เราควรระลึกว่าเป้าหมายของวินัยในคริสตจักรคือเพื่อนำสมาชิกกลับคืนสู่ความรอดและการสามัคคีธรรม คริสตจักรไม่จำเป็นต้องแน่ใจว่าสมาชิกที่ทำบาปได้รับโทษเพียงพอ เมื่อสมาชิกยอมรับว่าทำบาปและกลับใจใหม่ คริสตจักรควรนำเข้าสู่กระบวนการนำกลับคืนมา
ในกรณีของความบาปบางอย่าง ถ้าหากสมาชิกยอมรับความผิดทันทีและแก้ไขพฤติกรรม เขาก็ยังสามารถมีส่วนร่วมในคริสตจักรได้ ความบาปที่ร้ายแรงมากกว่าถูกเขียนไว้ใน 1 โครินธ์ 6:9-10 รวมถึงบาปทางเพศ ขโมย และการเมามาย สมาชิกที่ทำหนึ่งในบาปเหล่านี้ควรถูกถอดถอนจากการเป็นสมาชิกและจากตำแหน่งใด ๆ ในการเป็นผู้นำ
กระบวนการนำกลับคืนมาเริ่มต้นเมื่อสมาชิกกลับใจจากบาป หากเป็นความบาปที่ร้ายแรงมากกว่า เขาก็ไม่สามารถถูกนำกลับคืนสู่การเป็นผู้นำหรือการมีส่วนร่วมในฐานะสมาชิกได้อย่างทันที บางครั้งจำเป็นต้องให้มีการกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์
(1) การสารภาพ
สมาชิกคนนั้นต้องยอมรับความผิดของตนต่อคนที่ได้รับผลเสีย คนที่ร่วมในการทำผิดกับเขา และคนที่มีสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณเหนือเขา
(2) การแยกออกจากกัน
ความสัมพันธ์ที่ผิดต้องสิ้นสุดลง ความสัมพันธ์ที่มีอิทธิพลที่ผิดควรสิ้นสุดลง สิ่งใดที่ถูกใช้เพื่อทำบาปเท่านั้นต้องทิ้งไป เป็นไปได้ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เคยใช้ในทางที่ผิดเพื่อทำบาปจำเป็นจะต้องทิ้งไปด้วย สมาชิกควรแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการหันกลับไปสู่ความบาปอีก
(3) การตรวจสอบชีวิต
นี่คือสิ่งหนึ่งที่ต้องใช้เวลา สมาชิกควรยอมให้ผู้มีสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณของเขาตรวจสอบชีวิตเป็นประจำ ซึ่งอาจเป็น
ศิษยาภิบาลหรือคณะมัคนายก เขาควรรายงานถึงชัยชนะเหนือการลองใจ เขาควรแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจเพื่อปกป้องตัวเองจากการล้มลงในการลองใจ
การตรวจสอบชีวิตควรรักษาความถี่ในการติดต่อกับผู้ให้คำปรึกษาฝ่ายวิญญาณที่ผู้มีสิทธิอำนาจเห็นชอบ ผู้ให้คำปรึกษาจะพูดคุยกับสมาชิกคนนั้นบ่อยครั้ง เป็นไปได้ทุกวันในช่วงระยะหนึ่ง ผู้ให้คำปรึกษาควรเป็นเพศเดียวกันกับคนที่ได้รับคำปรึกษา
ระยะเวลาในการตรวจสอบชีวิตต่อเนื่องไปหลายเดือน ในกรณีที่เป็นบาปทางศีลธรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับคนอื่น โดยเฉพาะหากบาปนั้นดำเนินมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว ระยะเวลาในการตรวจสอบชีวิตต้องนานกว่า ในช่วงระยะเวลานี้ สมาชิกคนนั้นไม่ควรได้รับอนุญาตให้นำหรือสอนไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม เขาควรได้รับอนุญาตให้รับมหาสนิทถ้าหากเขาแสดงออกให้เห็นถึงการกลับใจอย่างแท้จริง
เหตุผลสำหรับระยะเวลานั้นไม่ได้หมายความว่าสมาชิกคนนั้นไม่ได้เป็นคริสเตียน ถ้าหากเขากลับใจใหม่ เขาได้รับการยกโทษและรับความรอดแล้ว ช่วงระยะเวลานั้นเพื่อเขาจะสามารถได้รับการรักษาเยียวยาจากผลกระทบของความบาปที่เขาทำ ได้รับการสร้างวินัยฝ่ายวิญญาณให้เข้มแข็ง และแสดงให้เห็นถึงชีวิตคริสเตียนที่เสมอต้นเสมอปลาย
พระคัมภีร์บอกเราว่าคน ๆ หนึ่งไม่ควรเป็นผู้นำเว้นแต่เขาจะมีชื่อเสียงดีต่อคนนอกคริสตจักร (1 ทิโมธี 3:7, 10) ถ้าหากคนหนึ่งพึ่งกลับใจจากชีวิตที่ทำบาปอย่างเปิดเผย โลกต้องเห็นชีวิตของเขาในฐานะคริสเตียนสักระยะหนึ่งก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นผู้นำได้ ไม่เช่นนั้นก็จะดูเหมือนว่าคริสตจักรแต่งตั้งคนบาปให้เป็นผู้นำ หลักการอย่างเดียวกันนำมาใช้กับคนที่กำลังได้รับการนำกลับคืนมาหลังจากที่ล้มลงในความบาปด้วย
(4) การยืนยัน
นี่คือการนำกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ เวลานี้สมาชิกคนนั้นมีความมั่นใจในคริสตจักรและสามารถมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งได้ในทุกบทบาทที่คริสตจักรมอบหมายให้เขา การจะได้รับตำแหน่งสูงฐานะผู้นำอาจยังต้องใช้เวลานานกว่าโดยเฉพาะตำแหน่งศิษยาภิบาล
► อธิบายถึงระยะเวลาในการตรวจสอบชีวิตว่าใช้ได้ผลอย่างไรและอะไรคือวัตถุประสงค์?
Previous
Next