หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
Audio Course Purchase

Search Course

Type at least 3 characters to search

Search through all lessons and sections in this course

Searching...

No results found

No matches for ""

Try different keywords or check your spelling

results found

Lesson 2: ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียน

1 min read

by Stephen Gibson


บทนำ

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่านเรื่องสมมติต่อไปนี้ให้ทุกคนในชั้นเรียนฟัง

ครั้งหนึ่งมีเมือง ๆ หนึ่งซึ่งตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากน้ำจากแม่น้ำท่วม ผู้คนในเมืองจัดทีมเพื่อบรรจุกระสอบทรายวางไว้ริมแม่น้ำ ผู้คนทำงานด้วยความกระตือรือร้นและมีน้ำใจแห่งความเป็นทีม ไม่ช้านานทีมต่าง ๆ นั้นก็ตั้งชื่อทีมตัวเอง ได้แก่ ทีมผู้ช่วยกู้เมือง ทีมขุดทราย และทีมด่านกั้นน้ำ เอกลักษณ์ของทีมกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ สมาชิกของแต่ละทีมใส่เสื้อที่เข้าชุดกัน พวกเขาพูดถึงว่าทีมของตนดีที่สุดอย่างไร พวกเขาตำหนิวิจารณ์ทีมอื่น ๆ

เมื่อทีมด่านกั้นน้ำขอยืมรถเข็นจากทีมผู้ช่วยกู้เมือง พวกเขาไม่ยอมให้ยืมเพราะคิดว่าตัวเองอาจจำเป็นต้องใช้ เมื่อทีมขุดทรายขาดถุงใส่ทราย พวกเขารอเป็นชั่วโมงเพื่อจะมีคนเอาถุงมาให้ ถึงแม้ว่าทีมอื่นจะมีถุงเหลือ ทุกทีมลืมไปว่าพวกเขาทำภารกิจอย่างเดียวกัน ความสำเร็จของแต่ละทีมดูเหมือนสำคัญกว่าความสำเร็จทั้งหมดภารกิจนั้น

► บางครั้งคริสตจักรกระทำเหมือนทีมต่าง ๆ ในเรื่องนี้อย่างไร?

พระคัมภีร์ย้ำอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับค่านิยมความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียน เปาโลตำหนิว่ากล่าวคริสตจักรที่เมืองโครินธ์เรื่องความแตกแยกด้วยการถามว่า “พระคริสต์แบ่งออกเป็นหลายองค์แล้วหรือ?” ( 1 โครินธ์ 1:13) เขาบอกชาวเมืองเอเฟซัสให้คงอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกันโดยพระวิญญาณโดยชี้ประเด็นว่า “มีกายเดียว...องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว” (เอเฟซัส 4:4-5) พระเยซูอธิษฐานด้วยความจริงจังให้ผู้เชื่อเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อโลกนี้จะเชื่อว่าพระองค์มาจากพระบิดา (ยอห์น 17:21)

ตั้งแต่เริ่มต้น คริสตจักรถือว่าตนเองเป็นหนึ่งเดียว หลักข้อเชื่อของอัครทูตมีคำกล่าวนี้ด้วย “ข้าพเจ้าเชื่อใน...คริสตจักรสากลอันบริสุทธิ์ คือการเข้าร่วมกันของธรรมิกชน” หลักข้อเชื่อไนซีนมีคำกล่าวนี้เช่นกัน “ข้าพเจ้าเชื่อในคริสตจักรคาธอลิกหนึ่งเดียวซึ่งสืบเนื่องมาจากอัครทูต” คำว่า คาธอลิก หมายถึงสมบูรณ์และเป็นสากล คำว่า อัครทูต หมายความว่าคริสตจักรได้รับการสถาปนาโดยพวกอัครทูตและยังคงทำตามคำสอนของอัครทูตต่อไป

หลักข้อเชื่อในยุคแรกแสดงออกถึงหลักคำสอนที่เป็นหัวใจสำคัญของคริสต์ศาสนา คริสตจักรไม่ได้ถือว่าคนใดที่ไม่ยอมรับหลักข้อเชื่อว่าเป็นคริสเตียน เนื่องจากหลักข้อเชื่อมีเป้าหมายเพื่อให้คำนิยามที่เป็นหัวใจสำคัญของคริสต์ศาสนา ด้วยเหตุนี้คน ๆ หนึ่งจะเป็นคนนอกรีตถ้าหากเขาคิดว่ามีคริสตจักรแท้จริงที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสากล

สังกัดนิกายต่าง ๆ

คริสตจักรบนโลกนี้ไม่ได้ถูกบริหารจัดการให้เข้าเป็นสถาบันเดียวมาหลายศตวรรษ แทนที่จะเป็นอย่างนั้นแต่กลับมีกลุ่มต่าง ๆ ของคริสตจักรมากมาย กลุ่มคริสตจักรหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยองค์กรหนึ่งถูกเรียกว่าเป็นสังกัดนิกายหนึ่ง

ในปี ค.ศ. 451 กลุ่มออเรียนทัลออโธดอกซ์ได้แยกออกจากโรมันคาธอลิกเพราะไม่เห็นด้วยกับหลักคำสอน ทุกวันนี้มีองค์กรคริสตจักรเฉพาะถิ่นหลายองค์กรในกลุ่มออเรียนทัลออโธดอกซ์ ได้แก่ คอปติก เอธิโอเปีย เอริเทรีย มารานคาราซีเรีย ซีริอัค และอาร์เมเนียอพอสโตริค

ในปี ค.ศ. 1054 กลุ่มออโธดอกซ์ตะวันออกแยกออกจากโรมันคาธอลิก ทุกวันนี้มีองค์กรคริสตจักรเฉพาะถิ่นทั้งหมดสิบห้าองค์กรที่อยู่ในกลุ่มออโธดอกซ์ตะวันออกซึ่งประกอบไปด้วย คริสตจักรออโธดอกซ์รัสเซีย คริสตจักรออโธดอกซ์เซอเบียน และคริสตจักรแห่งไซปรัส

นอกเหนือจากกลุ่มใหญ่ ๆ ที่แบ่งแยก ก็ยังมีกลุ่มอื่น ๆ ของคริสตจักรที่แยกออกจากคริสตจักรของโรมันในช่วงศตวรรษเหล่านั้น

กลุ่มปฏิรูปโปรเตสแตนท์เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1500 ที่มีคริสตจักรจำนวนมากแยกออกจากโรมันคาธอลิกเพราะพวกเขาเชื่อว่าคริสตจักรโรมันไม่ได้เทศนาข่าวประเสริฐอย่างชัดเจนอีกต่อไป มีประเด็นอื่น ๆ อีกมากมายรวมถึงประเด็นทางการเมือง แต่หลักคำสอนนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่สุด

มีสังกัดนิกายจำนวนมากถูกก่อตั้งขึ้นจากกลุ่มปฏิรูป คริสตจักรแห่งอังกฤษประกอบไปด้วยคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศอังกฤษ เมื่อพวกเขาก่อตั้งคริสตจักรต่าง ๆ ในประเทศอื่น ๆ พวกเขาถูกเรียกว่าเป็นคริสตจักรเอพิสโคปอล

คริสตจักรเพรสไบทีเรียนมาจากอิทธิพลของพวกนักปฏิรูปเช่น จอห์น คาลวิน ในสวิซเซอร์แลนด์ จอห์น น็อค ในสก๊อตแลนด์ และคนอื่น ๆ มีสังกัดนิกายของเพรสไบทีเรียนอย่างหลากหลายในปัจจุบัน

คริสตจักรลูเธอแรนด์เริ่มต้นในประเทศเยอรมันจากพันธกิจของ มาร์ติน ลูเธอร์ มีคริสตจักรลูเธอแรนด์ในหลายประเทศอื่น ๆ ด้วย

กลุ่มอนาแบ๊พติสท์เชื่อว่ากลุ่มปฏิรูปไม่ได้รื้อฟื้นข่าวประเสริฐในพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์ พวกเขาเชื่อว่าการนมัสการควรปราศจากพิธีที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ และการบัพติศมานั้นมีไว้เพื่อการกลับใจมาเชื่อเท่านั้นและไม่ใช่สำหรับทารก จากกลุ่มนี้ทำให้มีสังกัดนิกายต่าง ๆ ของแบ็พติสท์เกิดขึ้นในหลายประเทศ

คริสตจักรเพ็นเทคอสเริ่มต้นจากการฟื้นฟูในลอสแองเจลลิสเมื่อปี 1906 สังกัดนิกายของเพ็นเทคอสและคาริสมาติคมีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก พวกเขามีหลักคำสอนที่หลากหลายอย่างมาก

ตอนนี้มีหลายพันสังกัดนิกายที่อ้างว่าเป็นคริสเตียน มีคริสตจักรอิสระหลายพันแห่งที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสังกัดนิกายใดเลย

สังกัดนิกายมักจะเริ่มต้นจากคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าความจริงสำคัญถูกปฏิเสธหรือถูกเพิกเฉยจากคริสตจักรที่พวกเขาอยู่ พวกเขาเริ่มต้นสังกัดนิกายใหม่ด้วยเจตนาที่จะทำให้หลักคำสอนถูกต้อง เวลาผ่านไปพวกเขาก็ยังคงพัฒนาหลักคำสอนของตนจนกระทั่งแตกต่างจากสังกัดนิกายอื่น ๆ พวกเขายังคงพัฒนาธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างเกี่ยวกับรูปแบบการนมัสการและรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตคริสเตียน

บางครั้งสังกัดนิกายต่าง ๆ เริ่มต้นด้วยการประกาศข่าวประเสริฐ ถ้ามีคนกลับใจมาเชื่อจำนวนมากในท้องถิ่นนั้นและไม่มีสังกัดนิกายใดที่จะเอาใจใส่ดูแลคนเหล่านั้น สังกัดนิกายใหม่ก็จะถูกตั้งขึ้น สังกัดนิกายอาจเริ่มต้นจากการงานขององค์กรมิชชันในประเทศใดเจาะจงก็ได้

สังกัดนิกายส่วนใหญ่ของคริสเตียนไม่ได้อ้างว่าเป็นคริสเตียนแท้เพียงกลุ่มเดียว ถ้ามีองค์กรใดที่อ้างว่าเป็นคริสตจักรทั้งหมดของพระเจ้า องค์กรนั้นก็ไม่สมควรได้รับความเชื่อถือ

► คุณรู้จักชื่อคริสตจักรและสังกัดนิกายที่แตกต่างกันมากแค่ไหน?

ผู้ไม่เชื่อคัดค้านคริสต์ศาสนาเพราะการแบ่งแยกและหลากหลาย ผู้ไม่เชื่อจำนวนมากคิดว่านิกายที่หลากหลายของศาสนาคริสต์ขัดแย้งกันเอง ผู้คนจำนวนมากในโลกนี้คิดว่าไม่มีลักษณะของความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่คริสเตียน

► พฤติกรรมอะไรที่ดูเหมือนปฏิเสธความเป็นหนึ่งเดียวกันในท่ามกลางคริสตจักร?

คริสตจักรต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะเน้นสิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคริสตจักรอื่น ๆ แม้สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นหลักคำสอนที่เป็นรากฐานของความเชื่อเลยก็ตาม บางครั้งคริสตจักรต่าง ๆ ด่วนกล่าวหาคริสตจักรอื่น ๆ ว่าหน้าซื่อใจคด ประนีประนอม หรือทำบาปอื่น ๆ โดยที่ไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริง บางคริสตจักรพูดว่าคริสตจักรอื่น ๆ ไม่ได้เป็นคริสเตียน แม้ว่าพวกเขาเชื่อในหลักคำสอนที่เป็นรากฐานของคริสเตียนก็ตาม

คริสตจักรต่าง ๆ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นหนึ่งเดียวกันในการทำให้พระมหาบัญชาสำเร็จ คริสตจักรต่าง ๆ ดูเหมือนกำลังแข่งขันเหมือนการทำธุรกิจ ผู้นำมากมายคิดว่าเป็นการเสียพลังงานและทรัพยากรหากพวกเขาช่วยเหลือพันธกิจที่ไม่ได้มีชื่อองค์กรของพวกเขา

เป็นไปได้ที่คริสเตียนทั้งหมดจะเห็นด้วยกันว่าคริสเตียนทั้งหมดควรเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่คนมากมายไม่รู้ว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันในรูปแบบใดที่จะเกิดขึ้น อย่างแรกเราจะพูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรสากล จากนั้นเราจะถูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรท้องถิ่น

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรสากล: ไม่ใช่สหภาพของสถาบัน

บางคนคิดว่าคริสตจักรทั้งหมดควรเข้าร่วมกันเป็นองค์กรเดียว พวกเขาคิดว่าการที่มีองค์กรจำนวนมากแยกกันดำเนินงานหมายความว่าคริสตจักรไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาแยกความแตกต่างไม่ออกระหว่างสาระสำคัญของคริสตจักรกับสถาบันของคริสตจักร ด้วยเหตุนี้ความเป็นหนึ่งเดียวกันสำหรับพวกเขาจึงหมายถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของสถาบัน

► คุณพูดอะไรกับคนที่คิดว่าองค์กรคริสเตียนทั้งหมดและคริสตจักรควรรวมเข้าเป็นองค์กรเดียวกัน?

สถาบันไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยปราศจากการตัดสินใจว่าความแตกต่างทางคำสอนของพวกเขาไม่ได้เป็นประเด็นหลัก การจะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้นั้น พวกเขาต้องเห็นด้วยกันเกี่ยวกับหลักคำสอนที่เป็นรากฐานและตัดสินใจว่าคำสอนอื่น ๆ จำนวนมากของพวกเขาไม่ได้สำคัญจนต้องทำให้พวกเขาแยกออกจากคนอื่น ๆ ที่ไม่เห็นด้วย

ความพยายามทั้งสิ้นเพื่อรวมคริสตจักรทั้งหมดเข้ามาเป็นองค์กรเดียวตั้งอยู่บนฐานความคิดที่ว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนคือความเป็นหนึ่งเดียวกันของสถาบัน พระเยซูเองไม่ได้เรียกร้องว่าสาวกทุกคนของพระองค์จะต้องอยู่ในองค์กรเดียวกันในช่วงเวลาที่พระองค์ทำพระราชกิจบนโลกนี้ ดังที่แสดงให้เห็นในเหตการณ์นี้...

ยอห์นทูลพระองค์ว่า “อาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นคนหนึ่งขับผีออกโดยพระนามของพระองค์ และข้าพระองค์ห้ามเขาเพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรา” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ต่อสู้ท่านก็อยู่ฝ่ายเดียวกับท่านแล้ว” (ลูกา 9:49-50)

ถ้อยคำของพระเยซูแสดงให้เห็นว่าคน ๆ หนึ่งสามารถที่จะ “ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรา” (ไม่ได้อยู่ในองค์กรของเรา) แต่ “อยู่ฝ่ายเรา” ได้ เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนที่ไม่ได้อยู่ในสถาบันเดียว

ตลอดหลายศตวรรษตั้งแต่การทำพระราชกิจของพระเยซูบนโลกนี้ มีองค์กรต่าง ๆ ที่อ้างตัวว่าเป็นคริสตจักรทั้งหมดโดยกล่าวว่าไม่มีองค์กรใดที่แยกออกไปแล้วจะเป็นคริสเตียน พระเยซูไม่ได้กล่าวว่ากลุ่มสาวกของพระองค์เป็นคริสตจักรทั้งหมดแม้ในขณะที่พระองค์อยู่ในฝ่ายกายภาพเพื่อนำกลุ่มนั้นก็ตาม

บางครั้งผู้คนใช้คำว่า คริสตจักรที่ตามองไม่เห็น คำว่า คริสตจักรที่ตามองไม่เห็น เป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงว่าไม่มีองค์กรใดที่มองเห็นจับต้องได้ซึ่งมีรายชื่อสมาชิกจะสามารถรองรับคริสเตียนทั้งหมดได้ องค์กรคริสเตียนยังมีสมาชิกซึ่งไม่ได้เป็นคริสเตียนที่แท้จริงอีกด้วย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถชี้ไปที่องค์กรใดองค์กรหนึ่งแล้วบอกว่านั่นเป็นคริสตจักรสากล

ถึงแม้ว่าคริสตจักรสากลไม่ได้เป็นองค์กรเดียว ความเป็นหนึ่งเดียวกันท่ามกลางคริสเตียนทั้งหมดก็ควรมองเห็นจับต้องได้ พระเยซูอธิษฐานว่าผู้เชื่อจะมีความเป็นหนึ่งเดียวกันและพระองค์ตรัสว่าผลที่ตามมาคือโลกนี้จะเชื่อในพระองค์ (ยอห์น 17:21) นั่นหมายความว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนต้องมองเห็นจับต้องได้ทั้งต่อคริสเตียนและต่อโลกนี้

► เมื่อคุณเจอคนที่พูดว่าเขาเป็นคริสเตียน คุณจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อจะสามารถแบ่งปันความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนกับเขาได้?

พื้นฐานความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียน

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรท้องถิ่นตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักคำสอนจากพระคัมภีร์ ประสบการณ์ในพระคุณ และชีวิตของพระวิญญาณ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนนอกเหนือจากคริสตจักรท้องถิ่นนั้นมีพื้นฐานอย่างเดียวกัน แต่มีรายละเอียดน้อยกว่า

อีกวิธีหนึ่งในการกล่าวถึงพื้นฐานความเป็นหนึ่งเดียวกันคือ ถ้าหากคนหนึ่งพิสูจน์ได้ว่าเขารอดแล้ว มีชีวิตฝ่ายวิญญาณ มีความเชื่อในความจริงพื้นฐานของคริสเตียน เช่นนั้นแล้วก็มีการสามัคคีธรรมของคริสเตียนได้ การสามัคคีธรรมดำเนินไปได้นานตราบเท่าที่คนนั้นใช้ชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเชื่อฟังพระคัมภีร์

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเห็นด้วยเกี่ยวกับทุกรายละเอียดของหลักคำสอน เป็นไปไม่ได้ที่คริสตจักรในทุกแห่งจะเห็นด้วยกันเกี่ยวกับรายละเอียดทุกอย่างของหลักคำสอน แม้แต่พวกอัครทูตเองก็ยังไม่เห็นด้วยกัน (กาลาเทีย 2:11-14)

กลุ่มต่าง ๆ ของผู้เชื่อศึกษาพระคัมภีร์และพูดคุยกันถึงสิ่งที่พวกเขาเชื่อ พยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่าถูกต้อง พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยกับหลักคำสอนของคริสเตียนบางกลุ่ม

มีหลักคำสอนบางอย่างที่เป็นรากฐาน เป็นหัวใจสำคัญของความเชื่อแบบ
คริสเตียน ถ้าคนใดไม่เชื่อหลักคำสอนเหล่านี้ เขาไม่สามารถเข้าใจและเชื่อข่าวประเสริฐได้

จากนั้นมีรายการที่ยาวกว่าของหลักคำสอนซึ่งคริสตจักรแห่งหนึ่งเชื่อ คริสตจักรส่วนใหญ่เข้าใจว่าไม่ใช่คริสเตียนทุกคนในทุกที่จะเห็นด้วยกับหลักคำสอนทั้งหมด แม้หลักคำสอนที่อธิบายความหมายไว้ในพระคัมภีร์ ก็ไม่ใช่ทุกคนเข้าใจพระคัมภีร์ในแบบเดียวกัน

► อะไรคือตัวอย่างของหลักคำสอนที่เป็นรากฐาน? อะไรคือหลักคำสอนอย่างอื่นที่ไม่ได้เป็นรากฐาน?

[1]หลักคำสอนที่เป็นรากฐานบางอย่างเกี่ยวข้องกับพระลักษณะที่เป็นธรรมชาติของพระเจ้า ความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ การที่พระคริสต์ทรงไถ่บาป และความรอดโดยพระคุณผ่านทางความเชื่อ

บางหลักคำสอนที่ไม่ได้เป็นรากฐานเช่น รูปแบบการนมัสการและรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตคริสเตียน การที่เราพยายามทำทุกอย่างให้เป็นไปตามหลักการพระคัมภีร์ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่เราต้องตระหนักว่าไม่ใช่คริสเตียนแท้ทุกคนจะเห็นด้วยกับรายละเอียดเหล่านี้


[1]

"ถ้าใจของท่านถูกต้องต่อข้าพเจ้า เหมือนใจข้าพเจ้าถูกต้องต่อท่านแล้ว ก็จงรักข้าพเจ้าด้วยความรักที่อ่อนโยน เหมือนกับเพื่อนที่สนิทยิ่งกว่าพี่น้อง เหมือนพี่น้องในพระคริสต์ เป็นพลเมืองเดียวกันในเยรูซาเล็มใหม่ เป็นเพื่อนทหารที่ร่วมสมรภูมิเดียวกัน ภายใต้ผู้นำคนเดียวกันในความรอดของเรา จงรักข้าพเจ้าเหมือนเพื่อนร่วมอาณาจักรด้วยความอดทนของพระเยซู และเป็นทายาทร่วมกันในพระสิริของพระองค์"
- John Wesley, "The Spirit of Unity"

เครื่องหมายของคริสตจักรที่แท้จริง

แนวคิดแบบโบราณเกี่ยวกับเครื่องหมายของคริสตจักรที่แท้จริงนั้นยึดถือโดยคริสตจักรโรมันคาธอลิกและกลุ่มพวกปฏิรูป คริสเตียนเชื่อมาหลายศตวรรษแล้วว่าเครื่องหมายสี่อย่างของคริสตจักรแท้จริงคือความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความบริสุทธิ์ ความเป็นสากล และการสืบเนื่องจากอัครทูต คำศัพท์เหล่านั้นได้ถูกกำหนดในรูปแบบที่แตกต่างกัน

มีคำนิยามเรียบง่ายบางตัวอย่างเช่น ความเป็นหนึ่งเดียวกันหมายถึงคริสตจักรซึ่งประกอบไปด้วยคริสเตียนแท้จริงทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องมีรายชื่ออย่างเป็นทางการ ความบริสุทธิ์หมายถึงคริสตจักรที่ยืนหยัดต่อต้านความบาปและเชื่อในความรอดจากบาป ความเป็นสากลหมายถึงคริสตจักรสามารถสัมพันธ์กันกับวัฒนธรรมในที่ใด ๆ แต่ก็ยังยึดมั่นในความจริงที่เป็นสาระสำคัญ การสืบเนื่องจากอัครทูตหมายความว่าคริสตจักรยึดมั่นความเชื่อดั้งเดิมที่สถาปนาโดยพวกอัครทูต

ข้อผิดพลาดของคริสตจักรที่แข่งขันกัน

บางครั้งคริสตจักรต่าง ๆ ในพื้นที่หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ทำให้ผู้คนสามารถเลือกได้ว่าพวกเขาจะไปเข้าร่วมกับคริสตจักรไหน ผู้คนในคริสตจักรอาจพยายามแสดงให้คนในชุมชนเห็นว่าคริสตจักรของพวกเขาดีกว่าคริสตจักรอื่น ๆ พวกเขาแข่งขันกับคริสตจักรอื่น ๆ พยายามทำให้คริสตจักรของตนดึงดูดมากกว่า พวกเขาคิดว่าคริสตจักรของตนประสบความสำเร็จเมื่อมีคนมาเข้าร่วมมากขึ้น

การแข่งขันระหว่างคริสตจักรต่าง ๆ เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสตจักร คนมากมายที่คิดว่าคริสตจักรเป็นเหมือนธุรกิจซึ่งควรดึงดูดลูกค้าเข้ามา หรือเป็นเหมือนการแสดงโชว์ที่ต้องดึงดูดผู้ชม นี่เป็นแนวคิดที่ผิดเกี่ยวกับคริสตจักร

คริสตจักรคือครอบครัวฝ่ายวิญญาณ สมาชิกของครอบครัวที่ดีพยายามดูแลเอาใจใส่กัน พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อจัดสรรสิ่งจำเป็นให้กับครอบครัว พวกเขาใช้เวลาด้วยกันเพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

คริสตจักรเป็นครอบครัวแห่งความเชื่อที่ขึ้นอยู่กับการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าและความสัมพันธ์ต่อกัน พวกเขาต้องการให้สมาชิกใหม่เข้ามาโดยการดึงดูดของข่าวประเสริฐและชีวิตที่เป็นครอบครัวในคริสตจักร คริสตจักรควรมุ่งเน้นที่การสื่อสารข่าวประเสริฐและสำแดงให้เห็นชีวิตของคริสตจักร จากนั้นพวกเขาจะดึงดูดคนที่เหมาะสม คนที่สนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนั้น

► ถ้าหากคริสตจักรแห่งหนึ่งพยายามแข่งขันกับคริสตจักรอื่น ๆ ในพื้นที่นั้น การแข่งขันนั้นจะเปลี่ยนแปลงคริสตจักรอย่างไรบ้าง?

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรท้องถิ่น

► ทำไมความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรท้องถิ่นจึงจำเป็นต้องเห็นด้วยกันด้านหลักคำสอนมากกว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรสากล?

คริสเตียนคนหนึ่งอาจยอมรับคำพยานของคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ยึดถือตามหลักคำสอนของเขา ตราบใดที่พวกเขายังคงยึดถือหลักคำสอนที่เป็นรากฐานของคริสเตียนและสำแดงชีวิตคริสเตียนอยู่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากคริสเตียนต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เขาเชื่อว่าถูกต้องในชีวิตส่วนตัวของเขา เขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในพันธกิจกับคริสเตียนทุกคนได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าศิษยาภิบาลคนหนึ่งเชื่อว่าพระคัมภีร์บอกให้เขาให้บัพติศมาแก่คนที่กลับใจมาเชื่อทันที เขาก็ไม่สามารถเป็นศิษยาภิบาลให้กับกลุ่มคนที่สอนว่าคนที่กลับใจมาเชื่อไม่ควรได้รับบัพติศมาทันที

อีกตัวอย่างหนึ่ง ถ้าคนหนึ่งเชื่อว่าของประทานการพูดภาษาแปลก ๆ ไม่ได้เป็นหลักฐานของการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะมีส่วนร่วมในพันธกิจกับคนที่เชื่อว่าคนที่ไม่พูดภาษาแปลก ๆ ก็ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันจะมีปัญหาเกิดขึ้นในการสามัคคีธรรมของพวกเขาเพราะพวกเขาจะไม่ยอมรับคำพยานของเขา มันจะมีปัญหาในการทำพันธกิจร่วมกันเพราะพวกเขาจะพยายามนำให้คนที่กลับใจมาเชื่อมีประสบการณ์ในการพูดภาษาแปลก ๆ

ถ้าหากคนหนึ่งทำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาเชื่อว่าผิดจากพระคัมภีร์ เขาก็ฝืนจิตสำนึกของตัวเอง เขาก็ตกอยู่ใต้การพิพากษาโทษจากพระเจ้าเพราะเขาเลือกทำสิ่งที่เขาเชื่อว่าพระคัมภีร์ห้ามไม่ให้ทำ

คริสเตียนคนหนึ่งอาจเชื่อว่าคนที่มีหลักคำสอนหลากหลายเป็นคริสเตียนแท้ แต่เขาต้องสามัคคีธรรมและทำพันธกิจกับกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับหลักคำสอนส่วนใหญ่นั้น นั่นหมายความว่าคริสตจักรท้องถิ่นต้องมีคำประกาศถึงหลักคำสอนที่นอกเหนือจากหลักคำสอนที่เป็นรากฐานของคริสตจักรสากล

► ทำไมการที่คน ๆ หนึ่งพยายามเห็นด้วยกับหลักคำสอนของทุกคริสตจักรจึงเป็นความผิดพลาด?

สรุป

คริสเตียนต้องรักษาสมดุลในการมีทัศนคติต่อผู้อื่น เขาต้องไม่พูดว่าคริสเตียนคนอื่นไม่ได้เป็นคริสเตียนแท้เพราะพวกเขามีรายละเอียดของหลักคำสอนที่แตกต่างจากตนเองทั้ง ๆ ที่ความแตกต่างนั้นไม่ใช่หลักคำสอนที่เป็นรากฐาน อย่างไรก็ตามเขาต้องมีการสามัคคีธรรมอย่างใกล้ชิดกับคริสตจักรท้องถิ่นที่ยึดถือหลักคำสอนร่วมกันซึ่งยอมให้พวกเขาสามัคคีธรรมและทำพันธกิจร่วมกัน

ประโยคสรุปเจ็ดประโยค

1. พระคัมภีร์มุ่งเน้นความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียน

2. คริสตจักรในยุคแรกเชื่อในความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรว่าเป็นหลักคำสอนที่เป็นสาระสำคัญ

3. คริสตจักรไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จในความเป็นหนึ่งเดียวกันได้โดยรวบรวมคริสเตียนทั้งหมดให้เข้ามาอยู่ในองค์กรเดียว

4. ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักคำสอนตามพระคัมภีร์ ประสบการณ์ในพระคุณ และชีวิตของพระวิญญาณ

5. คริสเตียนในทุกที่เห็นด้วยกันเกี่ยวกับหลักคำสอนที่เป็นรากฐานของคริสต์ศาสนา

6. คริสเตียนในหลายคริสตจักรจะไม่เห็นด้วยกันในรายละเอียดของหลักคำสอน

7. คริสตจักรท้องถิ่นแห่งหนึ่งต้องเห็นด้วยกันถึงคำประกาศของรายละเอียดของหลักคำสอนนั้น

งานมอบหมายบทที่ 2

1. ท่องจำประโยคสรุปเจ็ดประโยคของบทที่ 2 เขียนคำอธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละประโยคสรุปทั้งเจ็ดนี้โดยมีความยาวหนึ่งย่อหน้า (ทั้งหมดเจ็ดย่อหน้า) ให้กับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ นำคำอธิบายนี้กลับมาส่งให้กับหัวหน้าชั้นเรียนก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ขอให้เตรียมพร้อมแบ่งปันคำอธิบายหนึ่งย่อหน้าให้กับกลุ่มในกรณีที่หัวหน้าชั้นได้ขอให้คุณแบ่งปันในช่วงเวลาที่มีการอภิปรายกัน เขียนประโยคเหล่านี้จากการท่องจำตอนเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป

2. ในช่วงการเรียนวิชานี้ คุณจำเป็นต้องสอนบทเรียนหนึ่ง หรือส่วนหนึ่งของบทเรียนให้กับคน ๆ หนึ่งหรือให้กับกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียน คุณสามารถเลือกเนื้อหาที่จะสอนได้ คุณต้องทำทั้งหมดสามครั้งโดยใช้เนื้อหาที่แตกต่างกัน คุณจัดเวลาเพื่อสอนได้เองและรายงานให้กับหัวหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณสอนแล้ว

3. งานมอบหมายการสัมภาษณ์: พูดคุยกับสมาชิกของคริสตจักรที่แตกต่างกันสามคริสตจักรและถามพวกเขาว่ามีมุมมองต่อคริสตจักรอื่น ๆ อย่างไร พวกเขาคิดว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวกันอะไรบ้างในท่ามกลางคริสเตียนทั้งหมด? เขียนบทสนทนาของทั้งสามคนนี้มาคนละหนึ่งย่อหน้ากระดาษ

Next Lesson