หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
Audio Course Purchase

Search Course

Type at least 3 characters to search

Search through all lessons and sections in this course

Searching...

No results found

No matches for ""

Try different keywords or check your spelling

results found

Lesson 11: พิธีมหาสนิท

1 min read

by Stephen Gibson


บทนำ

หัวหน้าชั้นเรียนหรือนักศึกษาที่ถูกเลือกควรเล่าเรื่องการช่วยกู้อิสราเอลจากอียิปต์แบบย่อ ๆ ให้นักศึกษาหลายคนแจกแจงรายละเอียด ในอพยพ 11-12 เล่าถึงปัสกาครั้งแรก

ที่มาของพิธีมหาสนิท

ปัสกาเป็นเทศกาลของคนยิวเพื่อฉลองค่ำคืนที่ชนอิสราเอลออกจากอียิปต์ การเฉลิมฉลองไม่ได้เพียงเกี่ยวกับการช่วยกู้จากอียิปต์เท่านั้น แต่เป็นการฉลองถึงพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขาเมื่อพระองค์ฆ่าชาวอียิปต์แต่ผ่านบ้านของคนอิสราเอลไป (อพยพ 12:27) ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์นี้จึงเป็นเครื่องหมายของพระเมตตาของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์

หลังจากการช่วยกู้จากอียิปต์ ชนอิสราเอลมีเทศกาลปัสกาทุกปี ในเวลานั้นพระเจ้าให้พิธีต่าง ๆ แก่พวกเขาซึ่งรวมถึงอาหารพิเศษและพิธีที่ใช้เลือด

เหตุการณ์นี้เป็นแบบจำลองของความรอด แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ได้รับการช่วยกู้ในวันนั้นได้รับการยกโทษความบาปทั้งหมดของพวกเขาและมีความสัมพันธ์ถูกต้องกับพระเจ้า อย่างไรก็ตามพวกเขาได้รับการช่วยกู้จากการเป็นทาส พวกเขาได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า และเลือดเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดของพระเจ้า รายละเอียดเหล่านั้นทำให้เหตุการณ์นี้เป็นภาพอธิบายถึงความรอดที่มาทางพระคริสต์ ชนอิสราเอลส่วนใหญ่ฉลองเทศกาลปัสกาโดยไม่ได้ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงทั้งหมด

ในปัสกาครั้งสุดท้ายที่พระเยซูรับร่วมกันกับพวกสาวก พระองค์อธิบายความหมายของปัสกา พระองค์ตั้งพิธีหนึ่งไว้เพื่อให้คริสตจักรปฏิบัติเมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงกระทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา” (ลูกา 22:15-20) คริสตจักรต่าง ๆ เรียกพิธีนี้ว่า “อาหารมื้อสุดท้ายขององค์พระผู้เป็นเจ้า” หรือ “มหาสนิท” หรือ “ศีลมหาสนิท” หรือ “มิซซา”

เปาโลเขียนว่าพิธีนี้ต้องได้รับการปฏิบัติเป็นประจำในคริสตจักรไปจนกว่าพระเยซูเสด็จมา (1 โครินธ์ 11:24-26) คริสตจักรมีเทศกาลพิเศษอื่น ๆ และการสามัคคีธรรมที่ไม่ควรมาปะปนกับพิธีมหาสนิท ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพระคัมภีร์บอกว่าผู้เชื่อในยุคแรก “หักขนมปังตามบ้าน” เราควรระลึกว่าคำว่า หักขนมปัง นั้นหมายถึงการกิน (กิจการ 2:46) พวกเขากำลังสามัคคีธรรมกันโดยการกินร่วมกันในบ้านหลายบ้าน คริสตจักรมี “เทศกาลแห่งความรัก” ด้วยซึ่งไม่ใช่พิธีมหาสนิท (ยูดา 12)

ความหมายของพิธีมหาสนิท

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน ยอห์น 6:47-58 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

พระเยซูทำให้ฝูงชนตกตะลึงเมื่อพระองค์ตรัสว่า พระองค์เป็นอาหารจากสวรรค์ และพวกเขาจำเป็นต้องกินเนื้อและดื่มเลือดของพระองค์

► พระเยซูหมายถึงอะไรในคำกล่าวเหล่านั้น?

พระเยซูตรัสว่าพระองค์มอบพระองค์เองเพื่อให้ชีวิตแก่โลกนี้ (ยอห์น 6:51) พระองค์กำลังพูดถึงการเป็นเครื่องบูชาของพระองค์เองเพื่อจัดเตรียมการลบบาป พระองค์เปรียบเทียบการเป็นเครื่องบูชาของพระองค์กับอาหารและเครื่องดื่ม เหมือนกับคนๆ หนึ่งที่ต้องการอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย เขาก็ต้องยอมรับเครื่องบูชาของพระคริสต์เพื่อมีชีวิตนิรันดร์

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน ลูกา 22:15-20 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

ในปัสกาครั้งสุดท้ายของพระเยซูที่รับร่วมกันกับพวกสาวก พระองค์ตรัสว่าขนมปังคือร่างกายของพระองค์ และเหล้าองุ่นคือเลือดของพระองค์ พระองค์จะมอบชีวิตของพระองค์เพื่อให้พวกเขาได้รับความรอด

ขนมปังและเหล้าองุ่น

► ทำไมพระเยซูใช้ขนมปังและเหล้าองุ่นสำหรับพิธีมหาสนิท?

มีหลายเหตุผลที่พระเยซูใช้ขนมปังและเหล้าองุ่นสำหรับพิธีมหาสนิท ส่วนใหญ่ขนมปังเป็นอาหารหลักของหลายพื้นที่ในโลกนี้ ขนมปังไม่ได้แทนถึงอาหารทั่วไปเท่านั้น แต่แทนถึงชีวิตเพราะอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต เหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มหลักในสมัยนั้น แทนที่จะเป็นน้ำ เหล้าองุ่นแทนถึงการเฉลิมฉลอง[1]

ในคริสตจักรสมัยใหม่บางแห่งใช้เหล้าองุ่นสำหรับพิธีมหาสนิทแม้ว่าพวกเขาไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นในเวลาอื่นเลยก็ตาม บางคริสตจักรใช้น้ำองุ่นเพราะพวกเขาอยากส่งเสริมการดื่มแอลกอฮอล์เลย น้ำองุ่นถูกเรียกว่าเป็นเหล้าองุ่นในพันธสัญญาใหม่ไม่ว่าจะดื่มตอนสด ๆ หรือในขั้นตอนใดของการหมักก็ตาม

บางคริสตจักรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่แตกต่างไปเลยสำหรับการกินและดื่มในพิธีมหาสนิท เราควรระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้อย่างอื่นสำหรับพิธีมหาสนิท กลุ่มมอร์มอนใช้ขนมปังกับน้ำธรรมดา แต่พวกเขาไม่เชื่อหลักคำสอนของคริสเตียนเรื่องการลบบาป

ในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก ขนมปังกับเหล้าองุ่นอาจไม่ใช่อาหารหลัก อาจเป็นอย่างอื่นที่เป็นอาหารหลักและเครื่องดื่มหลัก ในกรณีนั้น คริสตจักรอาจต้องพิจารณาอย่างจริงจังเพื่อใช้ทางเลือกอื่น


[1]Image: "The Lord's Supper" taken by Allison Estabrook on Oct. 14, 2022, retrieved from https://www.flickr.com/photos/sgc-library/52476662295/, licensed under CC BY 4.0.

ไม่ใช่ร่างกายและเลือดตามตัวอักษร

คริสตจักรโรมันคาธอลิกและคริสตจักรอีสเทิร์นออโธดอกซ์ เชื่อว่าขนมปังและเหล้าองุ่นกลายเป็นร่างกายและเลือดของพระเยซูตามตัวอักษร มีบางคริสตจักรที่เชื่อว่าร่างกายและเลือดของพระเยซูอยู่ในขนมปังและเหล้าองุ่นจริง ๆ คริสตจักรโปรเตสแตนท์ส่วนใหญ่เชื่อว่าขนมปังและเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงร่างกายและเลือดของพระคริสต์โดยไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในทางกายภาพ

เมื่อพระเยซูยื่นปัสกาให้กับพวกสาวก พระองค์ตรัสว่า “นี่คือกายของเรา...นี่คือโลหิตของเรา” พระเยซูยังอยู่ที่นั่นกับพวกเขาในทางกายภาพ ร่างกายและเลือดของพระองค์ยังไม่ได้ถูกถวายเป็นเครื่องบูชาเวลานั้น จึงชัดเจนว่าพระองค์หมายความว่าขนมปังและเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงร่างกายและเลือดของพระองค์ ไม่ใช่ร่างกายและเลือดตามตัวอักษร ขนมปังและเหล้าองุ่นที่ใช้ในพิธีมหาสนิทจึงควรเป็นการระลึกถึงอย่างเดียวกันนี้

ความรอดผ่านมาทางการเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวของพระเยซู การตายของพระองค์ไม่ได้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เนื่องจากพิธีมหาสนิทเป็นการกระทำที่เป็นการนมัสการและประกาศถึงความเชื่อในเหตุการณ์เดียวคือการตายของพระเยซู จึงไม่จำเป็นว่าขนมปังและเหล้าองุ่นจะต้องเป็นร่างกายและเลือดของพระองค์ตามตัวอักษร

เนื่องจากโรมันคาธอลิกเชื่อว่าคริสตจักรได้ควบคุมเหนือการแจกจ่ายร่างกายและเลือดของพระคริสต์ตามตัวอักษร ดั้งนั้นพวกเขาจำนวนมากจึงเชื่อว่าคริสตจักรควบคุมว่าใครที่จะรอดได้ พวกเขาคิดว่าคน ๆ หนึ่งไม่สามารถรอดได้ถ้าหากนักบวชปฏิเสธไม่ให้เขารับพิธีมหาสนิท คนหลายล้านคนคิดว่าคน ๆ หนึ่งรอดได้โดยการรับพิธีมหาสนิท

ทัศนะที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิธีมหาสนิทคือการกระทำเพื่อเป็นการนมัสการโดยเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงการตายของพระคริสต์เพื่อเรา ในระหว่างนั้นพระเจ้าประทานพระคุณเพื่อตอบสนองต่อความเชื่อของผู้ร่วมพิธี พิธีมหาสนิทมีไว้สำหรับคนที่ได้รับความรอดแล้ว และความรอดของพวกเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมในการรับมหาสนิทได้

► ทำไมเราจึงไม่ควรคิดว่าพระเยซูหมายความว่าขนมปังและเหล้าองุ่นเป็นร่างกายและเลือดของพระองค์ตามตัวอักษร?

► ทำไมการที่พิธีมหาสนิทเป็นพระกายของเลือดของพระคริสต์ตามตัวอักษรจึงไม่จำเป็นสำหรับความรอด?

วิถีแห่งพระคุณ

[1]พิธีมหาสนิทมักจะถูกเรียกว่าเป็นวิถีแห่งพระคุณ พระเจ้าได้ออกแบบให้พิธีนี้เป็นวิถีแห่งพระคุณเมื่อมีการรับด้วยความเชื่อในการลบบาปของพระคริสต์ คริสเตียนควรเชื่อฟังพระเจ้าด้วยการทำตามคำสั่งในพระคัมภีร์ คริสเตียนไม่ควรละเลยวิถีแห่งพระคุณนี้

ถ้าหากคนหนึ่งรับมหาสนิทโดยปราศจากความเชื่อในพระคริสต์ นั่นย่อมไม่ได้เป็นการนำพระคุณมาให้เขาโดยอัตโนมัติ

ถ้าหากใครรับมหาสนิทโดยไม่ได้เคารพยำเกรงต่อความหมายของพิธีนี้ เขาก็นำการลงโทษมาสู่ตัวเอง (1 โครินธ์ 11:27-29)

การกลับใจใหม่และความเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญต่อความรอด พิธีมหาสนิทไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญต่อความรอด พิธีมหาสนิทเป็นการกระทำที่แสดงถึงการเชื่อฟังและเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อ คริสเตียนไม่ควรหยุดเป็นคริสเตียนหากเขาไม่ได้เข้าร่วมพิธีมหาสนิท

► คริสเตียนจำเป็นต้องรับพิธีมหาสนิทไหม? อธิบายคำตอบของคุณ


[1]

“วิถีแห่งพระคุณคือช่องทางที่พระเจ้ากำหนดซึ่งส่งผ่านอิทธิพลที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มายังจิตวิญญาณของมนุษย์”
Wiley & Culbertson, Introduction to Christian Theology

วิธีร่วมพิธีมหาสนิทอย่างถูกต้อง

อัครทูตเปาโลแก้ไขวิธีการที่ผิดของชาวโครินธ์ในการร่วมพิธีมหาสนิท คำแนะนำของเขามีคุณค่าต่อเรา

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน 1 โครินธ์ 11:20-34 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง ชาวโครินธ์ทำสิ่งใดที่ผิด?

พวกเขานำอาหารมาและร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาแต่ละคนกินอาหารของตัวเองโดยไม่ได้แบ่งปันกัน พวกเขาไม่รอกันและต่างคนต่างเริ่ม บางคนกินมากไป และบางคนก็ยังหิว บางคนดื่มมากไปและเมามาย

► อะไรคือคำสั่งเจาจงที่เปาโลให้พวกเขา?

เปาโลบอกพวกเขาว่าไม่ให้ทำสิ่งนี้ให้กลายเป็นมื้ออาหาร คริสตจักรมีงานเลี้ยงและมื้อสามัคคีธรรมอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่พิธีมหาสนิท เปาโลบอกให้พวกเขารอกันและเริ่มต้นด้วยกัน

เปาโลทบทวนวิธีที่พระเยซูตั้งพิธีนี้ไว้สำหรับคริสตจักร พระเยซูหยิบขนมปัง จากนั้นจึงเป็นเหล้าองุ่น แล้วอธิบายความหมาย การรับมหาสนิทด้วยความเคารพยำเกรงและระลึกถึงความหมายของพิธีนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ร่วมพิธี

เปาโลกล่าวว่าคน ๆ หนึ่งควรตรวจสอบตัวเองเพื่อจะไม่ต้องรับพิธีมหาสนิทอย่าง “ไม่สมควร” บางคนแปลความหมายว่าเป็นการที่คน ๆ หนึ่งไม่ควรรับมหาสนิทจนกว่าจะมั่นใจว่าชีวิตของเขาเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าในทุกรายละเอียด พระคัมภีร์ตอนนี้ไม่ได้สอนแบบนั้น อัครทูตกำลังพูดถึงวิธีการรับมหาสนิท คนจะถูกลงโทษถ้าหากเขารับด้วยวิธีที่เป็นการดูหมิ่นและไม่ได้ใส่ใจต่อความหมาย

การที่สมาชิกในคริสตจักรอธิษฐานร่วมกันในช่วงพิธีมหาสนิทเป็นเรื่องดี ผู้คนที่แตกต่างกันสามารถถูกจัดวางให้นำอธิษฐานในช่วงที่แตกต่างกันของช่วงพิธี กลุ่มสามารถร้องเพลงร่วมกันในช่วงใดช่วงหนึ่งของพิธี พิธีควรจบลงอย่างสงบและมีระเบียบ ช่วงพิธีมหาสนิทไม่ใช่ช่วงที่จะเสียงดัง ชื่นชมยินดีตามธรรมชาติ แต่เป็นเวลาใคร่ครวญถึงการเป็นเครื่องบูชาของพระเยซูเพื่อประทานความรอดให้แก่เรา

ผู้รับมหาสนิทอย่างถูกต้อง

► ใครที่ควรได้รับอนุญาตให้รับมหาสนิท?

พระเยซูสอนเรื่องแนวทางการปฏิบัตินี้ให้กับพวกสาวกและบอกให้พวกเขาทำร่วมกัน ดังนั้นเราจึงรู้ว่าพิธีนี้มีไว้สำหรับคริสเตียน พิธีมหาสนิทไม่ควรถูกนำเสนอให้กับคนในศาสนาอื่น คนที่นมัสการพระอื่นก็กำลังนมัสการวิญญาณชั่ว เขาไม่สามารถนมัสการพระคริสต์ด้วยได้ (1 โครินธ์ 10:20-21)

ถ้าหากคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในบาปอย่างเปิดเผลและไม่ได้กลับใจใหม่ เขาก็ไม่ควรรับมหาสนิท การรับมหาสนิทคือการเป็นพยานว่าเรามีส่วนในการตายของพระคริสต์ คนที่ทำบาปอย่างจงใจก็ไม่ได้เป็นคำพยานนั้น

คนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในบาปอย่างเปิดเผยเช่น การผิดประเวณี การกราบไหว้รูปเคารพ หรือเมามาย ก็ไม่ใช่คริสเตียน (1 โครินธ์ 6:9-10) พระคัมภีร์บอกเราว่าเราไม่สามารถสามัคคีธรรมกับคนที่ทำบาปเหล่านี้และยังคงอ้างว่าตนเป็นคริสเตียน (1 โครินธ์ 5:11) ด้วยเหตุนี้ การให้เขาเข้าร่วมรับมหาสนิทจึงไม่ถูกต้อง

ถ้าหากสมาชิกคนหนึ่งทำบาปและปฏิเสธการแก้ไขตักเตือนของคริสตจักร ก็ถือว่าเขายังไม่ได้รับความรอด (มัทธิว 18:17) และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ควรรับมหาสนิท

พิธีมหาสนิทแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันแบบพิเศษของคริสเตียน คำว่า มหาสนิท บ่งบอกถึงความหมาย อัครทูตกล่าวว่าในพิธีมหาสนิท เราแสดงให้เห็นว่าเราเป็นกายเดียวกัน (1 โครินธ์ 10:16-17) ด้วยเหตุนี้คนที่รู้ชัดว่าเป็นคนบาปที่ไม่ใส่ใจ เขาก็ไม่สามารถร่วมในความเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นได้

ศิษยาภิบาลมีหน้าที่ทำพิธีมหาสนิทให้กับคริสเตียน แต่เขาไม่ได้รับผิดชอบในการตรวจสอบทุกรายละเอียดชีวิตของคนเหล่านั้น ถ้าหากมีคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองเป็นคริสเตียนและไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยในความบาป ศิษยาภิบาลสามารถยอมรับคำพยานของเขาได้

ทุกคนที่ได้รับความรอดแล้วอย่างแท้จริงก็รับการลบบาปที่มหาสนิทแทนถึงได้ ไม่ว่าเขาเป็นสมาชิกในคริสตจักรท้องถิ่นใดอย่างเจาะจงหรือไม่ก็ตาม ด้วยเหตุนี้การเป็นสมาชิกในคริสตจักรท้องถิ่นนั้นจึงไม่ใช่ข้อกำหนดสำหรับการรับมหาสนิท

การกลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริงคือคุณสมบัติสำหรับพิธีมหาสนิทและพิธีบัพติศมา เขาไม่ควรรอจนกว่าจะรับบัพติศมาแล้วจึงค่อยรับมหาสนิท ถ้าหากเขารับบัพติศมาด้วยความเต็มใจ

ถ้าหากที่ประชุมในคริสตจักรผสมผสานด้วยคริสเตียนหลายแบบรวมถึงถึงคนที่ยังไม่ได้รับความรอด รวมทั้งคนที่ยังใช้ชีวิตในความบาปอย่างเปิดเผย จึงไม่ควรทำพิธีมหาสนิทในช่วงเวลาแบบนั้นได้ ควรจัดเวลาต่างหากเพื่อให้คนเหล่านั้นที่สามารถรับได้ได้รับมหาสนิท

► อะไรคือเหตุผลที่ไม่ควรให้คนที่ทำบาปอย่างเปิดเผยรับมหาสนิท?

ความถี่ในการทำพิธีมหาสนิท

► พิธีมหาสนิทควรทำบ่อยแค่ไหน? เพราะอะไร?

บางคริสตจักรทำพิธีมหาสนิททุกสัปดาห์ บางคริสตจักรทำเดือนละครั้ง บางคริสตจักรปีละครั้ง บางคนไม่ค่อยทำและไม่มีกำหนดการ

พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราว่าต้องทำพิธีมหาสนิทบ่อยแค่ไหน

บางคนก่อนได้รับความรอด พวกเขาเชื่อในพิธีกรรมที่ทำให้ได้รับความรอด เมื่อพวกเขาได้รับความรอดและละทิ้งรูปแบบของศาสนา พวกเขาอาจรู้สึกอึดอัดกับพิธีกรรมทางศาสนาใด ๆ พวกเขาอาจคิดว่าพิธีมหาสนิทไม่ควรทำบ่อย

บางคนเชื่อในพิธีกรรมอย่างผิด ๆ พวกเขาต้องการให้มีพิธีมหาสนิทบ่อย ๆ เพราะช่วยให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับความรอด

เป็นสิ่งสำคัญสำหรับศิษยาภิบาลที่จะอธิบายถึงความหมายของพิธีมหาสนิท เขาควรช่วยให้คนของเขาเข้าใจวิธีใช้มหาสนิทเพื่อเป็นพระพรต่อความสัมพันธ์ของพวกเขากับพระเจ้าโดยไม่ได้วางใจในพิธีนี้แบบผิด ๆ

สิทธิอำนาจที่ถูกต้องสำหรับการประกอบพิธีมหาสนิท

► ใครมีสิทธิเป็นผู้ประกอบพิธีมหาสนิท?

พระคัมภีร์บอกเราว่าผู้เชื่อทุกคนเป็นปุโรหิต (วิวรณ์ 1:6, 1 เปโตร 2:5, 9) นั่นหมายความว่าเราสามารถนมัสการพระเจ้าได้โดยตรงและช่วยคนอื่นให้นมัสการพระองค์ได้ ไม่มีคนกลางบนโลกนี้ที่จำเป็นต่องการนำเราให้เข้าถึงพระเจ้า เพราะพระเยซูเป็นมหาปุโรหิตของเรา และพระองค์ได้ให้ทางเข้าแก่เราไว้แล้ว ( 1 ทิโมธี 2:5, ฮีบรู 4:14-16) โดยพระองค์เราจึงถวายการสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาตลอดไป (ฮีบรู 13:15)

เนื่องจากผู้เชื่อทุกคนเป็นปุโรหิต เราจึงสามารถให้เหตุผลว่าผู้เชื่อคนใดก็ตามสามารถประกอบพิธีมหาสนิทให้กับผู้เชื่อคนอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะเมื่อศิษยาภิบาลไม่สามารถประกอบพิธีเองได้ อย่างไรก็ตามมีเหตุผลอื่น ๆ ที่การประกอบพิธีมหาสนิทควรอยู่ภายใต้การดูแลของศิษยาภิบาล

พระคัมภีร์ไม่ได้ให้คำสั่งเจาะจงว่าศิษยาภิบาลผู้เดียวควรประกอบพิธีมหาสนิท อย่างไรก็ตามเปาโลให้คำสั่งพิเศษสำหรับการประกอบพิธีมหาสนิทอย่างมีระเบียบและด้วยความเคารพยำเกรง คำสั่งมีไว้สำหรับกลุ่ม และผู้นำมีความรับผิดชอบต้องนำกลุ่ม ปกติแล้วผู้คนในคริสตจักรคาดหวังให้ศิษยาภิบาลตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการประกอบพิธีมหาสนิทอย่างถูกต้อง และศิษยาภิบาลควรทำหน้าที่นั้น

► ขอให้ดูคำเตือนอีกครั้งใน 1 โครินธ์ 11:27-34

เปาโลพูดว่าคำแนะนำต่าง ๆ เหล่านั้นสำคัญเพราะเป็นการเคารพต่อร่างกายและเลือดของพระคริสต์ ถ้าหากคนใดไม่ใส่ใจเรื่องนี้เขาก็จะมีความผิด การพิพากษาด้วยความเจ็บป่วยและการตายได้มาถึงพวกเขาหลายคนเรียบร้อยแล้ว เปาโลกล่าวว่าพวกเขาควรใส่ใจในการตรวจสอบตัวเอง พวกเขาก็จะไม่ถูกพระเจ้าพิพากษา เปาโลกล่าวว่าเขามีคำแนะนำเพิ่มเติมในภายหลัง

เป็นสิ่งสำคัญที่จะร่วมรับมหาสนิทอย่างถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่มาจากการใช้ในทางที่ผิดเท่านั้น แต่เพื่อได้รับพระพรที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้เรา

เป็นการสมเหตุสมผลที่จะคิดว่าอัครทูตคาดหวังให้ผู้นำคริสตจักรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำแนะนำเหล่านี้ได้รับการปฏิบัติตาม สมาชิกในคริสตจักรต้องการให้ศิษยาภิบาลช่วยพวกเขาให้ร่วมรับมหาสนิทอย่างถูกต้องเพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญ

ศิษยาภิบาลมีความรับผิดชอบพิเศษเพราะมหาสนิทไม่ควรให้คนที่อยู่ในศาสนาอื่นหรืออยู่ในบาปเปิดเผยรับได้

ด้วยเหตุนี้ การประกอบพิธีมหาสนิทควรเป็นศิษยาภิบาลเองหรือบางคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของศิษยาภิบาล ศิษยาภิบาลสามารถขอให้คนอื่นช่วยเขาประกอบพิธีมหาสนิทได้ ศิษยาภิบาลอาจอนุญาตให้ใครบางคนประกอบพิธีมหาสนิทเมื่อเวลาที่ศิษยาภิบาลไม่ได้อยู่ที่นั่น

รูปแบบของพิธีมหาสนิท

ร่วมกัน: ควรมีวิธีเพื่อให้ผู้คนที่จะรับมหาสนิทรับร่วมกันได้ ถ้าหากพิธีนี้ประกอบในที่ประชุมนมัสการที่มีคนหลากหลาย ผู้นำต้องรู้ว่าใครบ้างที่ร่วมรับได้

พระคัมภีร์: ก่อนจะรับมหาสนิท ควรอ่านพระคัมภีร์ก่อน ควรกล่าวถึงพระคัมภีร์ไม่กี่ประโยคสั้น ๆ ตัวอย่างพระคัมภีร์ที่ใช้ได้เช่น มัทธิว 26:26-30, มาระโก 15:22-28, ลูกา 22:14-20, ยอห์น 10:11-18, ยอห์น 19:1-6, ยอห์น 19:16-19, ยอห์น 20:26-29, 1 โครินธ์ 11:23-26, ฮีบรู 10:11-17, ฮีบรู 9:24-28, ฮีบรู 4:12-16, วิวรณ์ 1:12-18, อิสยาห์ 53:1-5, หรือ อิสยาห์ 53:6-12

อธิษฐาน: ควรให้บางคนนำอธิษฐาน คำอธิษฐานควรรวมถึงคำกล่าวต่อไปนี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบคุณพระองค์สำหรับความรอดที่พระองค์ให้แก่เราผ่านการเป็นเครื่องบูชาของพระเยซู เราขอบคุณสำหรับพระคุณที่พระองค์ให้กับเราเปล่า ๆ เมื่อเรารับมหาสนิทด้วยกันนี้ เราเป็นพยานว่าเราพึ่งพาพระองค์สำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณ เราแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันที่เรามีในฐานะผู้เชื่อร่วมกัน เราอธิษฐานขอพระคุณเพื่อจะดำเนินชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยพระองค์ในทุก ๆ วัน”

แจกจ่ายขนมปัง: ศิษยาภิบาลหรือคนที่เขาแต่งตั้งควรเป็นคนหักขนมปังแจกจ่าย เขาอาจพูดว่า “ขนมปังนี้แทนถึงร่างกายของพระคริสต์ที่ให้ไว้เพื่อความรอดของเรา” ทุกคนคนสงบนิ่งและเคารพยำเกรงในช่วงพิธีมหาสนิท ในบางคริสตจักรศิษยาภิบาลจะขอให้ผู้คนถือขนมปังไว้ก่อนจนกว่าทุกคนจะได้รับขนมปังแล้วจึงรับประทานพร้อมกัน แต่ในบางคริสตจักรให้แต่ละคนรับประทานขนมปังได้เลยเมื่อได้รับ

อธิษฐาน: ศิษยาภิบาลหรือบางคนที่เขาเลือกไว้ควรนำอธิษฐานสั้น ๆ เพื่อขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณของพระองค์

แจกจ่ายเหล้าองุ่น: ศิษยาภิบาลอาจพูดว่า “เหล้าองุ่นนี้แทนถึงเลือดของพระเยซูที่ให้ไว้เพื่อความรอดของเรา” บางคริสตจักรให้แต่ละคนรับคนละถ้วย บางคริสตจักรใช้ถ้วยเดียวส่งต่อกันไป บางคริสตจักรแต่ละคนจุ่มขนมปังในเหล้าองุ่น สิ่งสำคัญคือสิ่งนี้ทำอย่างมีระเบียบและด้วยความเคารพยำเกรง

อธิษฐาน: ศิษยาภิบาลหรือบางคนที่เขาเลือกไว้ควรนำอธิษฐานเพื่อการนมัสการ

บทเพลงสรรเสริญ: ทั้งกลุ่มสามารถร้องเพลงสรรเสริญร่วมกันได้

 

ประโยคสรุปเจ็ดประโยค

1. พิธีมหาสนิทมาจากการฉลองปัสกาของคนยิว

2. พิธีปัสกาเป็นภาพอธิบายถึงการลบบาปโดยทางพระคริสต์

3. ขนมปังและเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงร่างกายและเลือดของพระเยซู

4. พิธีมหาสนิทไม่ได้ทำให้คนที่ร่วมพิธีได้รับความรอดโดยอัตโนมัติ

5. พิธีมหาสนิทสามารถให้พระคุณแก่คนที่รับด้วยความเชื่อในการลบบาปของพระคริสต์

6. พิธีมหาสนิทไม่ควรให้คนที่ทำบาปเปิดเผยหรืออยู่ในศาสนาอื่นรับได้

7. ศิษยาภิบาลต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการประกอบพิธีมหาสนิทอย่างถูกต้อง

งานมอบหมายบทที่ 11

1. ท่องจำประโยคสรุปเจ็ดประโยคของบทที่ 11 เขียนคำอธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละประโยคสรุปทั้งเจ็ดนี้โดยมีความยาวหนึ่งย่อหน้า (ทั้งหมดเจ็ดย่อหน้า) ให้กับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ นำคำอธิบายนี้กลับมาส่งให้กับหัวหน้าชั้นเรียนก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ขอให้เตรียมพร้อมแบ่งปันคำอธิบายหนึ่งย่อหน้าให้กับกลุ่มในกรณีที่หัวหน้าชั้นได้ขอให้คุณแบ่งปันในช่วงเวลาที่มีการอภิปรายกัน เขียนประโยคเหล่านี้จากการท่องจำตอนเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป

2. อย่าลืมกำหนดเวลาเพื่อสอนนอกชั้นเรียนด้วยตัวของคุณเองและรายงานให้กับหัวหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณสอนแล้ว

3. งานมอบหมายการสัมภาษณ์: สัมภาษณ์ผู้เชื่อสามคนเกี่ยวกับความหมายของพิธีมหาสนิทสำหรับพวกเขา แล้วเขียนสรุปสั้น ๆ

Next Lesson