านรักพระคัมภีร์มากยิ่งนักเพราะอะไร?
ผู้เขียนสดุดีมีความกระตือรือร้นต่อพระคัมภีร์เพราะความรักของท่านที่มีต่อพระเจ้า 
ท่านรักพระวจนะของพระเจ้ามากยิ่งเพราะอะไร? ท่านพิจารณาพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นเช่นทรัพย์สมบัติเพราะอะไร? พระคัมภีร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อมูลดีๆเท่านั้น ท่านอ้างอิงถึงพระวจนะว่าเป็น “ของพระองค์” (ของพระเจ้า) ท่านรักพระวจนะของพระเจ้าเพราะว่าท่านรักพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าเป็นการแสดงออกถึงพระธรรมชาติของพระเจ้า
พิจารณาข้อพระคัมภีร์ข้อ 137 เมื่อท่านพิจารณาพระบัญญัติของพระเจ้าและข้อกำหนดต่างๆนั้น ท่านก็เห็นถึงความยุติธรรมและพระปัญญาของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเที่ยงธรรม พระบัญญัติของพระองค์จึงยุติธรรม
การใช้พระคัมภีร์ของท่านแสดงออกถึงความรักของท่านและการนมัสการพระเจ้า - พระคัมภีร์เป็นตัวเชื่อมระหว่างพระเจ้ากับผู้นมัสการของพระองค์ โดยเปิดเผยพระเจ้าต่อผู้นมัสการและแนะนำการตอบสนองของผู้นมัสการต่อพระเจ้า พระคัมภีร์ได้รับการดลใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้รับการส่องสว่างโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และบรรลุในชีวิตของผู้นมัสการโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า
เพราะท่านเห็นว่าพระคัมภีร์แสดงออกถึงพระธรรมชาติของพระเจ้า ท่านจึงรู้สึกโกรธคนที่ลบหลู่พระเจ้าโดยละเมิดพระบัญญัติของพระองค์ ท่านไม่ได้โกรธตามสิทธิส่วนตัวแต่จากความรักที่มีต่อพระเจ้า (53, 104 , 126, 136 )
ท่านไม่เพียงแต่ถวายเกียรติแก่พระวจนะของพระเจ้าเวลาที่อยู่กับคนอื่นๆที่ถวายเกียรติแก่พระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น ท่านยังกล่าวว่าท่านไม่ละอายต่อพระวจนะของพระเจ้าแม้เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรดากษัตริย์ (46)
พระคัมภีร์แนะนำการตอบสนองของผู้เขียนพระธรรมสดุดีต่อพระเจ้า
พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์เข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ วัตถุประสงค์ของพระคัมภีร์คือเปิดเผยถึงพระเจ้าเพื่อให้เราเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ ดังนั้นพระคัมภีร์จึงเรียกร้องการตอบสนองจากผู้อ่าน คนจะไม่ได้รับผลกระทบที่มุ่งหมายไว้จากพระคัมภีร์ถ้าหากเขาไม่ได้ตอบสนองต่อพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง
สังเกตการตอบสนองของผู้เขียนพระธรรมสดุดีต่อพระคัมภีร์:
	
	ท่านวิงวอนว่าพระเจ้าจะทรงสอนพระวจนะของพระองค์แก่ท่าน (12, 18 , 27 , 33, 34)
	 
	
	ท่านวิงวอนว่าท่านจะใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระองค์ได้ (35-37 , 5, 10)
	 
	
	ท่านวิงวอนว่ากระทั่งหัวใจของท่านจะสัมพันธ์กับน้ำพระทัยของพระเจ้า (32, 80 )
	 
	
	ท่านรู้ว่าการชำระให้บริสุทธิ์จะเกิดขึ้นโดยการมีปฏิสัมพันธ์ของท่านกับพระเจ้าผ่านพระวจนะของพระเจ้า (9, 11 )
	 
	
	ท่านเรียกร้องพระพรต่างๆจากพระเจ้าบนพื้นฐานของการรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์ (22, 121 , 153 )
	 
	
	ท่านสัญญาว่าจะเชื่อฟัง (8) “ข้าพระองค์จะ” ปรากฏอย่างสม่ำเสมอโดยการตอบสนองเป็นคำมั่นสัญญาต่อพระคัมภีร์
	 
	
	ท่านอุทิศเวลาเพื่อจะใคร่ครวญพระคัมภีร์ตลอดทั้งวัน (15, 97) และในยามรุ่งสาง (147-148)
	 
 
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีโบราณมีมุมมองซึ่งได้รับการดลใจจากพระเจ้าเกี่ยวกับความสำคัญของพระวจนะของพระเจ้าที่มีต่อผู้เชื่อ ประสบการณ์ของท่านไม่ได้เป็นประสบการณ์หนึ่งเดียวและเกิดขึ้นสำหรับท่านเท่านั้น ประสบการณ์ของท่านเป็นประสบการณ์ที่เราแต่ละคนควรมีเมื่อพระวจนะของพระเจ้าแนะนำความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next