หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
หลักคำสอนและการปฏิบัติ ของคริสตจักร
Audio Course Purchase

Search Course

Type at least 3 characters to search

Search through all lessons and sections in this course

Searching...

No results found

No matches for ""

Try different keywords or check your spelling

results found

Lesson 5: การเป็นสมาชิกคริสตจักร

1 min read

by Stephen Gibson


บทนำ

[1]► บุคคลหนึ่งสามารถเป็นคริสเตียนและใช้ชีวิตคริสเตียนโดยปราศจากคริสตจักรได้ไหม?

ผู้คนมีเหตุผลดี ๆ มากมายในการมาคริสตจักร คนหนึ่งอาจมาคริสตจักรเพื่อเรียนรู้ มาเพื่อสัมผัสการสถิตอยู่ของพระเจ้า เพื่อรู้สึกว่าตนเป็นที่ยอมรับและรับมิตรภาพ เพื่อรับกำลังใจ เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อนมัสการพระเจ้าร่วมกับคนอื่น เพื่อแสดงถึงการอุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อคนของพระองค์ เพื่อช่วยงานพันธกิจของคริสตจักร และเพื่อเห็นสิ่งที่พระเจ้าจะทำ

ถ้าหากคนหนึ่งไม่ได้มาคริสตจักร สิ่งต่าง ๆ ข้างต้นก็ไม่สำคัญสำหรับเขาที่จะมา คนแบบไหนที่ไม่ใส่ใจกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น? การปรากฎตัวไม่ได้พิสูจน์ว่าคน ๆ หนึ่งเป็นคริสเตียน แต่ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่ได้เข้าคริสตจักร เขาก็ไม่น่าจะเป็นคริสเตียน

► ทำไมการเป็นสมาชิกคริสตจักรจึงสำคัญ? การไปคริสตจักรและเป็นคริสเตียนยังไม่เพียงพอหรือ?


[1]

ผู้เชื่อรุ่นแรกเหล่านั้นรักคริสตจักร
เพราะพวกเขารักพระเยซู”
Larry Smith, I Believe: Fundamentals of the Christian Faith

การเป็นสมาชิกคริสตจักรคือการอุทิศตัวต่อแผนการของพระเจ้า

ในบทเรียนก่อนหน้า เราเห็นว่าลำดับความสำคัญในงานพันธกิจของเปาโลคือการอธิบายต่อคริสตจักร เปาโลเน้นที่คริสตจักรเพราะคริสตจักรเป็นวิถีทางของพระเจ้าในการทำให้แผนการแห่งความรอดสำเร็จทั่วโลกนี้

อัครทูตเปาโลได้รับการทรงเรียกให้...

และทรงให้ทุกคนเห็นว่าอะไรคือแผนงานของความล้ำลึกที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทรงปิดบังไว้ตลอดหลายยุคที่ผ่านมา เพื่อว่าพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจในสวรรคสถาน จะได้รู้จักพระปัญญาอันมากล้นหลายด้านของพระเจ้าโดยทางคริสตจักรในเวลานี้ (เอเฟซัส 3:9-10)

“ความล้ำลึก” คือแผนการของพระเจ้าเพื่อแสดงให้เห็นถึงความไพบูลย์ของพระองค์และเพื่อเปิดเผยสติปัญญาของพระองค์ในคริสตจักร คริสตจักรคือการสามัคคีธรรมของผู้คนที่ตอบสนองต่อแผนการของพระเจ้าและอุทิศตัวต่อแผนการนั้น ถ้าหากคน ๆ หนึ่งไม่อุทิศตัวต่อคริสตจักร เขาก็ไม่ได้กำลังอุทิศตัวต่อแผนการของพระเจ้า

► อะไรคือเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผู้คนปฏิเสธการอุทิศตัวเป็นสมาชิกคริสตจักร?

บ้านของพระเจ้าที่แท้จริง

พระเจ้าประทับอยู่ในผู้เชื่อทุกคน แต่พระองค์อยู่ในคริสตจักร (กลุ่มผู้เชื่อที่อุทิศตัว) ด้วยวิธีการพิเศษ ขอให้พิจารณาดูข้อพระคัมภีร์ เหล่านี้ที่พูดว่าพระเจ้าประทับอยู่...

ในพระองค์ (พระเยซูคริสต์) นั้นทุกส่วนของโครงสร้างถูกเชื่อมต่อกันและเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ใน องค์พระผู้เป็นเจ้า และในพระองค์นั้น พวกท่านก็กำลังถูกก่อร่างสร้างขึ้นด้วยกันให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าโดย พระวิญญาณ (เอเฟซัส 2:21-22)

พระเจ้าอยู่ในคริสตจักร คริสตจักรคือกลุ่มผู้เชื่อนั้นเป็นบ้านที่พระเจ้าประทับอยู่โดยพระวิญญาณ[1] การประทับอยู่ของพระเจ้าในคริสตจักรนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากสิ่งที่ปัจเจกบุคคลจะทำสำเร็จได้ ถ้าหากบุคคลหนึ่งปฏิเสธการอุทิศตัวต่อคริสตจักร เขาก็กำลังปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้านี้


[1]ใน 1 โครินธ์ 6:19 ร่างกายของผู้เชื่อแต่ละคนถูกเรียกว่าเป็นพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้การคิดถึงแต่ละบุคคลว่าเป้นที่ประทับของพระเจ้าจึงไม่ใช่เรื่องผิด ในที่อื่นของจดหมายฝากฉบับเดียวกัน พระกายท้องถิ่นถูกกล่าวถึงร่วมกันว่าเป็นพระวิหารของพระเจ้า (1 โครินธ์ 3:16-17)

ครอบครัวของพระเจ้า

คนที่พบอัตลักษณ์ฝ่ายวิญญาณของตัวเองเมื่อเขากลับใจจากบาป จากนั้นมีประสบการณ์กับความรักของพระเจ้า พระคุณ และการยอมรับของพระองค์ เมื่อเขากลับใจใหม่และเชื่อในพระคริสต์ เขาก็กลายเป็นลูกของพระเจ้า นี่คืออัตลักษณ์สำคัญที่สุดที่คนหนึ่งจะมีได้

ผู้เชื่อยังมีอัตลักษณ์ฝ่ายวิญญาณในฐานะสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า (เอเฟซัส 2:19) ผู้เชื่อคนอื่น ๆ เป็นพี่น้องฝ่ายวิญญาณ เขารู้สึกถึงความผูกพันต่อกันกับคริสเตียนแท้คนอื่น ๆ ที่เขาพบเจอ

คริสตจักรดำรงอยู่ในฐานะครอบครัวสากลของพระเจ้าและเช่นกันในฐานะคริสตจักรท้องถิ่นที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในฐานะครอบครัวในท้องถิ่นของพระเจ้า ถ้าพี่น้องมีความจำเป็น ครอบครัวฝ่ายวิญญาณของเขานั้นเองที่จะช่วยเหลือเขา เหมือนกับที่ผู้เชื่อคนหนึ่งสามารถคาดหวังให้ครอบครัวฝ่ายวิญญาณของเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเขา เขาก็ควรอุทิศตัวเองต่อครอบครัวและพร้อมช่วยเหลือคนอื่นด้วย ความช่วยเหลือจากครอบครัวจะมีอยู่ไม่ได้หากไม่มีผู้เชื่อที่อุทิศเวลาและทรัพยากรต่าง ๆ ให้กับครอบครัว

บางคนขอความช่วยเหลือแต่ไม่เคยช่วยคนอื่นได้เลย พวกเขาไม่เข้าใจว่าการอุทิศตัวต่อครอบครัวหมายถึงอะไร

บางคนดูแลตัวเองและคาดหวังให้คนอื่นดูแลตัวเองด้วยเหมือนกัน พวกเขาไม่เข้าใจถึงความรับผิดชอบของตนเองต่อความจำเป็นของคนอื่น

► คุณจะอธิบายถึงคน ๆ หนึ่งที่เขาจำเป็นต้องอุทิศตัวต่อครอบครัวของพระเจ้าว่าอย่างไร?

ข้อผิดพลาดของปัจเจกนิยม

แต่ละคนต้องเชื่อความจริงของพระเจ้าเป็นรายบุคคลและเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้าเป็นรายบุคคล ความสัมพันธ์ของคน ๆ หนึ่งกับพระเจ้าเริ่มต้นเมื่อเขากลับใจและเชื่อในพระคริสต์ ความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครอื่น ผู้เชื่อทุกคนมี
พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะนำทางเขาให้เข้าใจพระวจนะของพระเจ้า

อย่างไรก็ตาม คริสเตียนจำนวนมากมีทัศนคติที่เป็นเอกเทศมากเกินไป การรับรู้ของพวกเขาเองกลายเป็นสิทธิอำนาจสุดท้าย พวกเขาวางใจในการตีความพระคัมภีร์ของตัวเอง พวกเขาอยากใช้ของประทานเพื่อความสำเร็จส่วนตัวแทนที่จะทุ่มเทใช้ของประทานเพื่อความสำเร็จของคริสตจักร การตัดสินใจครั้งสำคัญขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนตัวของตน ความรู้สึกของตน และความปรารถนาของตน ไม่ได้รับการนำโดยสติปัญญาของคริสตจักร

คนมากมายไม่สามารถอธิบายวัตถุประสงค์ของคริสตจักรได้ พวกเขามองเห็นว่านั่นเป็นเพียงการจัดเตรียมผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งให้กับรายบุคคลเท่านั้น พวกเขาไม่อุทิศตัวต่อคริสตจักรเหมือนครอบครัวหนึ่ง พวกเขาไม่ยอมรับสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณ พวกเขาออกจากคริสตจักรได้อย่างรวดเร็วและมองหาที่อื่นถ้าหากมีปัญหา ปัญหานี้มีอยู่ในทุกที่ แต่คนในบางวัฒนธรรมมีแนวโน้มที่จะพยายามเป็นเอกเทศฝ่ายวิญญาณเพราะวัฒนธรรมของพวกเขาเน้นเสรีภาพส่วนบุคคล

คริสตจักรจำนวนมากได้ยอมรับสมมติฐานว่าผู้คนเป็นเอกเทศในฝ่ายวิญญาณ คำเทศนาต่าง ๆ ให้คำสอนเกี่ยวกับวิธีที่แต่ละคนสามารถตัดสินใจส่วนตัวเพื่อได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ คริสตจักรจำนวนมากได้รับการนำโดยทีมผู้คนที่จัดทำรายการ ส่วนสมาชิกเป็นผู้ชม อีกรูปแบบของคริสตจักรคือการเป็นกิจการส่วนตัวของศิษยาภิบาลคนหนึ่ง และเขาพยายามที่จะให้ผลประโยชน์มากพอเพื่อรักษาผู้คนเอาไว้และรวบรวมเงินสนับสนุนจากพวกเขา

ภาพคริสตจักรในพันธสัญญาใหม่เป็นภาพของสมาชิกในคริสตจักรที่มีความรับผิดชอบร่วมกัน เป็นไปไม่ได้ที่คริสตจักรหนึ่งจะทำให้ความรับผิดชอบต่าง ๆ สำเร็จโดยไม่มีการอุทิศตัวและร่วมมือกันของสมาชิก จดหมายฝากส่วนใหญ่ในพันธสัญญาใหม่ไม่ได้กล่าวถึงคนแต่ละคน แต่กล่าวถึงคริสตจักรต่าง ๆ และควรได้รับการตีความกับประยุกต์ใช้ตามแนวทางนั้น

วัตถุประสงค์บางประการของคริสตจักรท้องถิ่นที่ค้นพบในพันธสัญญาใหม่

► สำหรับแต่ละหัวข้อ ขอให้อภิปรายกันว่าสมาชิกคริสตจักรจะสามารถร่วมรับผิดชอบได้อย่างไร และสามารถทำให้ดีกว่าที่แต่ละคนทำเองได้อย่างไร

1. การประกาศข่าวประเสริฐ (มัทธิว 28:18-20)

2. การนมัสการร่วมกันเป็นคริสตจักร (1 โครินธ์ 3:16)

3. การถือรักษาหลักคำสอน (1 ทิโมธี 3:15, ยูดา 3)

4. การสนับสนุนทางการเงินให้กับศิษยาภิบาล (1 ทิโมธี 5:17-18)

5. ส่งและสนับสนุนมิชชันนารี (กิจการ 13:2-4, โรม 15:24)

6. ช่วยสมาชิกที่มีความจำเป็น (1 ทิโมธี 5:3)

7. ฝึกวินัยสมาชิกที่ล้มลงในความบาป (1 โครินธ์ 5:9-13)

8. ประกอบพิธีบัพติศมาและพิธีมหาสนิท (มัทธิว 28:19, 1 โครินธ์ 11:23-26)

9. สร้างผู้เชื่อให้เป็นสาวกที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ (เอเฟซัส 4:12-13)

สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถสำเร็จได้โดยการกระทำของคนหนึ่งตามลำพัง สิ่งเหล่านี้อาศัยการร่วมมือกันของกลุ่มผู้เชื่อและโครงสร้างของผู้นำ

[1]พระเจ้าเรียกผู้เชื่อทุกคนให้อุทิศตัวต่อคริสตจักรท้องถิ่นและช่วยให้คริสตจักรบรรลุวัตถุประสงค์ในโลกนี้ จนกว่าสมาชิกคนหนึ่งจะรับใช้ในคริสตจักร เขาก็ไม่ได้ทำให้วัตถุประสงค์สำเร็จได้ในฐานะสมาชิกของพระกายของพระคริสต์

พระเจ้ามีแผนการสำหรับพระกายท้องถิ่นของผู้เชื่อ พระองค์ให้สิ่งจำเป็นและเรียกร้องให้มีการอุทิศตัวจากสมาชิกทั้งหลาย


[1]

“เป็นหน้าที่ของคริสเตียนทุกคน ที่ไม่เพียงแสดงความเชื่อของตนในพระคริสต์ แต่เข้าในการสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อทั้งหลายที่เป็นพระกายในชุมชนของเขา และแบกรับความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกคริสตจักร”
Wiley & Culbertson, Introduction to Christian Theology

ภาพเปรียบเทียบของพระกาย

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน 1 โครินธ์ 12:12-27 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

เปาโลพูดว่าสมาชิกของคริสตจักรควรทำงานร่วมกันเหมือนเป็นอวัยวะในร่างกายฝ่ายกายภาพ อวัยวะหนึ่งไม่ควรพยายามแยกตัวเป็นอิสระจากอวัยวะอื่น ๆ อวัยวะหนึ่งไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้โดยปราศจากอวัยวะอื่น ๆ

คริสเตียนคนหนึ่งควรตระหนักว่าความสามารถของเขาจะมีคุณค่าในชีวิตของคริสตจักร เหมือนกับดวงตาหรือหูที่จะไร้ประโยชน์หากไม่ทำหน้าที่อย่างเหมาะสมในร่างกาย คน ๆ หนึ่งก็ไม่พบความหมายของชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้หากไม่ทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกที่อุทิศตัวต่อคริสตจักร

ขั้นตอนการเป็นสมาชิก

► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่าน กิจการ 2:46-47 ให้ทุกคนในกลุ่มฟัง

“องค์พระผู้เป็นเจ้าเพิ่มจำนวนเข้ามาในคริสตจักรทุกวัน” การเข้าร่วมคริสตจักรไม่ได้เป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับคริสตจักรในยุคแรก คำพยานของคนที่กลับใจมาเชื่อเป็นพื้นฐานของการเป็นสมาชิก แม้ปราศจากขั้นตอนการเป็นสมาชิกแบบทางการและรายการที่เป็นข้อกำหนดสำหรับสมาชิก แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะมองเห็นว่าใครอยู่ในคริสตจักรบ้าง

บ่อยครั้งคริสตจักรเริ่มต้นโดยไม่มีสมาชิกอย่างเป็นทางการ ในตอนแรกคริสตจักรประกอบไปด้วยทีมพันธกิจ จากนั้นคนในท้องถิ่นก็ถูกเพิ่มเข้ามาโดยการตอบสนองต่อพันธกิจนั้นและเข้ามามีส่วนร่วม กลุ่มคนพบกันบ่อยครั้งเพื่อพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในทางปฏิบัติ ประเด็นฝ่ายวิญญาณ นิมิตสำหรับอนาคต และแง่มุมของการแบ่งปันชีวิตร่วมกัน ไม่มีรายชื่อสมาชิก แต่ทุกคนรู้ว่าใครบ้างที่อุทิศตัว

เมื่อคริสตจักรเติบโตขึ้น คำถามต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น คนจำนวนมากเข้ามาในคริสตจักรและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แต่ใครคือคนของคริสตจักร? คริสตจักรควรเป็นพยาน แต่จะเป็นพยานได้อย่างไรหากชุมชนไม่รู้ว่าใครคือคนของคริสตจักร? เราสอนสมาชิกในคริสตจักรให้ช่วยเหลือคนอื่นที่อยู่ในพระกาย แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามีใครบ้าง? ถ้าหากมีคนหนึ่งปฏิเสธที่จะตอบสนองต่อการแก้ไขตักเตือนและใช้ชีวิตในบาปอย่างเปิดเผย จะแยกแยะเขาออกจากกลุ่มผู้เชื่อหลักที่อุทิศตัวในการใช้ชีวิตอย่างสัตย์ซื่อได้อย่างไร?

คริสตจักรสมัยใหม่จำนวนมากมีข้อกำหนดมากมายต่อการเป็นสมาชิก พวกเขามีคำประกาศถึงหลักคำสอน มีกฎต่าง ๆ สำหรับการดำเนินชีวิตสมาชิก และมีระยะเวลาในการพิสูจน์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจะได้เป็นสมาชิกของคริสตจักรเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว

คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจำเป็นต้องได้รับการยอมรับเข้าสู่การสามัคคีธรรมของคริสตจักรอย่างทันที เขาจำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้เชื่อที่อุทิศตัวต่อกันและกัน เขาสูญเสียเพื่อนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนเมื่อเขากลับใจมาเชื่อ และเขาจำเป็นต้องมีการสามัคคีธรรมของคริสเตียน

คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจำเป็นต้องได้รับการสร้างสาวกซึ่งมาจากการสามัคคีธรรมอันใกล้ชิดกับคริสเตียน เขาจะได้รับการหล่อหลอมโดยค่านิยมของคนที่แบ่งปันชีวิตร่วมกับเขา

อะไรเกิดขึ้นเมื่อคนที่กลับใจมาเชื่อไม่สามารถเข้าร่วมคริสตจักรได้เพราะข้อกำหนดที่มีมาตรฐานสูงในการเป็นสมาชิกซึ่งเขาไม่สามารถเข้าใจได้? ถ้าหากเขาถูกกีดกันจากการเป็นสมาชิก เขาก็รู้สึกว่าไม่ได้เป็นที่ยอมรับในคริสตจักร เขาจำเป็นต้องถูกนับเข้าเป็นสมาชิกอย่างทันที คริสตจักรในยุคแรกสามารถให้คนที่กลับใจมาเชื่อมีส่วนร่วมในฐานะสมาชิกได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากคริสตจักรทำได้ดีในการให้คนที่กลับใจมาเชื่อเข้าเป็นสมาชิกได้อย่างรวดเร็ว การเป็นสมาชิกคริสตจักรจะประกอบไปด้วยคริสเตียนที่ไม่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อไม่เข้าใจหลักคำสอนที่สำคัญทั้งหมดของคริสตจักร พวกเขาไม่ได้พัฒนารูปแบบชีวิตคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ควรรับผิดชอบในการตัดสินใจของคริสตจักร เนื่องจากสมาชิกของคริสตจักรประกอบไปด้วยผู้คนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ สมาชิกทั่วไปของคริสตจักรก็ไม่ควรตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของคริสตจักร

ในท่ามกลางสมาชิกทั่วไปควรมีสมาชิกที่สร้างโครงสร้างการปกครองคริสตจักร โครงสร้างการปกครองคริสตจักรควรประกอบไปด้วยคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจหลักคำสอนและรูปแบบการดำเนินชีวิตที่คริสตจักรสอน นี่คือกลุ่มที่ตัดสินใจเกี่ยวกับคริสตจักร สมาชิกในกลุ่มนี้ควรมีข้อกำหนดที่สูงกว่าสมาชิกทั่วไปของคริสตจักร ผู้คนจากกลุ่มนี้สามารถรับใช้เป็นผู้สอนและผู้นำในคริสตจักรได้ โครงสร้างการปกครองปกป้องคริสตจักรให้ยึดมั่นต่อหลักคำสอนและวัตถุประสงค์ของคริสตจักรอย่างสัตย์ซื่อ

สมาชิกทั่วไปยอมรับผู้ที่กลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริงซึ่งอุทิศตัวต่อคริสตจักร ข้อกำหนดต่าง ๆ สำหรับสมาชิกทั่วไปควรเป็นพื้นฐานของศาสนาคริสต์และการอุทิศตัวต่อคริสตจักรนั้นโดยเฉพาะ คนที่กลับใจมาเชื่อสามารถได้รับการยอมรับเข้าเป็นสมาชิกทั่วไปได้อย่างรวดเร็วถ้าหากเขาแสดงให้เห็นว่ากลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริง คนที่กลับใจมาเชื่อรับการสามัคคีธรรมและการมีส่วนร่วมในคริสตจักรที่เขาจำเป็นต้องมีอย่างทันที บางคริสตจักรเรียกสมาชิกทั่วไปว่า “สามัคคีธรรม”

► ทำไมคนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในคริสตจักรอย่างรวดเร็ว?

► ในระบบการเป็นสมาชิกที่อธิบายไว้ในตอนนี้ อะไรคือสมาชิกแบบสามัคคีธรรม และคนในลักษณะใดที่เป็นสมาชิกในแบบนี้?

► ในระบบการเป็นสมาชิกที่อธิบายไว้ในตอนนี้ โครงสร้างการปกครองคืออะไร และคนในลักษณะใดที่เป็นสมาชิกในโครงสร้างนี้?

การสามัคคีธรรมและโครงสร้างการปกครอง คือระบบการเป็นสมาชิก ในตอนต่อไปนี้อธิบายถึงระบบอื่น ๆ สองระบบสำหรับการเป็นสมาชิก

สมาชิกคริสเตียนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่

หนึ่งแนวคิดของการเป็นสมาชิกคือความต้องการให้สมาชิกมีหลักคำสอนที่ถูกต้องและมีความเป็นผู้ใหญ่พอเพื่อพวกเขาจะได้รับความไว้วางใจให้ลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการตัดสินใจต่าง ๆ ของคริสตจักร กลุ่มนี้เลือกคนให้มีตำแหน่งในการรับใช้ รวมถึงเลือกศิษยาภิบาล พวกเขาลงคะแนนเสียงทั้งในด้านธุรกรรมหรือเลือกกลุ่มที่เป็นตัวแทนเพื่อการตัดสินใจเหล่านั้น

เนื่องจากการเป็นสมาชิกควบคุมการปกครองของคริสตจักร ผู้ที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจึงไม่อาจไม่ได้รับการต้อนรับให้เข้ามาเป็นสมาชิกได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นคริสตจักรอนุรักษ์นิยมและคริสตจักรที่ระมัดระวังมากเท่าใด ข้อกำหนดของการเป็นสมาชิกก็จะมีมากขึ้น ระยะเวลาระหว่างคนที่กลับใจมาเชื่อกับการเป็นสมาชิก็จะยิ่งนานมากขึ้น คริสตจักรตั้งข้อกำหนดของการเป็นสมาชิกซึ่งประกอบไปด้วยทุกสิ่งที่คริสเตียนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มี แทนที่จะเป็นคำอธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับคนที่กลับใจมาเชื่อ คนที่กลับใจมาเชื่ออาจมีส่วนร่วมในชีวิตของคริสตจักรมาหลายปีโดยไม่ผ่านคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกคนหนึ่ง คนที่กลับใจมาเชื่อบางคนอาจออกจากคริสตจักรเพราะพวกเขาไม่สามารถเป็นสมาชิกได้

สมาชิกที่มาเข้าประชุมนมัสการ

สำหรับบางคริสตจักร คนที่มาเข้าร่วมนมัสการเป็นปกติจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นสมาชิก จะมีบางคนที่มีสิทธิอำนาจที่ตัดสินใจเกี่ยวกับงานธุรกรรมของคริสตจักร แต่ใครก็ตามที่มาเข้าร่วมคริสตจักรก็เป็นสมาชิกคนหนึ่ง คริสตจักรอาจกล่าวว่าพวกเขาไม่มีรายชื่อสมาชิก อย่างไรก็ตาม แม้ในคริสตจักรที่บอกว่าไม่มีรายชื่อสมาชิก ก็มีระบบที่กำหนดว่าใครที่อยู่ในคริสตจักรและใครที่ไม่ได้อยู่โดยที่ไม่ได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

ในคริสตจักรที่สมาชิกคือผู้ที่มาเข้าร่วมนมัสการ ผู้ที่ควบคุมคริสตจักรอาจเป็นศิษยาภิบาลคนหนึ่งหรือพวกผู้นำของครอบครัวที่มีอิทธิพล

ถ้าหากเป็นคริสตจักรที่พึ่งก่อตั้งไม่นานแต่คนที่มีสิทธิอำนาจสูงสุดคือสมาชิกที่มาเข้าร่วมนมัสการ ไม่มีทางที่จะคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่าคริสตจักรนั้นจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ถ้าเป็นคริสตจักรเก่าแก่ที่มีสมาชิกมาเข้าร่วมนมัสการอย่างยาวนาน ก็เป็นไปได้ที่คริสตจักรจะถูกควบคุมโดยครอบครัวหนึ่งหรือโดยศิษยาภิบาลที่เข้มแข็งและอยู่มานาน มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะอธิบายกฎต่าง ๆ ที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ สำเร็จได้ แต่พวกเขาไว้ใจบรรดาคนที่มีอำนาจควบคุมดูแล นโยบายที่เป็นลายลักษณ์อักษรอาจไม่มีหรือไม่มีความสำคัญมากนัก เมื่อศิษยาภิบาลหรือผู้นำคนอื่นถูกแทนที่ คริสตจักรก็อาจต้องก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

► อะไรคือข้อดีและข้อเสียที่คุณมองเห็นจากระบบการเป็นสมาชิกทั้งสองแบบที่อธิบายไว้ข้างต้น?

ตัวอย่างเพื่อพิจารณา

ในชั้นเรียนควรพิจารณาตัวอย่างทั้งสองต่อไปนี้ แล้วอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับตัวอย่างทั้งสองโดยเปรียบเทียบกับสมาชิกในคริสตจักรที่คุณรู้จัก

แผนงานเพื่อการสามัคคีธรรมในคริสตจักรถูกนำมาใช้โดยคริสตจักรแห่งหนึ่งในเมืองอินเดียนาโปลิส รัฐอินเดียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา พันธสัญญาการเป็นสมาชิกคริสตจักรถูกนำมาใช้ในคริสตจักรฟิลิปปินส์ ไบเบิล เมธอดิสท์

ตัวอย่างแผนงานเพื่อการสามัคคีธรรมในคริสตจักร

เดอะ วิคตอรี่ แชพเพิล เฟลโลชิพ

ชาวบ้านได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ของวิคตอรี่แชพเพิล รวมถึงรอบนมัสการ การประชุมตามบ้าน และการศึกษาพระคัมภีร์ ทุกคนอาจมีส่วนร่วมในการนมัสการ แบ่งปันสิ่งจำเป็น อธิษฐาน รับประทานอาหารด้วยกัน สนทนากันอย่างเป็นระเบียบ และมีการสามัคคีธรรมอย่างไม่เป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในพันธสัญญาใหม่ระบุว่ากลุ่มคนที่ประกอบกันเป็นคริสตจักรท้องถิ่นควรระบุได้ ควรเป็นที่รู้กันว่าคริสตจักรคือใครบ้าง ถ้าหากไม่มีกลุ่มที่ระบุได้ชัด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คริสตจักรจะมีคำพยานชัดเจนต่อโลกนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการสามัคคีธรรมที่แท้จริงของคริสเตียนซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนที่นอกเหนือจากมิตรภาพ การมีวินัยในคริสตจักรตามหลักการพระคัมภีร์ และการร่วมกันรับผิดชอบงานพันธกิจของคริสตจักร ด้วยเหตุนี้ความรับผิดชอบของผู้รับใช้ของวิคตอรี่แชพเพิลจึงขึ้นอยู่กับกลุ่มสมาชิกที่ถูกเรียกว่า “สามัคคีธรรม”

เกณฑ์ของผู้ที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกที่เรียกว่าสามัคคีธรรม

เรายอมรับว่ามีรายละเอียดเจาะจงอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นเครื่องหมายของการเติบโตฝ่ายวิญญาณ แต่รายการต่อไปนี้ให้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับความเป็นหนึ่งเดียวกันและการสามัคคีธรรมที่แท้จริงของคริสเตียน

(1) ชีวิตฝ่ายวิญญาณ

แสดงให้เห็นหลักฐานของการกลับใจมาเชื่อ ความปรารถนาฝ่ายวิญญาณ และการอุทิศตัวเพื่อดำเนินในความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการเชื่อฟัง

(2) จริยธรรมตามพระคัมภีร์

ละเว้นจากความผิดบาปทางเพศ การใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย ยาสูบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

(3) การอุทิศตัวต่อคริสตจักร

เข้าร่วมรอบนมัสการของคริสตจักรอย่างสัตย์ซื่อทุกครั้ง เว้นแต่จะเข้าไม่ได้เนื่องจากปัญหาสุขภาพ งานพันธกิจอื่น ๆ หรือการทำงานที่ไม่สามารถหยุดวันอาทิตย์ได้

ถวายสิบลดเข้าคริสตจักร

(4) ความเป็นหนึ่งเดียวกันด้านหลักคำสอน

ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความเข้าใจเรื่องคำประกาศถึงความเชื่อของวิคตอรีแชพเพิลนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ศิษยาภิบาลจะใช้เวลาเพื่อสนทนาและสอนผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกแต่ละคน

(5) จริยธรรมในเชิงปฏิบัติ

รักษาความซื่อสัตย์ในทุกความสัมพันธ์และสัตย์ซื่อต่อการอุทิศตัว รักษาการประพฤติอย่างคงเส้นคงวาด้วยความรักและจงรักภักดีต่อคนเหล่านั้นที่อยู่ในการสามัคคีธรรม

นโยบายต่าง ๆ

เราตระหนักว่าสมาชิกใหม่บางคนจะไม่อยู่ต่อไป แต่เราเลือกที่จะไม่มีช่วงเวลาพิสูจน์ เนื่องจากผู้ที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจำเป็นต้องเข้ามามีส่วนร่วมในคริสตจักรอย่างทันที

โครงสร้างการปกครองจะประเมินชื่อที่นำเสนอให้กับกลุ่มสามัคคีธรรมหลังจากคนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกได้รับการสัมภาษณ์โดยศิษยาภิบาลแล้ว

คนที่กลับใจมาเชื่อซึ่งยอมรับเพื่อเข้าสู่กลุ่มสามัคคีธรรมจะถูกกำหนดเวลาให้เพื่อรับบัพติศมาเว้นแต่เขาได้รับบัพติศมาก่อนหน้านี้แล้ว

ถ้าผู้เชื่อคนหนึ่งในกลุ่มสามัคคีธรรมถูกพบว่าละเมิดต่อข้อกำหนดต่าง ๆ โครงสร้างการปกครองอาจถอนผู้เชื่อคนนั้นจากกลุ่มสามัคคีธรรมหรือยอมให้เขามีช่วงเวลาพิสูจน์ตัวและรายงานชีวิต หลังจากนั้นเรื่องของเขาก็จะได้รับการพิจารณาใหม่

ตัวอย่างของพันธสัญญาของสมาชิกคริสตจักร

คริสตจักรฟิลิปปินส์ ไบเบิล เมธอดิสท์

ข้าพเจ้าได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อในการตาย การหลั่งโลหิต และการฟื้นขึ้นจากตายของพระองค์ว่าเป็นการงานที่สมบูรณ์แล้วสำหรับความรอดของข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระกายสากลของพระคริสต์ อย่างเช่นร่างกายที่มีหลายอวัยวะ พระกายของพระคริสต์ก็เป็นเช่นนั้น โดยผ่านคำอธิษฐานที่จริงใจ ข้าพเจ้ารู้สึกได้รับการนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับครอบครัวของคริสตจักรฟิลิปปินส์ไบเบิลเมธอดิสท์ เป็นหนึ่งเดียวกันกับการสามัคคีธรรม ความเชื่อ และการฝึกวินัยฝ่ายวิญญาณของคริสตจักรนี้ได้โดยความสามารถของข้าพเจ้าที่พระเจ้าขยายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าอุทิศตัวเองต่อพระเจ้าและต่อสมาชิกคนอื่น ๆ เพื่อทำสิ่งต่อไปนี้

อย่างแรก ปกป้องความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรของข้าพเจ้า

  • โดยการกระทำด้วยความรักต่อสมาชิกคนอื่น ๆ (1 เปโตร 1:22)

  • โดยปฏิเสธการนินทาหรือว่าลับหลัง (เอเฟซัส 4:29)

  • โดยทำตามผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้ง (ฮีบรู 13:17)

  • โดยการมีความเมตตาสงสารต่อพี่น้องที่ล้มลงซึ่งออกไปจากพระคุณของพระเจ้า (กาลาเทีย 6:1-2)

อย่างที่สอง ร่วมแบกความรับผิดชอบของคริสตจักรของข้าพเจ้า

  • โดยการอธิษฐานเผื่อการเติบโตของคริสตจักร (1 เธสะโลนิกา 1:1-2)

  • โดยเชิญคนที่ไม่ได้เข้าคริสตจักรให้มาเข้าร่วมคริสตจักร (ลูกา 14:23)

  • โดยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแก่ผู้มาเยี่ยมคริสตจักร (โรม 15:7)

  • โดยการแนะนำคนให้รู้จักพระเยซูคริสต์ (กิจการ 8:33-35)

อย่างที่สาม รับใช้ในงานพันธกิจของคริสตจักร

  • โดยการค้นพบของประทานฝ่ายวิญญาณ (1 เปโตร 4:10)

  • โดยรับการเสริมสร้างเพื่อรับใช้ร่วมกับศิษยาภิบาล (เอเฟซัส 4:11-12)

  • โดยการสร้างหัวใจแบบผู้รับใช้เพื่อปรนนิบัติธรรมิกชน ผู้ที่หิวกระหาย ผู้ที่เปลือยกาย ผู้เจ็บป่วย ผู้ที่เป็นม่าย และลูกกำพร้า และผู้ที่ถูกกักขัง ตามวิธีการและโอกาสที่ได้รับ (มัทธิว 25:31-46; ฟิลิปปี 2:3-7)

อย่างที่สี่ สนับสนุนคำพยานของคริสตจักร

  • โดยการเข้าร่วมอย่างสัตย์ซื่อ (ฮีบรู 10:25)

  • โดยการถ่อมใจยอมรับพระวจนะของพระเจ้าที่มาทางคำเทศนา และเดินในความสว่างของพระวจนะ (1 ยอห์น 1:9-10)

  • โดยการแสวงหาชีวิตที่บริสุทธิ์ (ฮีบรู 12:14; ฟิลิปปี 1:27)

  • โดยการสารภาพความผิด (ยากอบ 5:16)

  • โดยร่วมรับมหาสนิท (1 โครินธ์ 11:23-26)

  • โดยการถวายสม่ำเสมอ (เลวีนิติ27:30; 1 โครินธ์ 16:2; 2 โครินธ์ 9:7)

ลงชื่อ ____ วันที่ ______________

ลายมือชื่อของสมาชิก _______________________________

อนุมัติโดย: _______________________________ ศิษยาภิบาลคริสตจักรท้องถิ่น

 

ประโยคสรุปเจ็ดประโยค

1. พระเจ้าประทับอยู่ในกลุ่มผู้เชื่อด้วยวิธีการพิเศษ

2. คริสตจักรคือครอบครัวของพระเจ้า เป็นที่ที่ผู้เชื่ออุทิศตัวต่อการมีความสัมพันธ์แบบครอบครัว

3. การเป็นสมาชิกคริสตจักรคือวิธีการอุทิศตัวต่อแผนการของพระเจ้าสำหรับคริสตจักรนั้น

4. สมาชิกในคริสตจักรต้องแบกความรับผิดชอบของคริสตจักรร่วมกัน

5. ความสามารถของแต่ละคนมีคุณค่ามากที่สุดเมื่อใช้ในชีวิตของคริสตจักร

6. คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในคริสตจักรอย่างทันที

7. การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ควรเป็นข้อกำหนดของการเป็นสมาชิกคริสตจักร

งานมอบหมายบทที่ 5

1. ท่องจำประโยคสรุปเจ็ดประโยคของบทที่ 5 เขียนคำอธิบายความหมายและความสำคัญของแต่ละประโยคสรุปทั้งเจ็ดนี้โดยมีความยาวหนึ่งย่อหน้า (ทั้งหมดเจ็ดย่อหน้า) ให้กับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ นำคำอธิบายนี้กลับมาส่งให้กับหัวหน้าชั้นเรียนก่อนถึงชั่วโมงเรียนถัดไป ขอให้เตรียมพร้อมแบ่งปันคำอธิบายหนึ่งย่อหน้าให้กับกลุ่มในกรณีที่หัวหน้าชั้นได้ขอให้คุณแบ่งปันในช่วงเวลาที่มีการอภิปรายกัน เขียนประโยคเหล่านี้จากการท่องจำตอนเริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไป

2. อย่าลืมกำหนดเวลาเพื่อสอนนอกชั้นเรียนด้วยตัวของคุณเองและรายงานให้กับหัวหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณสอนแล้ว

3. งานมอบหมายการเขียน: หาจำนวนเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้าคริสตจักรของคุณที่เป็นสมาชิกอุทิศตัว อธิบายว่าคน ๆ หนึ่งมาเป็นสมาชิกในคริสตจักรได้อย่างไร

Next Lesson