บทนำ
จำเป็นจะต้องเตรียมเนื้อหาสำหรับบทเรียนนี้ บทเรียนนี้อภิปรายถึงความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรและสมาพันธ์ของคริสตจักร ถ้าหากนักศึกษามาจากคริสตจักรที่อยู่ในสมาพันธ์ใด หัวหน้าชั้นเรียนควรมีสำเนาข้อกำหนดต่าง ๆ ของสมาพันธ์นั้นเพื่อทบทวนในชั้นเรียน
Search through all lessons and sections in this course
Searching...
No results found
No matches for ""
Try different keywords or check your spelling
1 min read
by Stephen Gibson
จำเป็นจะต้องเตรียมเนื้อหาสำหรับบทเรียนนี้ บทเรียนนี้อภิปรายถึงความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรและสมาพันธ์ของคริสตจักร ถ้าหากนักศึกษามาจากคริสตจักรที่อยู่ในสมาพันธ์ใด หัวหน้าชั้นเรียนควรมีสำเนาข้อกำหนดต่าง ๆ ของสมาพันธ์นั้นเพื่อทบทวนในชั้นเรียน
► คุณอยู่ในสมาพันธ์คริสตจักรหรือสังกัดนิกายชื่อว่าอะไร?
เมื่อคริสเตียนคนหนึ่งพบกับคริสเตียนอื่น ๆ ที่มาจากต่างคริสตจักรกัน จะมีคำถามเกิดขึ้น พวกเขาถามว่าทำไมความเชื่อและการปฏิบัติของเขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ เขาสังเกตว่ามีความแตกต่างด้านหลักคำสอนระหว่างคริสตจักรที่แตกต่างชนิดกัน มีความแตกต่างอย่างมากในรูปแบบการนมัสการ
สมาชิกคริสตจักรอาจมองหาเอกลักษณ์ทางศาสนาที่กว้างกว่าคริสตจักรท้องถิ่นของเขา เขาอยากเห็นว่าคริสตจักรของเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหนึ่งของคริสตจักรต่าง ๆ ที่เชื่อในหลักคำสอนเดียวกัน ร่วมมือกัน และสามัคคีธรรมร่วมกัน เขาไม่อยากรู้สึกว่าคริสตจักรของเขาเองเป็นคริสตจักรเดียวในโลกที่มีความเชื่อกับการปฏิเสธพิเศษแตกต่างจากที่อื่น
► ให้นักศึกษาหนึ่งหรือสองคนอธิบายว่าพวกเขาได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการติดต่อสัมพันธ์กันกับคริสตจักรอื่น ๆ ที่เหมือนกับคริสตจักรของพวกเขา
ในบทที่หนึ่ง เราศึกษาข้อความต่อไปนี้
เพื่อความมั่นคงด้านหลักคำสอน คริสตจักรท้องถิ่นควรมีสามสิ่งต่อไปนี้
1. ความเชื่อมั่นว่าพระคัมภีร์เป็นสิทธิอำนาจสูงสุด
2. หลักคำสอนที่เป็นหัวใจสำคัญของคริสต์ศาสนาในประวัติศาสตร์
3. การสามัคคีธรรมในสมาพันธ์คริสตจักรที่มีศาสนาศาสตร์ที่ถูกต้อง
ในบทเรียนนี้เรากำลังพูดถึงสิ่งที่สามในสามสิ่งนี้
คำนิยามของสมาพันธ์คริสตจักร
สมาพันธ์คริสตจักรคือกลุ่มของคริสตจักรต่าง ๆ ที่มีผู้นำส่วนกลาง มีการร่วมในความเชื่ออย่างหนึ่ง อุทิศตัวร่วมกันทำให้เป้าหมายสำเร็จ และมีรูปแบบการสามัคคีธรรมร่วมกัน
สมาพันธ์หนึ่งสามารถ “อ่อนแอ” หรือ “เข้มแข็ง” ขึ้นอยู่กับจุดแข็งขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่ยึดสมาพันธ์เข้าไว้ด้วยกัน
ในสมาพันธ์ที่เป็นจุดอ่อน ผู้นำที่เป็นศูนย์กลางมีสิทธิอำนาจน้อยเหนือคริสตจักรท้องถิ่น ข้อกำหนดทางความเชื่ออาจสั้นมากและพื้นฐาน เป้าหมายร่วมกันอาจไม่ได้เรียกร้องการมีส่วนร่วมจากคริสตจักรต่าง ๆ และการสามัคคีธรรมอาจไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในท่ามกลางตัวแทนของคริสตจักรต่าง ๆ ในสมาพันธ์เหล่านั้น แต่ละคริสตจักรมีทรัพย์สินเป็นของคริสตจักรท้องถิ่นเอง และคริสตจักรท้องถิ่นสามารถเลือกที่จะออกจากสมาพันธ์เวลาใดก็ได้ คริสตจักรต่าง ๆ อาจออกจากสมาพันธ์ถ้าพวกเขารู้สึกว่าสมาพันธ์นั้นไม่ได้ตอบสนองความจำเป็นที่มีอยู่ของพวกเขาได้อีกต่อไป
สมาชิกของสมาพันธ์ที่อ่อนแอมักจะเน้นความเป็นอิสรถของคริสตจักรท้องถิ่น พวกเขาไม่ต้องการให้สมาพันธ์มาปกครองเหนือคริสตจักรท้องถิ่น ดังนั้นพวกเขาจึงระมัดระวังในการจำกัดสิทธิอำนาจของสมาพันธ์ ด้วยเหตุนี้การที่บอกว่าสมาพันธ์ใด “อ่อนแอ” ไม่ได้หมายความว่าสมาพันธ์นั้นล้มเหลวในการทำให้เป้าหมายสำเร็จ สมาชิกของสมาพันธ์ที่อ่อนแอต้องการให้สิทธิอำนาจของส่วนกลางอ่อนแอ มีการกระจายสิทธิอำนาจและถือครองโดยคริสตจักรท้องถิ่น
► คุณคิดว่าสมาพันธ์ที่ “อ่อนแอ” มีข้อดีอะไรบ้าง? แล้วมีข้อเสียอะไรบ้าง?
ในสมาพันธ์ที่เข้มแข็ง ผู้นำส่วนกลางมีสิทธิอำนาจเหนือผู้นำท้องถิ่น ข้อกำหนดด้านความเชื่อจะครอบคลุมหลายประเด็น คริสตจักรต่าง ๆ ถูกคาดหวังให้มีเป้าหมายร่วมกัน คริสตจักรต่าง ๆ ติดต่อสัมพันธ์กันบ่อยครั้ง ทรัพย์สินของคริสตจักรถือครองโดยสมาพันธ์ ดังนั้นแล้ว คริสตจักรหนึ่ง ๆ จึงไม่สามารถเลือกออกจากสมาพันธ์ได้
สมาชิกของสมาพันธ์ที่เข้มแข็งมักจะมองไปที่ผู้นำส่วนกลางเพื่อรับวิธีการแก้ไขปัญหาบางอย่าง พวกเขาเน้นการอุทิศตัวต่อสมาพันธ์ควบคู่กับการอุทิศตัวต่อคริสตจักรท้องถิ่น
มีสมาพันธ์คริสตจักรหลากหลายรูปแบบ สมาพันธ์หนึ่งอาจไม่มีคุณลักษณะทั้งหมดของสมาพันธ์ที่เข้มแข็งหรืออ่อนแอ แต่สามารถกำหนดได้ว่าอยู่ในกลุ่มที่อ่อนแอหรือเข้มแข็งโดยขึ้นอยู่กับคุณลักษณะต่าง ๆ ที่พวกเขามี สมาพันธ์ที่เข้มแข็งมักจะเรียกว่าเป็น “สังกัดนิกาย”
► คุณคิดว่าข้อดีของสมาพันธ์ที่ “เข้มแข็ง” คืออะไร? และอะไรคือข้อเสีย?
► คุณรู้จักสมาพันธ์คริสตจักรใดบ้าง? คุณจะอธิบายถึงสมาพันธ์นั้นอย่างไร?
สมาพันธ์คริสตจักรที่เข้มแข็งอาจถูกเรียกว่าเป็นสังกัดนิกาย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสมาพันธ์นั้นจะมีคุณลักษณะครบทุกอย่างของการเป็นสมาพันธ์ที่เข้มแข็ง แต่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นสมาพันธ์ที่เข้มแข็งมากกว่าเป็นสมาพันธ์ที่อ่อนแอ
[1]สังกัดนิกายที่ดีอยู่เพื่อรับใช้คริสตจักรท้องถิ่น สังกัดนิกายช่วยเหลือคริสตจักรต่าง ๆ ให้บรรลุผลสำเร็จร่วมกันซึ่งคริสตจักรท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
1. ให้ความรู้สึกถึงเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคริสตจักรในรูปแบบอื่น ๆ สมาชิกคริสตจักรท้องถิ่นรู้ว่าพวกเขาแตกต่างจากคริสตจักรอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาได้รับการสนับสนุนให้รู้ว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคริสตจักรที่ยึดมั่นในหลักคำสอนร่วมกัน
2. สถาปนาหลักคำสอน คริสตจักรท้องถิ่นไม่ควรเป็นอิสระในการเปลี่ยนหรือสร้างหลักคำสอนของตนเองโดยไม่ฟังคนอื่น ๆ สังกัดนิกายควรยึดถือหลักคำสอนตามประวัติศาสตร์และที่เป็นหัวใจสำคัญของคริสต์ศาสนา แต่ก็ยังคงมีหลักคำสอนที่เป็นรายละเอียดตามที่พวกเขาเชื่อซึ่งถูกต้องตามพระคัมภีร์ด้วย
3. ตั้งข้อกำหนดที่เป็นคุณสมบัติของศิษยาภิบาลและสมาชิกคริสตจักร สังกัดนิกายควรตั้งมาตรฐานเพื่อศิษยาภิบาลและสมาชิกของคริสตจักรจะได้วางแบบอย่างคริสเตียนที่สอดคล้องกัน คุณสมบัติควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณสมบัติใน 1 ทิโมธี 3 และ ทิตัส 1 แต่จำเป็นต้องระบุให้ชัดเจนและเหมาะสมสำหรับแต่ละวัฒนธรรม
4. จัดเตรียมระบบการบริหารคริสตจักร สังกัดนิกายควรจัดเตรียมระบบให้กับคริสตจักรท้องถิ่น เพื่อแต่งตั้งคนในตำแหน่งต่าง ๆ ของคริสตจักรและเพื่อจะรักษาการรับผิดชอบต่อกัน
5. จัดเตรียมการฝึกอบรมสำหรับศิษยาภิบาล คริสตจักรจำนวนมากไม่มีแหล่งทรัพยากรและบทเรียนต่าง ๆ เพื่อฝึกอบรมศิษยาภิบาลในอนาคต สังกัดนิกายควรพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมที่เข้าถึงได้ง่ายและนำมาปฏิบัติได้จริง
6. แนะนำศิษยาภิบาลให้กับคริสตจักรต่าง ๆ ศิษยาภิบาลที่ไม่มีคริสตจักรและคริสตจักรที่ขาดศิษยาภิบาลสามารถได้รับการช่วยเหลือโดยผู้นำของสังกัดนิกาย ผู้นำที่ดีของสังกัดนิกายจะเคารพนับถือผู้นำคริสตจักรท้องถิ่นที่สัตย์ซื่อในทุกการตัดสินใจ
[2]7. ให้คำแนะนำเมื่อคริสตจักรท้องถิ่นต้องเผชิญกับวิกฤติ ถ้าหากคริสตจักรท้องถิ่นแตกแยกกันในเรื่องใดหรือขาดผู้นำที่เชื่อถือได้ ผู้นำสังกัดนิกายควรให้ความช่วยเหลือ
8. ประสานงานและสนับสนุนมิชชันและความพยายามในการก่อตั้งคริสตจักร กลุ่มคริสตจักรควรร่วมนิมิตเพื่องานมิชชัน พวกเขารวมทรัพยากรเข้าด้วยกันและสนับสนุนผู้คนให้ทำงานมิชชันสำเร็จตามเป้าหมาย
9. จัดการสามัคคีธรรมในระดับที่ใหญ่กว่าคริสตจักรท้องถิ่น สมาชิกได้รับการสนับสนุนให้ใช้เวลาร่วมกันกับสมาชิกจากคริสตจักรอื่น ๆ ที่อยู่ในสังกัดนิกาย
10. จัดกิจกรรมที่นำให้คริสตจักรต่าง ๆ มารวมตัวกัน สังกัดนิกายควรตั้งระเบียบแบบแผนและจัดการประชุมใหญ่เพื่อช่วยให้คริสตจักรต่าง ๆ มีการสามัคคีธรรมกันและตั้งเป้าหมายร่วมกัน
11. ส่งผู้นำไปยังคริสตจักรต่าง ๆ เพื่อให้คำปรึกษาและหนุนใจ ควรมีใครบางคนจากกลุ่มผู้นำในสังกัดไปเยี่ยมทุกคริสตจักรอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และถ้าเยี่ยมได้บ่อยกว่านั้นก็จะดีมากกว่า
12. ให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาความยั่งยืนทางการเงินของพันธกิจในท้องถิ่น สังกัดนิกายควรเน้นศักยภาพของคริสตจักรท้องถิ่นและนำพวกเขาให้เติบโตทางด้านการเงิน
ถ้าหากสังกัดนิกายตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม สังกัดนิกายนั้นก็เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการทำให้วัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของคริสตจักรบรรลุผลสำเร็จได้ เป็นไปไม่ได้สำหรับคริสตจักรท้องถิ่นส่วนใหญ่ที่จะทำให้ความรับผิดชอบทั้งหมดข้างต้นสำเร็จได้ตามลำพัง ผู้นำสังกัดนิกายต้องระลึกว่าสังกัดนิกายอยู่เพื่อสนับสนุนคริสตจักรท้องถิ่น
► เวลานี้เราเห็นสิ่งที่สังกัดนิกายสามารถทำได้เพื่อคริสตจักรของพวกเขา ให้เราพิจารณาคำถามนี้ว่า คริสตจักรแห่งหนึ่งจะได้รับผลประโยชน์จากสมาพันธ์ที่อ่อนแอได้อย่างไรในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับพวกเขา?
► คริสตจักรแห่งหนึ่งสามารถได้รับผลประโยชน์จากสมาพันธ์ที่เข้มแข็งได้อย่างไรในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับพวกเขา?
“ศาสนจักรมีอำนาจในการกำหนดกฎเกณฑ์หรือพิธีกรรมต่าง ๆ และมีสิทธิอำนาจในการโต้แย้งเรื่องความเชื่อ แต่การที่ศาสนจักรบัญญัติสิ่งใดที่ขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้าที่ถูกเขียนไว้ก็ไม่ถูกต้อง...”
- บทความทางศาสนาของคริสตจักรแห่งอังกฤษ
“การประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลกเป็นมิชชันของศานาคริสต์อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่การทำให้มิชชันนี้สำเร็จได้จำเป็นต้องมีคริสตจักร เพราะตัวแทนที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จได้ไม่สามารถเป็นใครอื่นได้อีก”
- John Miley Systematic Theology
รายการต่อไปนี้ไม่ได้เหมือนกันทุกอย่างสำหรับทุกสังกัดนิกาย แต่เป็นคำอธิบายทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งที่สังกัดนิกายประสงค์จากคริสตจักรต่าง ๆ ของพวกเขา
คริสตจักรท้องถิ่นอุทิศตัวเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
1. ยอมรับคำประกาศหลักคำสอนของสังกัดนิกายนั้น สอนหลักคำสอนนั้น และไม่ยอมให้มีการสอนหลักคำสอนที่ขัดแย้งกันในคริสตจักร
2. สอนและเรียกร้องให้สมาชิกดำเนินชีวิตคริสเตียนที่สอดคล้องกับคำสอนนั้น
3. มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และการประชุมต่าง ๆ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายมากตามกำลังของพวกเขา
4. รายงานประจำปีเกี่ยวกับจำนวนที่เป็นความจริงของผู้มาเข้าร่วมนมัสการ คนที่กลับใจมาเชื่อ เจ้าหน้าที่ และรายได้
5. รักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันร่วมกับคริสตจักรอื่น ๆ ในสังกัดนิกายเดียวกัน และเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้นำต่าง ๆ จัดการแก้ไขความขัดแย้งด้วยวิธีการตามพระคัมภีร์
6. ไม่มีส่วนร่วมกับองค์กรอื่นใดที่เรียกร้องให้อุทิศตัวอย่างเดียวกัน
ถ้าหากนักศึกษามาจากคริสตจักรที่อยู่ในสมาพันธ์หนึ่ง ขอให้ใช้เวลาสองสามนาทีเพื่อพิจารณาข้อกำหนดของสมาพันธ์นั้น
► สมาพันธ์คริสตจักรของคุณเริ่มต้นโดยองค์กรมิชชันระหว่างประเทศไหม? ถ้าใช่ ขอให้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรต่าง ๆ กับองค์กรมิชชันนั้น
บางครั้งคริสตจักรต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับองค์กรมิชชันระหว่างประเทศ มิชชันเริ่มต้นคริสตจักร หรือคริสตจักรที่ตั้งอยู่อาจร่วมกันกับมิชชัน คริสตจักรต้องเชื่อมต่อกับรูปแบบมิชชันเพื่อจัดตั้งสมาพันธ์หนึ่ง
ในช่วงเริ่มต้น มิชชันนารีต่างชาติอาจใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นและเป็นผู้นำสมาพันธ์ เวลาผ่านไป ผู้นำสร้างศิษยาภิบาลในประเทศนั้น มิชชันควรมีเป้าหมายในการสร้างผู้นำเพื่อมิชชันนารีต่างชาติจะไม่ต้องนำสมาพันธ์คริสตจักรเองต่อไป
เมื่อผู้นำสมาพันธ์ในประเทศได้รับการสร้างขึ้นมา จะมีสามระดับในองค์กรคือ ผู้นำมิชชัน ผู้นำสมาพันธ์ และศิษยาภิบาลคริสตจักรท้องถิ่น ผู้นำสมาพันธ์ทำงานโดยตรงกับศิษยาภิบาล ผู้นำมิชชันทำงานส่วนใหญ่ร่วมกับผู้นำสมาพันธ์
บางมิชชันจัดสรรผู้นำส่วนกลางที่เข้มแข็งซึ่งสร้างสมาพันธ์คริสตจักรที่เข้มแข็ง บางมิชชันจัดสรรความช่วยเหลือให้กับสมาพันธ์คริสตจักรที่อ่อนแอและไม่ได้อ้างสิทธิอำนาจใด ๆ เหนือคริสตจักรเหล่านั้น
ถ้าหากความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทั้งสามระดับไม่ได้รับการอธิบายให้ชัดเจน อาจเกิดความเข้าใจผิดได้ บางครั้งคนจากคริสตจักรไปประสานงานกับผู้นำมิชชันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขาดแคลนแทนที่จะประสานงานกับผู้นำสมาพันธ์ เพราะพวกเขาคิดว่ามิชชันจะให้ทรัพยากรได้มากกว่า บางครั้งผู้นำมิชชันทำงานโดยตรงกับคริสตจักรต่าง ๆ ข้ามหน้าผู้นำสมาพันธ์ สิ่งนี้ทำให้ผู้นำสมาพันธ์สับสนเพราะบทบาทของพวกเขาไม่ชัดเจน
ในตอนก่อนหน้านี้ เราเห็นรายการความรับผิดชอบของสังกัดนิกาย ในสมาพันธ์คริสตจักรเริ่มต้นโดยมิชชัน ความรับผิดชอบสำเร็จได้โดยการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำสมาพันธ์กับผู้นำมิชชัน เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผู้นำสมาพันธ์ควรเต็มใจรับความรับผิดชอบมากขึ้น สภาพในอุดมคติของสมาพันธ์ที่เติบโตคือการที่สมาพันธ์นั้นสามารถทำหน้าที่ได้ดีแม้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมิชชันก็ตาม
1. สมาพันธ์คริสตจักรช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับคริสตจักรท้องถิ่น
2. สมาพันธ์สามารถถูกเรียกว่า “อ่อนแอ” หรือ “เข้มแข็ง” ได้ขึ้นอยู่กับความสำคัญของผู้นำส่วนกลาง
3. สมาชิกของสมาพันธ์ที่ “อ่อนแอ” เน้นความเป็นอิสระของคริสตจักรท้องถิ่น
4. สมาชิกของสมาพันธ์ที่ “เข้มแข็ง” เน้นการอุทิศตัวต่อสมาพันธ์ควบคู่กับการอุทิศตัวต่อคริสตจักรท้องถิ่น
5. คริสตจักรแห่งหนึ่งไม่สามารถอยู่ในสังกัดนิกายหนึ่งและอยู่ในอีกสังกัดนิกายที่เรียกร้องให้มีการอุทิศตัวอย่างเต็มที่ได้
6. สังกัดนิกายอยู่เพื่อช่วยคริสตจักรให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยผ่านการร่วมมือกัน
7. มิชชันระหว่างประเทศควรเต็มใจมอบความรับผิดชอบให้กับผู้นำสมาพันธ์
1. ท่องจำประโยคสรุปเจ็ดประโยคของบทที่ 4 เขียนคำอธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละประโยคสรุปทั้งเจ็ดนี้โดยมีความยาวหนึ่งย่อหน้า (ทั้งหมดเจ็ดย่อหน้า) ให้กับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ นำคำอธิบายนี้กลับมาส่งให้กับหัวหน้าชั้นเรียนก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ขอให้เตรียมพร้อมแบ่งปันคำอธิบายหนึ่งย่อหน้าให้กับกลุ่มในกรณีที่หัวหน้าชั้นได้ขอให้คุณแบ่งปันในช่วงเวลาที่มีการอภิปรายกัน เขียนประโยคเหล่านี้จากการท่องจำตอนเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป
2. อย่าลืมกำหนดเวลาเพื่อสอนนอกชั้นเรียนด้วยตัวของคุณเองและรายงานให้กับหัวหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณสอนแล้ว
3. การทดสอบ: ในช่วงเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป คุณจะต้องเขียนจากการท่องจำเกี่ยวกับความรับผิดชอบของสังกัดนิกายอย่างน้อยสิบข้อ และเขียนการอุทิศตนของคริสตจักรท้องถิ่นต่อสังกัดนิกายอย่างน้อยห้าข้อ
SGC exists to equip rising Christian leaders around the world by providing free, high-quality theological resources. We gladly grant permission for you to print and distribute our courses under these simple guidelines:
All materials remain the copyrighted property of Shepherds Global Classroom. We simply ask that you honor the integrity of the content and mission.
Questions? Reach out to us anytime at info@shepherdsglobal.org
Total
$21.99By submitting your contact info, you agree to receive occasional email updates about this ministry.
Download audio files for offline listening
No audio files are available for this course yet.
Check back soon or visit our audio courses page.
Share this free course with others