หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
Audio Course Purchase

Search Course

Type at least 3 characters to search

Search through all lessons and sections in this course

Searching...

No results found

No matches for ""

Try different keywords or check your spelling

results found

Lesson 7: คริสตจักรในโลกนี้

1 min read

by Stephen Gibson


คริสตจักรในสังคม

► คริสตจักรจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมได้อย่างไร?

เยเรมีย์เขียนถึงชาวยิวที่เป็นเชลยโดยบอกว่าพวกเขาควรมีความสัมพันธ์แบบไหนกับสังคมนอกศาสนาที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ ชาวยิวเหล่านี้อยู่ที่นั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ศาสนาในสังคมนั้นเป็นของพวกนอกศาสนา รัฐบาลกดขี่และทำลายชนชาติของพวกเขา และพวกเขากำลังรอวันที่พวกเขาจะออกมาจากตรงนั้นได้ พวกเขาอาจคิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกับปัญหาต่าง ๆ ในสังคมนั้น

ฟังถ้อยคำที่พระเจ้าให้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะมายังคนเหล่านี้

แต่จงแสวงหาสวัสดิภาพ [shalom] ของเมือง ซึ่งเราได้กวาดเจ้าให้ไปเป็นเชลยอยู่นั้น และจงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์เพื่อเมืองนั้น เพราะว่าเจ้าจะพบสวัสดิภาพของเจ้าในสวัสดิภาพของเมืองนั้น (เยเรมีย์ 29:7)

[1]Shalom คำนี้มักถูกแปลเป็นสันติภาพ ไม่ได้หมายถึงสันติภาพอย่างเดียว แต่หมายถึงพระพรที่มาพร้อมกันกับสันติภาพ มันหมายถึงพระพรของพระเจ้า ผู้นมัสการพระเจ้าในประเทศของคนนอกศาสนาจะพบพระพรของพระเจ้าเมื่อพวกเขาพยายามนำพระพรเหล่านั้นไปยังผู้คนในสังคมนอกศาสนานั้น!

ปัญหาต่าง ๆ ของโลกนี้มาจากรากคือความบาป ทั้งปัจเจกบุคคลและอำนาจที่จัดตั้งขึ้นไม่เคารพพระวจนะของพระเจ้า คริสตจักรมีคุณสมบัติพิเศษเพื่อพูดกับปัญหาของโลกนี้เพราะคริสตจักรสามารถอธิบายพระวจนะของพระเจ้าและแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาของพระเจ้าได้ คริสตจักรไม่ควรพูดต่อต้านความบาปในสังคมเท่านั้น แต่ควรอธิบายและแสดงให้เห็นว่าสังคมควรเป็นแบบไหน


[1]

“คริสตจักรของคริสเตียนคือชุมชนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์บริหารการทรงไถ่และแจกจ่ายของประทานเป็นช่องทางที่พระเจ้าสำแดงพระราชกิจแห่งการคืนดีในพระเยซูคริสต์ให้มนุษยชาติได้เห็น คริสตจักรถูกเรียกให้จากโลกเพื่อเฉลิมฉลองการมาบังเกิดของพระเจ้าเอง และถูกเรียกให้กลับไปยังโลกเพื่อประกาศอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งมีศูนย์กลางที่การมาบังเกิดเองของพระเจ้าและการคาดหวังให้กลับไป”
- Thomas Oden, Life in the Spirit

คริสตจักรและบริเวณใกล้เคียง

► อะไรคือเครื่องหมายความสำเร็จของคริสตจักรหนึ่ง ๆ?

ด้วยแนวคิดเรื่องความสำเร็จแบบโลก คน ๆ หนึ่งอาจคิดว่าคริสตจักรประสบความสำเร็จเมื่อมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากมาย มีงบประมาณเยอะ และมีอาคารใหญ่

คริสเตียนรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ความสำเร็จในสายตาของพระเจ้า แต่เรามักจะปักใจอยู่กับสิ่งเหล่านั้น เรามักจะคิดว่าศิษยาภิบาลจะประสบความสำเร็จถ้าหากเขามีคริสตจักรในลักษณะนั้น

การวัดความสำเร็จที่สำคัญยิ่งกว่าคือจำนวนของผู้ที่กลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริงซึ่งเกิดจากพันธกิจของคริสตจักร การเติบโตฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อก็สำคัญมากด้วย แต่ยากที่จะวัดได้ การแสดงออกให้ห็นที่สำคัญถึงความสำเร็จของคริสตจักรคือการเปลี่ยนแปลงที่คริสตจักรสร้างให้เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง

► คุณคิดอย่างไรกับคำกล่าวนี้?

ความสำเร็จของคริสตจักรท้องถิ่นควรเชื่อมโยงโดยตรงกับระดับการเปลี่ยนแปลงโดยรวมที่จะเกิดขึ้นกับบริเวณใกล้เคียงของคริสตจักร ความสำเร็จอื่นใดเป็นเรื่องรอง[1]

ข่าวประเสริฐสร้างผลกระทบไปไกลนอกเหนือจากคนเหล่านั้นที่กลับใจมาเชื่อ แต่ละคนที่กลับใจมาเชื่อและเริ่มต้นใช้ชีวิตตามหลักการของคริสเตียนย่อมมีอิทธิพลต่อผู้อื่น พระเยซูตรัสว่าสาวกของพระองค์เป็นเกลือและแสงสว่างของโลกนี้

หลักการต่าง ๆ ของคริสเตียนเป็นรากฐานของเสรีภาพและความยุติธรรม และเป็นพื้นฐานของสังคมที่ได้รับการปฏิรูป ถ้าหากคริสตจักรมีอิทธิพลต่อผู้คนให้ทำตามหลักการของคริสเตียน สังคมก็จะได้รับอิทธิพลให้สร้างเสรีภาพและความยุติธรรม

เรื่องนี้ปรับใช้กับชุมชนในท้องถิ่น ถ้าผู้คนในบริเวณใกล้เคียงได้รับความรอด ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในบริเวณนั้น

► จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับคุณถ้าหากคนจำนวนมากได้อิทธิพลให้ทำตามหลักการของคริสเตียน?

การที่คนในบริเวณใกล้เคียงได้รับอิทธิพลจากพันธกิจของคริสตจักรมีความหมายว่าอะไร? จะมีอาชญากรลดน้อยลง การล่วงละเมิดเด็กและการทอดทิ้งเด็ก พฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม การใช้ความรุนแรง การเหยียดเชื้อชาติ ธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ธุรกิจที่แสวงหาผลประโยชน์ และความป่าเถื่อน ทั้งหมดเหล่านี้จะลดน้อยลง ผู้เช่าจะซื่อสัตย์มากขึ้น เจ้าของบ้านเช่าจะจัดเตรียมบ้านให้ปลอดภัยมากขึ้น คนมากมายจะสามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ นักธุรกิจจะเต็มใจพัฒนาพนักงาน พนักงานจะมีคุณลักษณะที่ดีขึ้นในการทำงาน

ผลกระทบฝ่ายวิญญาณของคริสตจักรเป็นลำดับความสำคัญแรก แต่ถ้าผลกระทบฝ่ายวิญญาณมีจริง มันก็จะแสดงออกเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งมองเห็นได้ในบริเวณใกล้เคียงกับคริสตจักร


[1]จอห์น เพอร์สกิน อ้างอิงโดย ดาเนียล ฮิลล์ ใน “Church in Emerging Culture,” ใน A Heart for the Community แก้ไขโดย John Fuder and Noel Castellanos. (Chicago: Moody Publishers, 2009), 203

พันธกิจต่อคนยากจน

► พระเยซูตรัสว่าอะไรคือพระบัญญัติข้อใหญ่ที่สุดในข้อที่สอง?

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน ลูกา 10:25-29 ให้ทุกคนในชั้นเรียนฟัง

มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งถามพระเยซูว่าจะมีชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร พระเยซูถามว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร?” ชายคนนั้นตอบด้วยการผสานพระบัญญัติข้อใหญ่สองข้อเข้าด้วยกัน เขาพูดว่าท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดชีวิตและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง (ลูกา 10:27) พระเยซูตรัสว่าคำตอบของเขานั้นถูกต้อง และพูดว่า “จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต” คนที่มีความรักนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์

แล้วชายคนนั้นจึงถามว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” เขาไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องรักทุกคน เขาอยากได้กลุ่มคนเล็ก ๆ ที่เขาต้องรัก ดังนั้นเขาจึงจะสามารถรู้สึกว่าเขาทำให้ข้อกำหนดนั้นสำเร็จได้ พระเยซูตอบคำถามนี้ด้วยการเล่าเรื่อง

► พระเยซูเล่าเรื่องอะไรเพื่อเป็นตัวอย่างของการรักเพื่อนบ้าน?

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน ลูกา 10:30-37 ให้ทุกคนในชั้นเรียนฟัง

พระเยซูเล่าเรื่องชาวสะมาเรียเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองหมายความว่าอะไร ความรักจูงใจเราให้ตอบสนองต่อคนที่มีความจำเป็นในชีวิต

พระเยซูกล่าวถึงมิชชันของพระองค์ใน ลูกา 4:18-19 ว่า

พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ และประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า

คำกล่าวนี้ตอบคำถามว่า พระเยซูมาทำไม? พระเยซูตรัสว่านี่คือสิ่งที่พระองค์ได้รับการเจิมให้ทำ นั่นเป็นคำทำนายถึงพระองค์ในพันธสัญญาเดิม

มิชชันของพระเยซูให้แนวทางแก่คริสตจักรคือ “พระกายของพระคริสต์” ในโลกนี้ สิ่งแรกที่พระเยซูตรัสว่าพระองค์ต้องทำคือการเทศนาข่าวประเสริฐแก่คนยากจน คริสตจักรไม่ได้ทำให้มิชชันของตนสำเร็จถ้าหากเพิกเฉยหรือละเว้นคนยากจน พระเยซูตรัสว่าคนยากจนได้รับพระพรพร้อมด้วยอาณาจักรสวรรค์ (ลูกา 6:20) อัครทูตยากอบกล่าวว่าพระเจ้าได้เลือกทำให้คนยากจนมั่งคั่งในความเชื่อ (ยากอบ 2:5) พระเจ้าได้เลือกสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์โดยการใช้คนยากจนและคนอ่อนแอในโลกนี้ (1 โครินธ์ 1:27-29) คริสตจักรมีเหตุผลมากมายเพื่อจะพยายามประกาศข่าวประเสริฐกับคนยากจน เหตุผลหนึ่งคือข่าวประเสริฐเผยแพร่อย่างรวดเร็วในหมู่คนที่ยากจน

คำอธิบายของพระเยซูถึงงานพันธกิจของพระองค์แสดงให้เห็นว่าพระองค์คาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ต่าง ๆ บนโลกนี้ด้วย

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน มีคาห์ 6:6-8 ให้ทุกคนในชั้นเรียนฟัง ผู้เผยพระวจนะถามคำถามว่าอะไร?

ผู้เผยพระวจนะมีคาห์พิจารณาคำถามที่ว่าแท้จริงแล้วพระเจ้าต้องการอะไรจากผู้นมัสการพระองค์ บางคนถามว่าฝูงวัวจะเพียงพอต่อการถวายเป็นเครื่องบูชาหรือแม้แต่การถวายลูกเป็นเครื่องบูชาเพียงพอไหม มีคาห์อธิบายว่าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการหาเครื่องบูชาที่ยิ่งใหญ่พอจะคู่ควรกับพระเจ้า พระเจ้าได้เปิดเผยสิ่งที่เป็นความประสงค์ของพระองค์ เราต้องรับผิดชอบทำสิ่งที่ยุติธรรมและช่วยให้คนอื่นได้รับความยุติธรรม

ความเมตตาไม่ได้หมายถึงการใช้สิทธิอำนาจด้วยความกรุณาเท่านั้น “ความเมตตา” หมายถึงการบรรเทาช่วยเหลือตามความจำเป็นที่มี พระเยซูตรัสว่าชาวสะมาเรียเป็นตัวอย่างของความรักที่พระเจ้าสั่งไว้เพราะเขา “แสดงความเมตตา” บางครั้งคริสตจักรคิดว่าพวกเขาควรมุ่งเน้นที่ความจำเป็นฝ่ายวิญญาณเท่านั้น พวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่ต้องรับผิดชอบกับปัญหาความยากจน อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์เอ่ยถึงคนยากจนประมาณ 400 ครั้ง ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องที่พระเจ้าห่วงใย เช่นเดียวกับชาวสะมาเรียใจดี คริสตจักรควรแสดงความรักต่อคนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน เอเสเคียล 16:49-50 ให้ทุกคนในชั้นเรียนฟัง ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้เอ่ยถึงความบาปอะไรของเมืองโสโดม?

เมืองโสโดมเป็นที่จดจำเรื่องบาปความเบี่ยงเบนทางเพศ แต่ความชั่วร้ายของเมืองไม่ได้มีเพียงเรื่องนั้นอย่างเดียว ชาวเมืองโสโดมใช้ความมั่งคั่งบำรุงบำเรอตนเองและไม่หาวิธีที่จะช่วยคนยากจนให้เข้มแข็งขึ้นมา (“เสริมกำลังมือ”) เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของพวกเขา

แนวคิดเรื่องเขตแดน

เมื่อคริสตจักรมีความรับผิดชอบสำหรับบริเวณใกล้เคียงที่เจาะจง บริเวณนั้นถูกเรียกว่าเป็นเขตแดนของคริสตจักร ในประวัติศาสตร์ องค์กรคริสตจักรใหญ่ ๆ ได้คาดหวังให้คริสตจักรท้องถิ่นรับใช้ในพื้นที่ตามภูมิศาสตร์ที่เจาะจง นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคริสตจักรโรมันคาธอลิกในหลายส่วนของโลก คริสตจักรลูเธอแรนด์ในเยอรมัน และคริสตจักรแห่งอังกฤษในเกรทบริเตน สังกัดนิกายของโปรเตสแตนท์ไม่ได้มีเขตแดนในความหมายเดียวกันนี้

ขอให้นึกว่าจะเป็นอย่างไรหากคริสตจักรพิจารณาตนเองว่าเป็นคริสตจักรที่อยู่เพื่อชุมชนของตน ทุกคนในเขตแดนนั้นก็จะรู้ว่าใครคือศิษยาภิบาลและเขาสามารถอธิษฐาน ให้กำลังใจ และให้คำปรึกษากับผู้คนไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมคริสตจักรหรือไม่ก็ตาม เมื่อเขาไปเยี่ยมเยียนในชุมชน เป้าหมายหลักของเขาจะไม่ใช่การติดตามผู้คนให้มาเข้าร่วมคริสตจักร แต่เขาจะนำเอาพันธกิจของคริสตจักรออกไปหาผู้คนแทน

คริสตจักรจะจัดเตรียมพันธกิจต่าง ๆ ที่ตอบสนองต่อความจำเป็นของผู้คนในบริเวณใกล้เคียง อย่างเช่นการให้คำปรึกษาแก่ครอบครัว การเลี้ยงดูลูกวัยรุ่น และการฝึกอบรมคุณลักษณะชีวิตในอาชีพการงาน สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของคริสตจักร มีบางด้านที่คำตอบจากพระคัมภีร์เป็นคำตอบที่สำคัญมาก และคริสตจักรควรแบ่งปันถึงสติปัญญาจากพระวจนะของพระเจ้าในด้านต่าง ๆ ในเชิงปฏิบัติ การชี้ให้เห็นว่าสิ่งใดผิดในสังคมเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่คริสตจักรต้องอธิบายว่าสังคมควรเป็นแบบไหน

► มีความจำเป็นอะไรในบริเวณใกล้เคียงของคุณที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยพระวจนะของพระเจ้า?

ผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิมมองว่าดินแดนและผู้คนเป็นของพระเจ้า และเรียกทุกคนให้ถือรักษาพันธสัญญาของพระเจ้า พวกเขาเทศนาเกี่ยวกับพระพรที่มายังชุมชนเมื่อชุมชมทำตามแผนการของพระเจ้า และเกี่ยวกับคำแช่งสาปที่มาจากการไม่เชื่อฟัง

ศิษยาภิบาลควรมองชุมชนของเขาเป็นดั่งเขตแดนของเขาที่อยู่ภายใต้พระเจ้า พระเจ้าเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองซึ่งนำเสนอพระพรให้กับผู้คนถ้าหากพวกเขาจะใช้ชีวิตตามแผนการของพระองค์ ศิษยาภิบาลควรเรียกคนในชุมชนให้ดำเนินชีวิตภายใต้ทิศทางของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง เขาควรอธิบายความหมายของการดำเนินชีวิตด้วยพระพรของพระเจ้าและหนุนใจพวกเขาให้เข้ามามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า

แนวคิดเรื่องเขตแดนไม่ได้หมายความว่าทุกคนในบริเวณใกล้เคียงเป็นสมาชิกของคริสตจักร คริสตจักรประกอบไปด้วยคนที่อุทิศตัวเพื่อดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่ชุมชนได้รับอิทธิพลจากคริสตจักร

[1]แนวคิดเรื่องเขตแดนไม่ได้หมายความว่าคนในบริเวณใกล้เคียงควบคุมคริสตจักรและตั้งค่านิยมให้คริสตจักร คริสตจักรได้รับมอบหมายจากพระเจ้า ทำตามพระวจนะของพระองค์ และเป็นตัวแทนของพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ต่อผู้คนในบริเวณใกล้เคียง

เนื่องจากคริสตจักรถูกเรียกว่าเป็นเกลือและแสงสว่าง คริสตจักรจึงถูกเรียกให้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนในบริเวณใกล้เคียงของคริสตจักร


[1]

“ในฐานะพระกายของพระเยซู คริสตจักรคือกลุ่มสามัคคีธรรมที่ดำรงอยู่เพื่อทำตามความประสงค์ของพระองค์และเป็นตัวแทนผลประโยชน์แห่งอาณาจักรของพระเจ้า”
- Larry Smith, I Believe: Foundations of Christian Faith

ลำดับความสำคัญของข่าวประเสริฐ

ผู้รับใช้จำนวนมากนำเสนอโปรแกรมต่าง ๆ ที่ตอบสนองต่อความจำเป็นด้านวัตถุของผู้คนในบริเวณใกล้เคียง พวกเขารับใช้ความจำเป็นของชุมชนและคิดว่าการช่วยเหลือผู้คนในทางปฏิบัติจะช่วยสร้างมิตรภาพที่ดีและดึงความสนใจมายังข่าวประเสริฐได้ เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างโอกาสเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐ พวกเขาต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาห่วงใย

สูตรของพวกเขาคือ โปรแกรมก่อน ตามด้วยความสัมพันธ์ ตามด้วยข่าวประเสริฐ อย่างไรก็ตามมีหลายหนทางที่โปรแกรมการช่วยเหลือจะไปในทางที่ผิด การช่วยเหลืออาจไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ใด ๆ นอกเหนือจากความสัมพันธ์แบบผู้ให้กับผู้รับ

บางครั้งดูเหมือนข่าวประเสริฐแยกออกจากสิ่งที่มอบให้ และผู้คนรับความช่วยเหลือโดยไม่ได้สนใจข่าวประเสริฐ ผู้คนที่ทำงานในโปรแกรมอาจยุ่งอยู่กับการเตรียมความช่วยเหลือและไม่ได้แบ่งปันข่าวประเสริฐ คนที่รับอาจฉวยเอามากที่สุด จากนั้นก็จากไปเพื่อมองหาความช่วยเหลือจากที่อื่น

สูตรควรกลับด้านกัน คริสตจักรควรเน้นข่าวประเสริฐก่อนเมื่อติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนเป็นครั้งแรก

► ข่าวประเสริฐคืออะไร?

เมื่อคริสตจักรนำเสนอข่าวประเสริฐให้กับโลกนี้ พวกเขาต้องสัตย์ซื่อที่จะรวมคำอธิบายเรื่องชีวิตใหม่ในคริสตจักรเข้าไปด้วย ความรอดไม่ใช่การตัดสินใจส่วนตัวที่ปล่อยทิ้งให้คนนั้นใช้ชีวิตใหม่ที่ไม่คุ้นเคยตามลำพัง คนบาปจะไม่ยอมรับข่าวประเสริฐเว้นแต่พวกเขาได้รับการดึงดูดสู่ชุมชนแห่งความเชื่อที่นำเสนอข่าวประเสริฐ

ในพันธกิจของพระเยซูและพวกอัครทูต เราเห็นว่าข่าวประเสริฐคือ “ข่าวดี” เรื่องอาณาจักรของพระเจ้า เป็นคำสอนที่บอกว่าคนบาปสามารถรับการยกโทษและเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ เขาได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากอำนาจของบาปและได้รับการสร้างใหม่ เขาเข้าในครอบครัวแห่งความเชื่อ ที่ซึ่งพี่น้องฝ่ายวิญญาณหนุนใจเขาและช่วยเหลือเขาในสิ่งที่จำเป็น

คริสตจักรควรมองเห็นมิชชันพื้นฐานของตนคือการสื่อสารข่าวประเสริฐ ทุกคนควรรู้ว่าการทำงานเพื่อเห็นแก่ความรอดของจิตวิญญาณคืองานหลักของคริสตจักร จากนั้นคริสตจักรก็ดึงดูดผู้คนที่สนใจข่าวประเสริฐให้เข้ามา พันธกิจแห่งข่าวประเสริฐสร้างความสัมพันธ์

จากนั้นคริสตจักรก็ช่วยเหลือผู้คนที่มีความสัมพันธ์กับคริสตจักร อาจไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับความรอด แต่พวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยพันธกิจแห่งข่าวประเสริฐของคริสตจักร

ดังนั้นสูตรที่กลับด้านกันคือ ข่าวประเสริฐก่อน ตามด้วยความสัมพันธ์ จากนั้นตามด้วยการช่วยเหลือ (ไม่ใช่โปรแกรม) คริสตจักรไม่ควรเป็นเพียงองค์กรที่นำเสนอโปรแกรมช่วยเหลือ แต่คริสตจักรคือกลุ่มคนที่ช่วยผู้คนซึ่งมีความสัมพันธ์กับพวกเขา ถ้าพวกเขาเริ่มต้นโปรแกรม ผู้คนจะมาร่วมแค่โปรแกรมแต่ไม่มีความสัมพันธ์

ประโยคสรุปเจ็ดประโยค

1. คริสตจักรที่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริเวณใกล้เคียง

2. เราต้องแสดงความรักต่อเพื่อนบ้านของเราโดยการตอบสนองต่อความจำเป็นในชีวิต

3. คริสตจักรต้องรับใช้คนยากจนเพื่อทำให้มิชชันของคริสตจักรสำเร็จ

4. คริสตจักรควรรับใช้ผู้คนในพื้นที่ตามภูมิศาสตร์ของตน

5. คริสตจักรควรอธิบายและสาธิตให้เห็นว่าสังคมควรเป็นอย่างไร

6. พันธกิจข่าวประเสริฐเป็นลำดับความสำคัญแรกของคริสตจักร

7. คริสตจักรควรช่วยผู้คนในบริบทของความสัมพันธ์

งานมอบหมายบทที่ 7

1. ท่องจำประโยคสรุปเจ็ดประโยคของบทที่ 7 เขียนคำอธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละประโยคสรุปทั้งเจ็ดนี้โดยมีความยาวหนึ่งย่อหน้า (ทั้งหมดเจ็ดย่อหน้า) ให้กับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ นำคำอธิบายนี้กลับมาส่งให้กับหัวหน้าชั้นเรียนก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ขอให้เตรียมพร้อมแบ่งปันคำอธิบายหนึ่งย่อหน้าให้กับกลุ่มในกรณีที่หัวหน้าชั้นได้ขอให้คุณแบ่งปันในช่วงเวลาที่มีการอภิปรายกัน เขียนประโยคเหล่านี้จากการท่องจำตอนเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป

2. อย่าลืมกำหนดเวลาเพื่อสอนนอกชั้นเรียนด้วยตัวของคุณเองและรายงานให้กับหัวหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณสอนแล้ว

3. งานมอบหมายการสัมภาษณ์: พูดคุยกับคนหลายคนที่ไม่ได้เข้าคริสตจักร ขอให้พวกเขาอธิบายถึงอิทธิพลของคริสตจักรในบริเวณใกล้เคียง แล้วเขียนสรุปมา

 

Next Lesson