หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
Audio Course Purchase

Search Course

Type at least 3 characters to search

Search through all lessons and sections in this course

Searching...

No results found

No matches for ""

Try different keywords or check your spelling

results found

Lesson 13: คุณลักษณะของผู้นำคริสเตียน

1 min read

by Stephen Gibson


ความท้าทายของการเป็นผู้นำคริสเตียน

พระคัมภีร์ที่เราศึกษาในบทนี้นำไปใช้อย่างเจาะจงกับศิษยาภิบาลและมัคนายก แต่ก็รวมถึงผู้นำคนอื่น ๆ ในคริสตจักรด้วย คนใดก็ตามที่สอนในชั้นเรียน นำคริสตจักรบ้าน หรือนำนมัสการล้วนเป็นผู้นำ คนเหล่านั้นเป็นแบบอย่างของคนที่คริสตจักรได้พิสูจน์แล้วว่าเหมาะสม ด้วยเหตุนี้จึงสำคัญว่าพวกเขาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านคุณลักษณะของคริสเตียน

คุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำสำคัญยิ่งกว่าความสามารถตามธรรมชาติของเขา พระเจ้าให้ผู้นำคริสเตียนมีความสามารถที่จำเป็นต่อการทำพันธกิจของพระองค์

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน 1 ทิโมธี 3:1-7 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

ไม่ผิดอะไรที่คน ๆ หนึ่งจะปรารถนาตำแหน่งศิษยาภิบาลถ้าหากเขามีแรงจูงใจที่ถูกต้อง ถ้าหากเขาต้องการเกียรติและอำนาจหรือโอกาสหาเงิน เขาก็ไม่ได้มีหัวใจของศิษยาภิบาล เขาควรปรารถนาโอกาสในการรับใช้

เรามีพระคัมภีร์สองตอนที่บอกเกี่ยวกับคุณลักษณะของศิษยาภิบาลและมัคนายก เป็นจดหมายที่เปาโลเขียนถึงทิโมธีและทิตัส ทิโมธีดูแลคริสตจักรเอเฟซัส ทิตัสดูแลคริสตจักรครีต พวกเขาทำงานเป็นศิษยาภิบาลที่ได้รับการแต่งตั้งเพื่อดูแลคริสตจักรท้องถิ่นแต่ละที่

ลองนึกถึงภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่มาเป็นศิษยาภิบาลในยุคแรกของคริสตจักร เขาไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านวิชาการ ไม่มีหนังสือเกี่ยวกับพันธกิจให้เขาศึกษา เขาไม่มีโอกาสสังเกตศิษยาภิบาลคนอื่น ๆ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสสังเกตชีวิตของคริสตจักรเป็นเวลานานเพราะคริสตจักรก็ตั้งใหม่ แม้แต่พันธสัญญาใหม่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมา

เปาโลบอกวิธีที่จะได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนในคริสตจักรให้กับทิโมธี เขาบอกทิโมธีว่าให้เป็นแบบอย่างทั้งในด้านวาจา การประพฤติ ความรัก วิญญาณ ความเชื่อ และความบริสุทธิ์ (1 ทิโมธี 4:12) ศิษยาภิบาลไม่ได้รับความเคารพนับถือด้วยการเรียกร้อง

► ศิษยาภิบาลจะได้รับความเคารพนับถือได้อย่างไร?

อัครทูตบอกทิโมธีกับทิตัสถึงคุณลักษณะของศิษยาภิบาล คุณลักษณะส่วนใหญ่เป็นคุณลักษณะของคริสเตียนและความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าการมีความสามารถพิเศษ ด้วยเหตุนี้คริสเตียนทุกคนควรได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาคุณลักษณะเหล่านี้

คุณลักษณะของศิษยาภิบาล

(1) ไม่มีที่ติ

ศิษยาภิบาลต้องไม่มีความผิดเพราะทำสิ่งผิด ศิษยาภิบาลไม่สามารถนำคนอื่นให้ทำสิ่งถูกต้องได้ถ้าหากเขาไม่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ศิษยาภิบาลต้องเป็นคนที่แสดงให้เห็นชีวิตคริสเตียนอย่างเสมอต้นเสมอปลายมาสักระยะเวลาหนึ่ง นี่คือสิ่งจำเป็นเพื่อคริสตจักรจะสามารถไว้ใจเขาได้ และคริสตจักรสามารถมีคำพยานที่ดีต่อชุมชน

(2) เป็นสามีของหญิงคนเดียว

ในหลายพื้นที่ของโลกนี้ การมีภรรยาหลายคนเป็นธรรมเนียมปกติ การออกแบบของพระเจ้าคือให้ผู้ชายคนหนึ่งมีภรรยาคนเดียว ศิษยาภิบาลต้องเป็นแบบอย่างเรื่องนี้

(3) รอบคอบ

ศิษยาภิบาลคือผู้ปกป้องผู้คนในที่ประชุมของเขา เขาควรเฝ้าระวังเพื่อต่อต้านหลักคำสอนเท็จและอิทธิพลที่ผิด เขาต้องสอนคนของเขาเพื่อคนเหล่านั้นจะมั่นคงในหลักคำสอนของพวกเขา เขาต้องพร้อมที่จะเตือนผู้คนแต่ละคนถึงอันตรายฝ่ายวิญญาณ

► อะไรจะเกิดขึ้นหากศิษยาภิบาลไม่ตระหนักถึงอันตรายฝ่ายวิญญาณที่คนของเขาเผชิญอยู่?

[1](4) เอาจริงเอาจัง

ศิษยาภิบาลต้องเอาจริงเอาจังกับงานพันธกิจของเขา เขาไม่ควรเป็นคนใจร้อนตัดสินใจเร็วเกินไป เขาต้องเป็นคนที่สามารถคิดอย่างสุขุมรอบคอบในเรื่องที่สำคัญ เขาต้องไม่ยอมปล่อยให้ใจตัวเองถูกเบี่ยงเบนโดยความกังวลส่วนตัว สิ่งบันเทิงต่าง ๆ หรือการลองใจต่าง ๆ

(5) มีความประพฤติดี

ศิษยาภิบาลควรมีการประพฤติเรียบร้อย เขาไม่ควรประพฤติตนในทางที่ไม่เหมาะสม เขาควรเรียนรู้วิธีแสดงความเคารพและให้เกียรติตามธรรมเนียมในสถานที่ที่เขารับใช้

(6) มีอัชฌาสัยต้อนรับแขก

ศิษยาภิบาลต้องเป็นคนที่ตอบสนองความจำเป็นของผู้อื่น เขาควรเต็มใจแบ่งปัน เขาควรเป็นมิตรและช่วยเหลือผู้คนแม้ที่พึ่งพบกันเป็นครั้งแรกก็ตาม

(7) เหมาะที่จะเป็นครู

ศิษยาภิบาลต้องสามารถอธิบายความจริงเพื่อผู้คนจะเข้าใจได้ เขาต้องรับผิดชอบอ่านและศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเอง

(8) ไม่ดื่มสุรามึนเมา

ศิษยาภิบาลไม่ควรปล่อยตัวเองให้อยู่ใต้อิทธิพลของเหล้าองุ่น เขาต้องไม่มีการประพฤติอย่างคนที่ได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล หลักการนี้ใช้กับสิ่งอื่น ๆ ที่ให้ผลกระทบอย่างเดียวกันด้วย

(9) ไม่ใช้ความรุนแรง

ศิษยาภิบาลไม่ควรพยายามได้สิ่งที่ตนต้องการด้วยการขู่เข็ญใช้กำลัง เขาไม่ควรพร้อมทำร้ายคนอื่นที่ทำร้ายเขาเสมอ ดูใน 2 ทิโมธี 2:24-25 ด้วย

► อะไรคือวิธีการที่ถูกต้องสำหรับศิษยาภิบาลในการแสดงออกถึงความโกรธ?

(10) ไม่เห็นแก่เงิน

ผู้คนในโลกนี้เปลี่ยนคำพูดเพื่อเห็นแก่ผลกำไร ผู้คนในสาขาอาชีพเช่น ทนายความ นักขาย หรือนักการเมืองถูกลองใจให้ผันความจริงเป็นอย่างอื่นเพื่อเอาใจผู้คน ศิษยาภาลก็ถูกลองใจด้วยเช่นกัน เพราะความจริงจากพระวจนะของพระเจ้าไม่ได้เอาใจใคร
ศิษยาภิบาลต้องสัตย์ซื่อต่อความจริงไม่ว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินหรือไม่ก็ตาม

ศิษยาภิบาลต้องปรารถนาเห็นพันธกิจของคริสตจักรได้รับการสนับสนุนทางการเงิน เขาต้องนำคริสตจักรให้ทำหน้าที่เหมือนครอบครัวที่ดูแลสมาชิก มากกว่าคิดถึงสิ่งที่คนเหล่านั้นจะให้แก่เขา

(11) ปกครองบ้านเรือนของตนได้ดี

ความสามารถในการเป็นผู้นำของศิษยาภิบาลควรแสดงออกที่บ้าน เขาควรควบคุมดูแลลูก ๆ ของเขาได้ ถ้าหากเขาไม่สามารถนำที่บ้านของตน เขาก็ไม่สามารถนำคริสตจักรได้ นี่ไม่ได้รวมถึงลูกที่เป็นผู้ใหญ่และออกจากสิทธิอำนาจของเขาเนื่องจากเขาไม่ต้องยังคงรับผิดชอบลูกคนนั้น

[2](12) ไม่ใช่คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อ

ถ้าหากคนหนึ่งถูกวางไว้ในตำแหน่งแห่งสิทธิอำนาจเร็วเกินไป เขาก็จะถูกลองใจให้เย่อหยิ่ง ความหยิ่งเป็นความบาปที่ทำให้ซาตานล้มลง การส่งเสริมควรค่อย ๆ มาพร้อมกับประสบการณ์

► อันตรายอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากคนหนึ่งถูกวางไว้ในตำแหน่งเร็วเกินไปและไม่ได้ทำได้ดี?

(13) มีชื่อเสียงดี

ก่อนที่คนหนึ่งจะถูกแต่งตั้งให้เป็นศิษยาภิบาล เขาต้องมีชื่อเสียงดีในหมู่คนนอกคริสตจักร พวกเขาต้องรู้ว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์โปร่งใสในทุกสิ่งที่เขาทำ ถ้าหากเขามีชื่อเสียงที่ไม่ดีก่อนที่เขาจะกลับใจมาเชื่อ เขาจำเป็นต้องมีเวลาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ดีขึ้นก่อนที่จะเป็นศิษยาภิบาล

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน ทิตัส 1:5-11 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

คุณลักษณะส่วนใหญ่ของศิษยาภิบาลที่เขียนไว้ในทิตัสก็อยู่ในเนื้อหาของ 1 ทิโมธี

► คุณลักษณะใดของศิษยาภิบาลที่เพิ่มเข้ามาจากในเนื้อหาของทิตัส?

เนื้อหาตอนนี้เน้นถึงความสามารถของศิษยาภิบาลในการตอบสนองต่อหลักคำสอนเท็จ ศิษยาภิบาลต้องได้รับการฝึกอบรมมาดีในด้านหลักคำสอนที่แท้จริง และสามารถอธิบายได้อย่างจูงใจ วัตถุประสงค์คือเพื่อแก้ไขคนเหล่านั้นที่เชื่อหลักคำสอนเท็จ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเพื่อปกป้องคนในคริสตจักรจากการถูกนำไปในทางที่ผิด


[1]

“การเทศนาข่าวประเสริฐโดยการอภิบาลดูแลซึ่งเป็นส่วนของพันธกิจ เป็นวิธีการที่พระเจ้ากำหนดไว้สำหรับการกลับใจมาเชื่อของคนบาปและเสริมสร้างจิตวิญญาณของผู้เชื่อ ด้วยเหตุนี้จึงสมเหตสมผลที่สุดที่พระเจ้าจะเลือกตัวแทนของพระองค์เองและโดยเฉพาะเรียกพวกเขาเข้าสู่งานรับใช้ของพระองค์”
- John Miley, Christian Theology

[2]

“องค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระบิดาในสวรรค์ ผู้ให้คุณมีความตั้งใจดีในการทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด พระองค์ให้กำลังและฤทธิ์เดชแก่คุณเพื่อทำสิ่งเดียวกัน คือพระองค์กำลังทำให้การดีที่พระองค์ได้เริ่มต้นไว้ภายในคุณให้สำเร็จ คุณอาจพบความสมบูรณ์แบบและไม่มีข้อตำหนิในวันที่จะมาภายหลัง โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระเจ้าของเรา อาเมน
- ”The Consecrating of Bishops”
Book of Common Prayer

คุณลักษณะของมัคนายก

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน กิจการ 6:1-6 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง พระธรรมตอนนี้อธิบายถึงปัญหาอะไร?

มัคนายกกลุ่มแรกได้รับการแต่งตั้งไม่นานหลังจากวันเพ็นเทคอส พวกอัครทูตจำเป็นต้องจดจ่อกับการอธิษฐานและการเทศนา ผู้ชายเจ็ดคนได้รับการแต่งตั้งให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดการต่าง ๆ ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยในคริสตจักร มัคนายกช่วยศิษยาภิบาลเกี่ยวกับรายละเอียดในงานพันธกิจ มัคนายกอาจเป็นนักเทศน์ได้ แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็น

► อะไรคือคุณลักษณะของมัคนายกกลุ่มแรก?

คุณลักษณะของมัคนายกกลุ่มแรกคือการที่พวกเขาจะต้องมีชื่อเสียงเรื่องความซื่อสัตย์ เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา พวกเขาจะต้องบริหารจัดการเงินให้กับคริสตจักร ดังนั้นชื่อเสียงในเรื่องความซื่อสัตย์จึงจำเป็น งานของพวกเขาจะมีผลกระทบฝ่ายวิญญาณต่อคริสตจักร ดังนั้นจึงจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อจะมีการทรงนำ การเจิม และความบริสุทธิ์ของพระองค์ พวกเขาจะต้องจัดการกับสถานการณ์ที่ยาก ดังนั้นการมีสติปัญญาจึงสำคัญ

อัครทูตเปาโลเขียนถึงคุณลักษณะของมัคนายก

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน 1 ทิโมธี 3:8-13 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

(1) น่านับถือ

มัคนายกต้องเป็นคนที่น่านับถือทั้งในด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว กับเพื่อน ๆ และชุมชน

(2) จริงใจ

มัคนายกต้องเป็นคนที่เชื่อถือได้ในทุกเรื่องที่เขาพูด เขาจะรับฟังคำตัดสินเกี่ยวกับคนในคริสตจักรและจะฟังความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ในคริสตจักร เขาต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจ

(3) ไม่ดื่มสุรามึนเมา

มัคนายกต้องไม่เป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล การประพฤติของเขาต้องน่านับถือและเสมอต้นเสมอปลาย

(4) ไม่โลภเห็นแก่ได้

มัคนายกจะต้องรับผิดชอบในการจัดการเงินให้กับคริสตจักรและดูแลใส่ใจความจำเป็นของคนในคริสตจักร เขาต้องไม่เป็นคนที่พยายามหาผลประโยชน์จากพันธกิจสำหรับตัวเอง

(5) ยึดมั่นหลักคำสอนที่ดีด้วยมโนธรรมที่บริสุทธิ์

เมื่อคนหนึ่งล้มลงในความบาป เขามักจะเริ่มต้นเชื่อหลักคำสอนที่ผิด ถ้าหากคนหนึ่งใช้ชีวิตในชัยชนะฝ่ายวิญญาณ เขาจะยึดมั่นในหลักคำสอนที่แท้จริงมากกว่า

(6) มีประสบการณ์

ก่อนที่คนหนึ่งจะได้รับตำแหน่งมัคนายก เขาควรมีโอกาสแสดงให้เห็นว่าเขามีสติปัญญาและไว้ใจได้ในงานพันธกิจ ผู้นำที่มีสติปัญญาจะให้โอกาสผู้คนในการรับใช้ก่อนจะให้ตำแหน่งที่มีสิทธิอำนาจแก่เขา

► อะไรคือตัวอย่างของวิธีการที่คน ๆ หนึ่งสามารถช่วยงานพันธกิจของคริสตจักรได้โดยไม่ต้องมีตำแหน่งที่มีสิทธิอำนาจ?

(7) มีภรรยาที่สัตย์ซื่อ

งานพันธกิจของมัคนายกจะถูกทำลายหากภรรยาของเขาเป็นคนพูดนินทาและไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีในการเป็นคริสเตียน

(8) ปกครองครอบครัวของตนได้ดี

เหมือนกับศิษยาภิบาล มัคนายกควรสามารถจัดการครอบครัวของตนได้ดี

ลำดับความสำคัญของกลุ่มที่อุทิศตัว

คริสตจักรคือกลุ่มผู้เชื่อที่อุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อกัน บริหารจัดการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้มิชชันของคริสตจักรท้องถิ่นบรรลุผล การงานและทรัพยากรต่าง ๆ สำหรับงานพันธกิจมาจากกลุ่มนั้น ถ้าไม่มีกลุ่มนั้น ก็ไม่มีคริสตจักร

คนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในร้านค้าย่อมเป็นคนสำคัญเพราะเขาสามารถกลายเป็นลูกค้าได้ ในทำนองเดียวกันคนที่มาเยี่ยมคริสตจักรก็สำคัญเพราะเขาสามารถเป็นสมาชิกในกลุ่มที่อุทิศตัวได้ คนที่สำคัญที่สุดต่อธุรกิจคือคนที่เป็นลูกค้าประจำ คนที่สำคัญที่สุดของคริสตจักรคือคนที่อุทิศตัวต่อคริสตจักร

ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในคริสตจักรควรรับใช้กลุ่มคนที่อุทิศตัว ศิษยาภิบาลและผู้สอนทุกคนควรมีวัตถุประสงค์ในการรับใช้สมาชิกของกลุ่มนั้นและดึงดูดคนให้เข้ากลุ่มนี้มากขึ้น กลุ่มเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อผู้คนได้รับความรอดและอุทิศตัวต่อคริสตจักร หรือเมื่อผู้คนที่รับความรอดแล้วตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องอุทิศตัวต่อกลุ่ม เจ้าหน้าที่ของคริสตจักรควรศึกษาความจำเป็นของกลุ่มและจัดเตรียมการสร้างสาวก คำแนะนำฝ่ายวิญญาณ การฝึกอบรมด้านพันธกิจ และรูปแบบการสามัคคีธรรม พวกเขาควรนำกลุ่มให้ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความจำเป็นของคนในกลุ่ม

ในฐานะครอบครัวแห่งความเชื่อ คริสตจักรทุ่มเททรัพยากรต่าง ๆ และค้นพบทรัพยากรของพระเจ้าเพื่อตอบสนองความจำเป็นทุกชนิดให้กับคนที่อยู่ในการสามัคคีธรรม แสดงให้โลกเห็นถึงสติปัญญาของพระเจ้าในทุกด้านของชีวิต และเชิญชวนให้คนที่ยังไม่ได้รับความรอดให้กลับใจมาเชื่อแล้วเข้าสู่ครอบครัวนี้

► จะเป็นอย่างไรหากผู้นำคริสตจักรให้ความสำคัญในการพัฒนากลุ่มผู้เชื่อที่อุทิศตัวต่อกันและกัน?

ลำดับความสำคัญฝ่ายวิญญาณของคริสตจักร

แม้ว่าการเงินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคริสตจักร (เพื่อสนับสนุนศิษยาภิบาล ดูแลสมาชิก และพันธกิจท้องถิ่นอย่างอื่น) คริสตจักรควรเน้นเรื่องลำดับความสำคัญฝ่ายวิญญาณในการประกาศข่าวประเสริฐและสร้างสาวก ศิษยาภิบาลควรเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณในเบื้องต้น หมายความว่าศิษยาภิบาลไม่ควรแบบภาระหนักในงานจัดการธุรกรรมต่าง ๆ ภาพในอุดมคติคือการที่สมาชิกคริสตจักรมีงานทำหรือทำธุรกิจซึ่งทำให้พวกเขาถวายสิบลดได้ ส่วนงานธุรกรรมที่ดำเนินโดยคริสตจักร ควรให้มัคนายกที่ไว้ใจได้รับผิดชอบ มัคนายกกลุ่มแรกได้รับการแต่งตั้งเพื่อพวกอัครทูตจะอุทิศตัวให้กับการอธิษฐานและพันธกิจแห่งพระวจนะ (กิจการ 6:2-4)

ลักษณะของศิษยาภิบาลที่นำได้ดี

► อภิปรายประเด็นที่สำคัญร่วมกัน เริ่มต้นด้วยคำถามว่า “ทำไมลักษณะนี้จึงสำคัญ?”

1. ความจงรักภักดีของเขาไม่ถูกแบ่งแยกไปให้กับองค์กรอื่น ๆ

2. เขาเต็มใจสร้างทีมพันธกิจและใช้ความสามารถของคนอื่นได้

3. เขานำสมาชิกในคริสตจักรให้แบ่งปันชีวิตเหมือนเป็นครอบครัวฝ่ายวิญญาณที่ห่วงใยต่อความจำเป็นในชีวิตทั้งหมด

4. เขารับใช้คริสตจักรของเขาด้วยความรักต่อพระเจ้าและต่อผู้คน แทนที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

5. ลำดับความสำคัญฝ่ายวิญญาณเช่น การนมัสการ การประกาศข่าวประเสริฐ และการเติบโตฝ่ายวิญญาณ เป็นจุดสนใจของงานพันธกิจของเขา

6. เขาได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากคนของเขา

7. เขาเต็มใจสร้างคริสตจักรให้เป็นสถาบันถาวรที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของ

8. เขานำคริสตจักรให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ สอนให้ถวายสิบลดและให้สามัคคีธรรมซึ่งตอบสนองต่อความจำเป็นต่าง ๆ

9. เขาซื่อสัตย์ในทุกเรื่องรวมถึงการใช้เงินให้เกิดประโยชน์

10. เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการเงินและเจ้าหน้าที่ได้ดี

ลักษณะของผู้นำโครงการของพันธกิจ

คนที่ถูกเลือกให้นำกิจการต่าง ๆ ที่ดำเนินงานโดยคริสตจักรควรมีคุณสมบัติเหล่านี้ ผู้นำของคริสตจักรควรทำงานเพื่อพัฒนาคุณสมบัติเหล่านี้ให้กับสมาชิกที่สามารถช่วยรับผิดชอบงานของคริสตจักรและได้รับการเพิ่มเข้ามาในทีมผู้นำ

► อภิปรายประเด็นที่สำคัญร่วมกัน เริ่มต้นด้วยคำถามว่า “ทำไมลักษณะนี้จึงสำคัญ?”

1. เขาได้สัตย์ซื่อต่อคริสตจักรท้องถิ่นในการเข้าร่วม ในการถวายสิบลด ในการมีส่วนร่วม และเป็นคริสเตียนที่มีคำพยานที่น่าเชื่อถือได้

2. เขาได้ลงทุนความพยายามและภาระใจของเขาในคริสตจักรท้องถิ่นอยู่แล้ว

3. เขามีความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเต็มที่และมีจริยธรรมสูง

4. เขาแสดงให้เห็นแล้วถึงการริเริ่มและแรงจูงใจในการทำอย่างดีที่สุด

5. เขามีวินัยส่วนตัว มีแรงจูงใจที่ดี และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

6. เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการและนำคนอื่น ไม่เพียงแค่ความสามารถในการทำงานตามคำสั่ง

7. เขามีความสามารถที่จำเป็นต่อบทบาทหน้าที่ของเขาในการรับผิดชอบโครงการนั้น

 

ประโยคสรุปเจ็ดประโยค

1. คุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้นำสำคัญยิ่งกว่าความสามารถตามธรรมชาติของเขา

2. บุคคลต้องแสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะชีวิตคริสเตียนมาสักช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะมาเป็นผู้นำ

3. บุคคลที่มีความรับผิดชอบในคริสตจักรเป็นแบบอย่างถึงคุณลักษณะของคริสตจักร

4. คริสตจักรจำเป็นต้องมีการจัดการการเงินเพื่อสนับสนุนศิษยาภิบาล ดูแลสมาชิก และงานพันธกิจท้องถิ่นอย่างอื่น

5. คริสตจักรควรมุ่งเน้นให้การประกาศข่าวประเสริฐและการสร้างสาวกเป็นลำดับความสำคัญฝ่ายวิญญาณพื้นฐาน

6. ผู้นำในคริสตจักรควรมุ่งพัฒนากลุ่มคนที่อุทิศตัวต่อคริสตจักร

7. คริสตจักรต้องได้รับการสถาปนาเป็นดั่งสถาบันถาวรซึ่งเป็นของสมาชิกทุกคนในคริสตจักร

งานมอบหมายบทที่ 13

1. ท่องจำประโยคสรุปเจ็ดประโยคของบทที่ 13 เขียนคำอธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละประโยคสรุปทั้งเจ็ดนี้โดยมีความยาวหนึ่งย่อหน้า (ทั้งหมดเจ็ดย่อหน้า) ให้กับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ นำคำอธิบายนี้กลับมาส่งให้กับหัวหน้าชั้นเรียนก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ขอให้เตรียมพร้อมแบ่งปันคำอธิบายหนึ่งย่อหน้าให้กับกลุ่มในกรณีที่หัวหน้าชั้นได้ขอให้คุณแบ่งปันในช่วงเวลาที่มีการอภิปรายกัน เขียนประโยคเหล่านี้จากการท่องจำตอนเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป

2. อย่าลืมกำหนดเวลาเพื่อสอนนอกชั้นเรียนด้วยตัวของคุณเองและรายงานให้กับหัวหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณสอนแล้ว

3. งานมอบหมายในการเขียน: ศึกษา เอเสเคียล 34:1-10 และเขียนสองสามประโยคเพื่อสรุปเนื้อหาในพระธรรมตอนนี้

Next Lesson