Lesson 1: คำนิยามของการเป็นผู้นำ

เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นอยู่ด้วยกัน จอห์นพูดว่า “เฮ้ มาเตะบอลกันเถอะ” ดูเหมือนไม่มีใครได้ยินที่เขาพูด แล้วทิมก็พูดขึ้นมาว่า “จอร์จ ไปเอาไม้พวกนั้นมา เราจะเล่นเป็นทหารกัน” จอร์จก็ไปเอาไม้มา พวกเด็กผู้ชายก็จัดสรรบทบาทกันเป็นกองทัพทหาร

► ใครคือผู้นำของกลุ่มนี้ จอห์น หรือทิม? ผู้นำคืออะไร? ทำไมจึงบอกได้ว่าการเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งที่มีสิทธิอำนาจ?

บางครั้งคนที่อยู่ในตำแหน่งที่มีสิทธิอำนาจไม่ได้เป็นคนที่ควบคุมทุกอย่างโดยแท้จริง บางครั้งคนที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอย่างเป็นทางการกลับเป็นคนที่คนอื่นตาม นี่หมายความว่าการเป็นผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีตำแหน่งเลย

ผู้นำคือคนที่คนอื่นตาม

การเป็นผู้นำ คือการมีอิทธิพล

เมื่อใดก็ตามที่คุณพยายามมีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำต่อคนอื่นเพื่อให้เป้าหมายบรรลุ ไม่ว่าในชีวิตส่วนตัวหรือในอาชีพการงาน คุณก็กำลังมีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำ[1]

บางสถานการณ์ที่ปกติ

ผู้จัดการโรงงานแห่งหนึ่งประกาศนโยบายใหม่ เมื่อเขาออกไปแล้ว พนักงานคนหนึ่งคุยกับพนักงานคนอื่นว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรกันบ้าง

คนกลุ่มหนึ่งเดินทางบนรถบัสไปด้วยกัน แต่รถบัสเสีย มีคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาจัดการเกี่ยวกับการเดินทางด้วยวิธีอื่น

ศิษยาภิบาลคนหนึ่งกำลังอธิบายสิ่งที่ที่เขาคิดว่าคริสตจักรควรทำให้กับสมาชิกกลุ่มหนึ่ง สมาชิกฟังแต่ไม่ตอบสนองอะไร พวกเขารอใครสักคนที่ยังมาไม่ถึงเพื่อบอกพวกเขาว่าจะต้องทำอะไร

แต่ละกรณีเหล่านี้ ใครคือผู้นำ? คือคนที่คนอื่นเลือกที่จะตาม

เรากำลังให้คำนิยามการเป็นผู้นำ เรายังไม่นิยามถึงผู้นำที่ดีหรือผู้นำที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว การกระทำของผู้นำอาจผิดหรือถูก อาจส่งผลเสียหรือผลดี คนหนึ่งอาจเป็นผู้นำที่ผู้คนตามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้เป็นคนที่ทำให้สำเร็จตามความคาดหวังของพวกเขา เขาอาจมีลักษณะที่ดึงดูดคนติดตามใหม่ ๆ แต่ไม่ช้านานก็เลิกตาม

ถ้ามีคนหนึ่งตัดสินใจทำบางอย่างแล้วมีคนตาม เขาก็เป็นผู้นำในเวลานั้น คน ๆ หนึ่งอาจเป็นผู้นำในครั้งนั้น ๆ แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง เขาอาจนำในสถานการณ์เจาะจงอย่างหนึ่งแต่ไม่ใช่ในสถานการณ์อื่น ๆ เนื่องจากความจำกัดด้านความสามารถ

ถ้าหากเราให้คำนิยามการเป็นผู้นำว่าเป็นการมีอิทธิพล พระเยซูก็เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดเวลา คนหลายล้านติดตามคำสอนของพระองค์ มีสถาบันอยู่ทั่วโลกที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์

พระเยซูให้คำนิยามการเป็นผู้นำว่าเป็นการรับใช้ (มัทธิว 20:25-28) โดยคำนิยามนี้ พระเยซูเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดเวลาเพราะพระองค์เตรียมการรับใช้ที่ดีที่สุดให้กับทุกคนคือความรอด

ตำแหน่งอย่างเป็นทางการทำให้คุณมีสิทธิอำนาจ แต่ไม่ได้ทำให้คุณกลายเป็นผู้นำโดยอัตโนมัติ

อย่าคิดเอาเองว่าคุณกำลังเป็นผู้นำเพียงเพราะคุณมีตำแหน่ง โดยเฉพาะถ้าหากคุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้นโดยการยอมรับของคนที่คุณพยายามจะนำพวกเขา ตำแหน่งเป็นเพียงประตูสู่การเป็นผู้นำ ตำแหน่งให้โอกาสแก่คุณเพื่อจะเป็นผู้นำ โดยตัวตำแหน่งเองนั้นไม่ได้ทำให้คุณเป็นผู้นำ

► อธิบายประโยคนี้ “ตำแหน่งเป็นเพียงประตูสู่การเป็นผู้นำ”

เมื่อมีคนหนึ่งพูดกับคนที่เขานำว่า “ผมเป็นหัวหน้า!” หรือ “ผมเป็นศิษยาภิบาล!” เขามักจะพูดประโยคนี้เพราะผู้คนไม่ยอมรับสิทธิอำนาจของเขา เขามีตำแหน่งแต่ผู้คนไม่ติดตาม เขาพยายามใช้สิทธิอำนาจเพราะอิทธิพลของเขาไม่แข็งแกร่งพอ

► ประโยคนี้หมายความว่าอะไร “คุณไม่ควรต้องคอยบอกใครว่าคุณเป็นผู้นำของพวกเขา”?

ซามูเอลเป็นผู้เผยพระวจนะและปุโรหิตที่เป็นผู้นำก่อนจะมีกษัตริย์ของอิสราเอล เขารับใช้ในฐานะผู้วินิจฉัยสำหรับประชาชน ลูกของเขาไม่ทำตามแบบอย่างที่ชอบธรรมของเขา ดังนั้นเมื่อซามูเอลแก่ตัวลง ผู้คนมาหาเขาและขอกษัตริย์จากเขา (1 ซามูเอล 8:5)

เราเห็นอิทธิพลของซามูเอลจากความเป็นจริงที่ผู้คนรู้ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่แต่งตั้งกษัตริย์ได้ พวกเขาไม่ได้พยายามแต่งตั้งกษัตริย์ด้วยวิธีการอย่างอื่น เมื่อเขาบอกประชาชนว่าซาอูลคือคนนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับซาอูล แต่ไม่มีใครมีอิทธิพลมากพอที่จะแต่งตั้งให้ใครเป็นกษัตริย์ได้อีก

อิทธิพลของซามูเอลเกิดขึ้นจากการแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาและคุณลักษณะที่ดีตลอดชีวิตของเขา ประชาชนปฏิเสธพวกลูกชายของซามูเอลเพราะพวกเขาไม่มีคุณลักษณะที่ดีของซามูเอล ความสามารถมากมายไม่สามารถมาแทนที่คุณลักษณะที่ดีได้

[1]คนที่สร้างผลงานคือคนที่ทำงานเก่งและไปถึงเป้าหมายได้ด้วยความอุตสาหะของเขา คนที่สร้างผลงานมีคุณค่า ทุกองค์กรต้องพึ่งอาศัยคนที่สร้างผลงาน

ผู้นำคือคนที่พิจารณาว่างานอะไรจะสำเร็จได้โดยการให้อิทธิพลต่อคนอื่น ๆ มาทำงานร่วมกัน ถ้าหากผู้นำจดจ่ออยู่กับการสร้างผลงาน เขาก็ไม่บรรลุความรับผิดชอบหน้าที่ในการนำ หน้าที่ของเขาไม่ใช่เพียงแค่ทำการดี แต่เขาต้องนำคนอื่นให้ทำการดีร่วมกันด้วย

ถ้าหากคุณเป็นคนที่ทำงานส่วนใหญ่ขององค์กรให้สำเร็จ คุณก็ล้มเหลวในการนำอย่างที่ควรเป็น ถ้าหากคุณยุ่งอยู่กับภารกิจขององค์กรเสมอ คุณก็อาจล้มเหลวในการนำ

► ตรวจสอบงาน กิจกรรม และเป้าหมายของคุณ คุณมีลักษณะของผู้สร้างผลงานอะไรบ้าง? คุณมีลักษณะของผู้นำอะไรบ้าง?

ผู้คนมากมายไม่เข้าใจวิธีการใช้เวลาของผู้นำคนหนึ่ง ถ้าหากเขาเป็นผู้นำองค์กรใหญ่ เขาอาจมีภารกิจเจาะจงเพียงไม่กี่อย่าง

ยกตัวอย่างเช่น ผู้จัดการทั่วไปของธุรกิจใหญ่ เขาไม่ได้จ้างพนักงานส่วนใหญ่ เพราะเขาได้มอบหมายความรับผิดชอบนั้นให้กับใครบางคน เขาไม่ได้ทำงานช่าง เขาไม่ได้เป็นคนไปจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เขาไม่ได้เป็นช่างซ่อมตึก เขาไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เขาดูเหมือนทำเพียงแค่เดินไปเดินมา โทรศัพท์หาคนนั้นคนนี้ แล้วก็ประชุม ถ้าหากเขาไม่อยู่สักสองสามวัน ธุรกิจก็คงไม่เดือดร้อนอะไร

แต่ผู้จัดการทั่วไปคือคนที่มองเห็นว่าการปฏิบัติงานของฝ่ายต่าง ๆ เกี่ยวข้องกันอย่างไร เขาวางตัวผู้จัดการแผนกแต่ละคนเพื่อให้ทำงานตามหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างดี ส่วนตัวเขานั้นคอยควบคุมคุณภาพและดูแลภาพรวมของธุรกิจ เขาช่วยทุกคนให้เข้าใจถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อเนื่อง เขาหล่อหลอมวัฒนธรรมขององค์กร ถ้าธุรกิจขาดเขาไป ธุรกิจก็จะล่มสลายได้

ในองค์กรเล็ก ๆ ผู้นำต้องเต็มใจทำงานทุกอย่างที่จำเป็น แต่เขาควรแสวงหาคนที่ฝึกฝนได้และเต็มใจรับผิดชอบ

ในองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้นำจำเป็นต้องลงมามีส่วนร่วมทำงานในทุกแผนกเพื่อความมั่นใจว่าผู้คนเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เขาควรพัฒนาคนให้นำแต่ละแผนกได้โดยไม่ต้องให้เขาลงมากำกับตลอดไป

ศิษยาภิบาลความเต็มใจรับใช้ตามความจำเป็นของสมาชิก และไม่ควรมองว่างานใดต่ำเกินกว่าสถานะของเขาจะทำได้ อย่างไรก็ตามเขาต้องนำให้คนอื่นยอมรับความรับผิดชอบต่าง ๆ และนำรายการต่าง ๆ ของคริสตจักร ถ้าหากศิษยาภิบาลไม่ทำสิ่งนี้ พันธกิจก็จะไม่เติบโตก้าวหน้าได้มากกว่าระดับที่เขาคนเดียวทำ

► การที่ผู้นำคนหนึ่ง “ยุ่งเกินกว่าที่จะนำได้” หมายความว่าอะไร?

เราได้อธิบายถึงพื้นฐานของการเป็นผู้นำว่าเป็นการมีอิทธิพล ผู้นำคือคนที่ผู้คนติดตาม อย่างไรก็ดี ถ้าหากเขายังคงเป็นผู้นำกลุ่มหรือสถาบันต่อไป เขาจะต้องมีคุณลักษณะที่ดีอย่างน้อยอีกสี่อย่างต่อไปนี้

(1) ผู้นำมีสิทธิอำนาจ

สิทธิอำนาจหมายถึงการที่คนอื่นยอมต่อเจตจำนงของเขา ไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือไม่สมัครใจก็ตาม คนที่มีคนอื่นตามเขาด้วยความสมัครใจก็มีอำนาจมากกว่า เพราะผู้คนที่ถูกบังคับให้ยอมอยู่ภายใต้จะทำน้อยที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ พวกเขาจะไม่ใช้ความสามารถและพลังความนึกคิดของพวกเขาเพื่อทำให้เป้าหมายสำเร็จ

(2) ผู้นำมีความรับผิดชอบ

เขาถูกคาดหวังให้มีความรู้ ความสามารถ และวิธีการต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต่อการทำให้กลุ่มประสบความสำเร็จ ถ้าหากกลุ่มไม่ประสบความสำเร็จ ผู้นำก็ถูกตำหนิ ผู้นำไม่สามารถเป็นคนที่แก้ตัวสำหรับความล้มเหลวและโทษคนอื่น เขาไม่สามารถเป็นคนที่อยากให้คนอื่นตัดสินใจเพื่อเขาจะได้ไม่ต้องถูกตำหนิสำหรับผลลัพธ์ที่ออกมา

ปอนทิอัส ปีลาต เป็นผู้มีอำนาจปกครองของโรมันเหนืออาณาจักรยูเดีย เขาได้รับการแต่งตั้งให้ปกครองและปราบปรามการปฏิวัติ ในช่วงระหว่างการปกครองของเขา ปีลาตทำผิดพลาด เขาวิตกกังวลว่าอาณาจักรโรมันจะไม่ยอมรับการบริหารปกครองของเขา

เมื่อพระเยซูได้รับคำกล่าวหาว่ากบฏ ปีลาตไม่เชื่อว่าพระเยซูมีความผิด แต่พวกผู้นำชาวยิวบอกเป็นนัยว่าพวกเขาจะรายงานว่าปีลาตล้มเหลวในการปราบปรามพวกปฏิวัติ (ยอห์น 19:12)

ปีลาตรู้ว่าเขาจะตกที่นั่งลำบากแน่ถ้าหากเขาถูกรายงานต่ออาณาจักรโรม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยอมให้ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งถูกประหารชีวิต

ปีลาตพยายามปฏิเสธว่านั่นเป็นการตัดสินใจของเขา เขาล้างมือต่อหน้าพวกผู้นำยิวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาไม่มีส่วนรับผิดเรื่องนี้

ผู้นำไม่สามารถโทษคนอื่นสำหรับการตัดสินใจของเขาได้ ถ้าเขาปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเขา เขาก็ยังคงต้องรับผิดอยู่ดี

ผู้นำสามารถกระจายความรับผิดชอบแทบทุกอย่างให้กับคนอื่น แต่เขาไม่สามารถกระจายความรับผิดชอบสูงสุดที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จให้กับคนอื่นได้ เขาไม่สามารถโทษคนอื่นได้ถ้าหากองค์กรล้มเหลว ผู้นำมีความรับผิดชอบสูงสุดสำหรับทุกแผนกในองค์กร

ศิษยาภิบาลได้รับคำบ่นมากมายเกี่ยวกับรูปแบบดนตรีในคริสตจักร เขาบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเขาเพราะเขาไม่ได้เป็นคนเลือกผู้นำนมัสการ เขาทำผิดแล้วที่ปฏิเสธความรับผิดชอบแบบนั้น เพราะมันคือความรับผิดชอบของเขาในการนำผู้คนที่นำนมัสการ

(3) ผู้นำต้องรับผิดชอบต่อผู้คนที่เขานำ

การเป็นผู้นำของเขาขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของผู้คนมากมาย ถ้าหากการนำของเขาไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดี เขาก็จะสูญเสียอิทธิพล แม้เขาจะมีตำแหน่ง แต่ผู้คนจะหันไปตามคนอื่นแทน

► จะเป็นอย่างไรถ้าหากผู้นำคนหนึ่งใช้สิทธิอำนาจแต่ไม่แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องต่าง ๆ หรือต่อสมาชิก?

(4) ผู้นำมีมุมมองที่กว้างไกล

เขาไม่ยอมให้ชัยชนะเล็ก ๆ หรือความพ่ายแพ้มาเบี่ยงเบนเขาออกจากเป้าหมายที่เป็นรากฐาน เขาไม่ยอมให้ความผิดหวังมาทำให้เขาท้อใจ เขายอมเสียสละได้ ถ้าหากเขาหยิ่งเกินไปหรือหวั่นไหวเกินไปที่จะเสียสละ เขาก็จะไม่คงอยู่เพื่อบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าได้

ประเทศชาติหนึ่งปกป้องตัวเองโดยการต่อสู้กับกองทัพที่บุกรุกเข้ามา กษัตริย์ปกครองมาหลายปีและเป็นที่รักไว้ใจของประชาชน เขาได้รับข่าวสารจากแม่ทัพของกองทัพที่มาบุกรุก แม่ทัพท้าทายให้กษัตริย์มาพร้อมกับโอรสทั้งสามเพื่อต่อสู้กับแม่ทัพและชายหนุ่มอีกสามคนแบบตัวต่อตัว แม่ทัพพูดว่ากษัตริย์ขี้ขลาดตาขาวหากไม่ยอมรับคำท้า

กษัตริย์รู้สึกว่าเขาจะขายหน้าถ้าหากเขาไม่ยอมรับคำท้า เขาคิดว่าเขาต้องพิสูจน์ความกล้าหาญ เขาและโอรสของเขาไปเผชิญหน้ากับศัตรูเพื่อสู้รบกันที่บนสะพานแห่งหนึ่ง ในการสู้รบนั้นกษัตริย์และโอรสของเขาถูกฆ่าตาย ประเทศชาตินั้นจึงถูกทิ้งไว้ให้ไม่มีผู้นำและถูกพิชิตโดยผู้บุกรุก

นักกวีจากประเทศที่ชนะแสดงความเศร้าสลดต่อประเทศที่สูญเสียกษัตริย์และสูญเสียเสรีภาพของพวกเขา เขากล่าวว่ากษัตริย์ทำผิดพลาดเพราะให้ความหยิ่งนำหน้า กษัตริย์ไม่มีสิทธิ์เอาทั้งประเทศไปเสี่ยงเพราะความหยิ่งของเขา หน้าที่ของกษัตริย์คือนำประเทศชาติ เมื่อเขาไปสู้รบด้วยตัวเอง เขาทิ้งความรับผิดชอบในการนำของเขาแล้ว

► นักกวีกล่าวว่ากษัตริย์นี้ทำผิดพลาด เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องไหม?

อนุญาตให้นักศึกษาแบ่งปันว่าพวกเขาคาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายหรือการกระทำหลังจากได้เรียนบทเรียนนี้อย่างไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องให้นักศึกษาทุกคนตอบคำถามนี้ อย่ากดดันนักศึกษาให้ตอบคำถามหากเขาไม่สบายใจที่จะเล่าเรื่องส่วนตัว งานมอบหมายบทที่ 2 จะให้โอกาพวกเขาคิดมากขึ้นและเขียนความคิดของพวกเขา

1. ผู้นำคือคนที่คนอื่นติดตาม

2. การเป็นผู้นำคือการมีอิทธิพลต่อผู้อื่น

3. ตำแหน่งเป็นประตูสู่การเป็นผู้นำ

4. ผู้นำไม่สามารถเป็นเพียงแค่ผู้สร้างผลงานได้

5. การเป็นผู้นำต้องมีสิทธิอำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ การเสนอรายงาน และมุมมองที่กว้างไกล

1. เขียนสรุปหนึ่งย่อหน้าเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากบทเรียนนี้ อธิบายเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ สิ่งนี้ให้ประโยชน์อะไรบ้าง? จะมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นหากไม่รู้เรื่องนี้?

2. อธิบายวิธีที่คุณจะนำหลักการนี้ไปใช้ในชีวิตของคุณเอง บทเรียนนี้เปลี่ยนเป้าหมายของคุณอย่างไรบ้าง? คุณวางแผนที่จะเปลี่ยนการกระทำของคุณอย่างไรบ้าง?

3. ท่องจำประโยคสรุปห้าประโยคของบทที่ 1 เตรียมพร้อมเพื่อเขียนโดยไม่ดูบันทึกในช่วงเริ่มต้นของชั่วโมงเรียนถัดไป

4. ก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ให้อ่าน 1 ทิโมธี 3:1-13 ทิตัส 1:5-11 และ กิจการ 6:1-6 เขียนข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ดีสำหรับการเป็นผู้นำพันธกิจ