(1) ที่ไหนคือกลุ่มย่อยที่ให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณแก่คริสตจักร?
คริสตจักรที่มีสุขภาพมักจะมีรูปแบบกลุ่มย่อยที่บำรุงเลี้ยงชีวิตฝ่ายวิญญาณ กลุ่มเหล่านี้อาจเป็นคริสตจักรตามบ้าน ชั้นเรียนวันอาทิตย์ หรือกลุ่มในลักษณะอื่น ๆ กลุ่มเหล่านี้อาจเป็นกลุ่มที่มีการจัดตั้ง หรืออาจเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นเองก็ได้ การฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณมักเริ่มต้นในกลุ่มย่อย ชีวิตฝ่ายวิญญาณในคริสตจักรไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงหรือฟื้นฟูจากการประชุมนมัสการอย่างเดียว การตรวจสอบฝ่ายวิญญาณและชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในกลุ่มย่อย ผู้นำของคริสตจักรควรแน่ใจว่ากลุ่มย่อยที่มีอยู่นั้นบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ ถ้าหากโครงสร้างที่มีอยู่ในคริสตจักรไม่ได้สร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้ว ก็จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
(2) ใครเป็นเจ้าของคริสตจักร?
คริสตจักรไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่จนกว่าจะมีกลุ่มสมาชิกที่อุทิศตัวซึ่งรับผิดชอบงานพันธกิจและสนับสนุนทางการเงินให้กับคริสตจักร
ถ้าหากพันธกิจดำเนินงานเหมือนกับเป็นธุรกิจส่วนตัวของศิษยาภิบาล คริสตจักรก็จะไม่มีวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าหากอาคารคริสตจักรยังต้องเช่า คริสตจักรก็ไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่หากคนที่จ่ายค่าเช่าคือองค์กรหรือบุคคลที่อยู่ภายนอกคริสตจักร
ตามหลักการแล้ว อาคารและพันธกิจควรมีกลุ่มสมาชิกคริสตจักรที่เป็นเจ้าของ ถ้าหากต้องเช่าอาคาร สมาชิกในคริสตจักรควรรับผิดชอบร่วมกันจ่ายค่าเช่า
พันธกิจของคริสตจักรท้องถิ่นควรได้รับการสถาปนาให้สืบเนื่องในฐานะสถาบันหนึ่งจนกว่าพระคริสต์เสด็จกลับมา
(3) มีการสนับสนุนทางการเงินสำหรับพันธกิจในท้องถิ่นอย่างไร?
สถานการณ์ที่ดีที่สุดทางการเงินสำหรับคริสตจักรคือการสนับสนุนจากสิบลดของสมาชิก ถ้าหากคริสตจักรได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภายนอก นั่นย่อมไม่ทำให้คริสตจักรมีความเป็นผู้ใหญ่แต่กลับมีความเปราะบาง ถ้าคริสตจักรได้รับการสนับสนุนจากศิษยาภิบาลหรือจากคนไม่กี่คนที่ถวายโดยไม่ใช่จากสมาชิกส่วนใหญ่ สมาชิกทั้งหมดในคริสตจักรนั้นก็ไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นครอบครัวแห่งความเชื่อที่มีความเป็นผู้ใหญ่
สิบลดเป็นวิธีการของพระเจ้าเพื่อสนับสนุนคริสตจักรท้องถิ่น ผู้นำคริสตจักรควรสอนเรื่องสิบลดและค่อย ๆ สร้างการสนับสนุนงานพันธกิจท้องถิ่นของคริสตจักร คริสตจักรไม่ควรพึ่งพาการสนับสนุนจากภายนอกในการดำเนินงานคริสตจักร การสนับสนุนภายนอกควรมีไว้สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่ขยายความสามารถของคริสตจักร
(4) คริสตจักรสนับสนุนศิษยาภิบาลเต็มเวลาหรือไม่?
แผนการตามพระคัมภีร์สำหรับศิษยาภิบาลคือการให้เขาอุทิศเวลาเต็มที่ต่องานพันธกิจ บางครั้งแผนนี้เป็นไปไม่ได้สำหรับคริสตจักรที่ก่อตั้งใหม่ แต่คริสตจักรควรตั้งเป้าพัฒนาให้มีการสนับสนุนนั้นเพื่อศิษยาภิบาลจะได้มุ่งทำงานพันธกิจโดยไม่ถูกเบี่ยงเบนไปเหตุเพราะความจำเป็นทางการเงิน
(5) อะไรคือระบบการรายงานการเงิน?
การถวายควรรวบรวมและนับจำนวนโดยคนที่มากกว่าหนึ่งคน คนที่ไว้ใจได้หลายคนควรเกี่ยวข้องในการจัดตั้งลำดับความสำคัญทางการเงินและนโยบายของคริสตจักร สมาชิกในที่ประชุมควรรู้ระบบการใช้จ่ายเงินของคริสตจักร
(6) วิธีการอะไรที่ถูกใช้เพื่อนำข่าวประเสริฐไปยังคนนอกคริสตจักร?
[1] ความรับผิดชอบแรกของคริสตจักรคือเอาใจใส่ดูแลสมาชิกที่อุทิศตัว อย่างไรก็ตาม คริสตจักรต้องเข้าถึงคนในชุมชนเสมอ คริสตจักรต้องมีกิจกรรมที่ทำให้คนนอกคริสตจักรเห็นการทำงานของคริสตจักรและได้ยินข่าวประเสริฐ กิจกรรมบางอย่างเหล่านี้อาจกำลังเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ ผู้นำจำเป็นต้องบริหารจัดการเรื่องอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นสมาชิกที่มีความสามารถควรได้รับคำเชิญชวนและฝึกอบรมเพื่อทำกิจกรรมเหล่านี้
(7) คริสตจักรมีวิธีตอบสนองต่อความจำเป็นของชุมชนใกล้เคียงอย่างไร?
คริสตจักรควรค้นพบวิธีตอบสนองความจำเป็นที่มีในชุมชนใกล้เคียง ลำดับความสำคัญควรเป็นการแสดงให้เห็นความรักต่อพระเจ้าและแสดงให้เห็นถึงหลักการของพระคัมภีร์เสมอ
(8) มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือชนชั้นทางเศรษฐกิจที่ได้รับการยกเว้นจากการเข้าถึงของคริสตจักรไหม?
คนยากจนรู้สึกได้รับการต้อนรับให้มาคริสตจักรโดยสวมใส่เสื้อผ้าที่พวกเขามีอยู่ไหม? เด็ก ๆ ในชุมชนได้รับการต้อนรับให้เข้าร่วมแม้พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมไหม? มีกลุ่มชาติพันธุ์ใดที่คิดว่าคริสตจักรไม่ต้อนรับพวกเขาไหม?
(9) คนที่มาเยี่ยมคริสตจักรได้รับคำทักทายอย่างไร?
คริสตจักรควรฝึกอบรมคนให้ทักทายผู้คนที่มาเยี่ยมคริสตจักร จุดประสงค์สำคัญที่สุดในการทักทายผู้มาเยี่ยมเยียนคือทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นสบายใจ หลายคนควรพยายามทำความคุ้นเคยกับคนที่มาเยี่ยม เขาไม่ควรแค่เชิญชวนคนนั้นมาที่คริสตจักรเพื่อประชุมนมัสการ แต่ควรชวนเขาไปกลุ่มย่อยหรือการพบปะตามบ้านซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้และถามคำถามได้
(10) อะไรคือวิธีการของคริสตจักรเพื่อสร้างคนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อให้เป็นสาวกอย่างทันที?
เมื่อคนหนึ่งได้รับความรอด ไม่ว่าที่คริสตจักรหรือที่อื่น เขาไม่ควรถูกเชิญให้มาร่วมรอบนมัสการอย่างเดียว แต่ควรถูกนำเข้าระบบการสร้างสาวกอย่างทันที นี่อาจเริ่มต้นด้วยการเยี่ยมเยียนจากศิษยาภิบาล เขาอาจถูกชวนเข้ากลุ่มย่อยที่พบกันเป็นประจำทุกสัปดาห์ คริสตจักรควรเตรียมการเพื่อรับใช้คนที่พึ่งกลับใจมาเชื่อ
(11) คริสตจักรอธิบายถึงความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณอย่างไร?
คนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณมีลักษณะอย่างไร? สมาชิกในคริสตจักรควรได้รับการสอนเรื่องลักษณะของความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ลักษณะเหล่านี้ไม่ได้มาพร้อมกับความสามารถในการเป็นผู้นำหรือตะลันต์เสมอ แต่ผู้คนที่มีลักษณะเหล่านี้ควรได้รับความนับถือให้เป็นแบบอย่าง
(12) อะไรคือระบบพัฒนาฝ่ายวิญญาณอย่างมีวัตถุประสงค์?
ภารกิจสำคัญของคริสตจักรคือช่วยพัฒนาฝ่ายวิญญาณให้กับสมาชิกของตน (เอเฟซัส 4:11-13) ผู้นำคริสตจักรไม่สามารถเพียงแค่หวังว่าการพัฒนาฝ่ายวิญญาณจะเกิดขึ้น พวกเขาไม่ควรเทศนาให้กับสมาชิกในที่ประชุมแล้วปล่อยให้แต่ละคนไปเริ่มพัฒนาฝ่ายวิญญาณเอง ศิษยาภิบาลควรมีระบบเพื่อหนุนใจผู้คนให้มีวินัยฝ่ายวิญญาณ พวกเขาควรเตรียมการตรวจสอบชีวิตให้กับทุกคนที่ยอมรับการตรวจสอบ สิ่งนี้สามารถทำได้ผ่านการสนทนาส่วนตัว กลุ่มย่อย ชั้นเรียน และวิธีการอื่น ๆ
[2] (13) มีโครงสร้างสมาชิกที่เตรียมทางให้ผู้คนอุทิศตัวต่อคริสตจักรไหม?
ผู้คนที่ต้องการอุทิศตัวต่อคริสตจักรจำเป็นต้องรู้ความหมายเจาะจงของการอุทิศตัวว่าคืออะไร บางคริสตจักรกล่าวว่าไม่มีระบบโครงสร้างสมาชิก แต่ทุกคริสตจักรมีบางวิธีที่จะรู้ว่าใครคือคนของตน ทุกคนจำเป็นต้องรู้ว่าผู้คนนั้นมาจากคริสตจักรใด
(14) ข้อกำหนดการเป็นสมาชิกชัดเจนและทุกคนรู้ไหม?
ทุกคนควรรู้ว่าการอุทิศตัวนั้นจำเป็นสำหรับการเป็นสมาชิก ข้อกำหนดต่าง ๆ และคำอธิบายถึงกระบวนการเป็นสมาชิกควรจัดพิมพ์เป็นเอกสาร
(15) ข้อกำหนดการเป็นสมาชิกอนุญาตให้คนที่กลับใจมาเชื่อมีส่วนร่วมอย่างรวดเร็วไหม?
คนที่กลับใจมาเชื่อที่พร้อมอุทิศตัวต่อคริสตจักรควรสามารถช่วยคริสตจักรได้ทันที นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาควรได้รับตำแหน่งหรือมีความรับผิดชอบของผู้นำ แต่เขาควรรู้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักร
(16) มีกลุ่มใดที่รับผิดชอบในการรักษาค่านิยมและมาตรฐานของคริสตจักร?
มีกลุ่มสมาชิกที่อุทิศตัวในที่ประชุมนมัสการที่กำหนดธรรมชาติของคริสตจักร พวกเขาอาจเป็นคณะมัคนายกหรือเป็นกลุ่มสมาชิกที่ลงคะแนนเสียงซึ่งเรียกว่าเป็นโครงสร้างการปกครอง ผู้นำต้องใส่ใจเป็นพิเศษต่อการพัฒนากลุ่มนี้ การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มนั้นจะกำหนดอนาคตของคริสตจักร ศิษยาภิบาลต้องรับผิดชอบต่อพวกเขาและให้ข้อมูลข่าวสารแก่พวกเขา พวกเขาและทีมผู้นำต้องเป็นลำดับความสำคัญอย่างเดียวกันสำหรับคริสตจักร
(17) คริสตจักรร่วมอุทิศต่อนิมิตที่ชัดเจนไหม?
ศิษยาภิบาล ทีมผู้นำ และกลุ่มสมาชิกที่อุทิศตัวต้องใช้เวลามากในการพูดคุยถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของคริสตจักร พวกเขาควรพัฒนานิมิตของคริสตจักรที่พวกเขาสามารถสนับสนุนได้ ที่ประชุมคริสตจักรจำเป็นต้องคุ้นเคยกับนิมิตของคริสตจักร
(18) สมาชิกรู้ถึงหลักคำสอนของคริสตจักรไหม?
คริสตจักรต้องทำมากกว่าการนำผู้คนให้นมัสการและมีประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณ เมื่อคนภายนอกถามสมาชิกคนหนึ่งว่า “คริสตจักรของคุณเชื่ออะไร?” สมาชิกควรมีคำตอบที่ดี สมาชิกควรอธิบายหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนาคริสต์และหลักคำสอนพิเศษของคริสตจักรของพวกเขาได้
(19) สมาชิกเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรกับสังกัดนิกายของคริสตจักรไหม?
คริสตจักรควรอุทิศตัวต่อสมาพันธ์ของตน การสามัคคีธรรมในสมาพันธ์จะช่วยสนับสนุนหลักคำสอนของคริสตจักร คนของคริสตจักรควรได้รับการหนุนใจให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาพันธ์
(20) การประชุมนมัสการมีการวางแผนและประเมินอย่างไรบ้าง?
ผู้นำควรวางแผนอย่างจริงจังสำหรับการประชุมนมัสการ ถ้าหากพระวิญญาณบริสุทธิ์นำให้ที่ประชุมนมัสการไปในทิศทางที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน นั่นเป็นเรื่องดีเยี่ยม แต่ในอีกทางหนึ่ง ผู้นำควรมีแผนเพื่อจะปฏิบัติตาม ควรมีการประชุมที่ผู้นำหลายคนทำงานร่วมกันในรายละเอียดของรอบนมัสการ
ถ้าหากคริสตจักรมีการนมัสการที่ดี คนในที่ประชุมก็จะมีส่วนรวมและให้ความสนใจ คริสตจักรควรพยายามใช้หลายคนให้ทำหน้าที่แตกต่างกันในรอบนมัสการเพื่อรักษาความสนใจและการอุทิศตัวของผู้คนเอาไว้
(21) มีการประกอบพิธีบัพติศมาและมหาสนิทตามหลักการพระคัมภีร์และด้วยวิธีที่มีความหมายไหม?
ทุกคนที่กลับใจมาเชื่ออย่างแท้จริงควรพร้อมรับบัพติศมาหรือมีกำหนดให้รับบัพติศมาอีกไม่นาน พิธีมหาสนิทควรอนุญาตให้คนที่มีคำพยานแห่งพระคุณร่วมรับได้ ควรประกอบพิธีมหาสนิทด้วยวิธีที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้นมัสการ
(22) คริสตจักรมีการสร้างวินัยตามหลักพระคัมภีร์ไหม?
คริสตจักรควรยืนหยัดต่อต้านความบาป ถ้าหากสมาชิกของคริสตจักรทำบาป เขาต้องได้รับการเผชิญหน้า เป้าหมายคือเพื่อนำเขาให้กลับใจใหม่และนำกลับคืนสู่ชัยชนะฝ่ายวิญญาณ
(23) มีทีมที่รับผิดชอบร่วมกันในงานพันธกิจไหม?
พันธกิจจะไม่เติบโตนอกจากจะสร้างทีมผู้นำ แต่ละคนมีความจำกัดในด้านจำนวนคนที่เขามีอิทธิพลและจำกัดในด้านความสามารถแบกความรับผิดชอบ พันธกิจของคริสตจักรไม่ควรเป็นพันธกิจของคนเดียว
[3] (24) อะไรคือระบบในการเลือก ฝึกอบรม และเพิ่มสมาชิกเข้าสู่ทีมพันธกิจ?
พันธกิจไม่สามารถเติบโตโดยโดยปราศจากการพัฒนาสมาชิกใหม่สำหรับทีมผู้นำ สมาชิกที่จะเข้าร่วมทีมต้องได้รับการเลือกอย่างรอบคอบ แต่คริสตจักรต้องค้นหาและพัฒนาผู้คนที่สามารถรับผิดชอบได้ในอนาคต การเติบโตของพันธกิจขึ้นอยู่กับการพัฒนาผู้นำมากขึ้น
(25) อะไรคือระบบเพื่อตอบสนองต่อความขัดแย้งและปัญหาในคริสตจักร?
ความขัดแย้งที่ไม่ได้รับการแก้ไขทำให้คริสตจักรทรุดโทรมลงไป สมาชิกในคริสตจักรต้องได้รับการสอนถึงวิธีแก้ไขความขัดแย้งส่วนบุคคลกับผู้คนอื่น ๆ ผู้นำคริสตจักรต้องไม่เพิกเฉยต่อความขัดแย้ง แต่เตรียมพร้อมเพื่อช่วยให้เกิดการคืนดี
(26) คริสตจักรสนับสนุนมิชชันโดยการร่วมมือกันกับคริสตจักรอื่น ๆ ไหม?
ถ้าหากคริสตจักรต้องการสร้างอาณาจักรของพระเจ้าอย่างแท้จริง คริสตจักรจะไม่ทำงานเพียงเพื่อขยายผลของตนเอง แต่จะสนับสนุนพันธกิจอื่น ๆ คริสตจักรแสดงให้เห็นว่าตนได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าเมื่อถวายให้กับพันธกิจที่ไม่ได้ให้ผลประโยชน์ต่อคริสตจักร
(27) คริสตจักรช่วยให้คริสตจักรใหม่เริ่มต้นได้ไหม?
คริสตจักรที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ควรช่วยคริสตจักรที่ก่อตั้งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียง คริสตจักรที่ก่อตั้งใหม่จะเข้าถึงผู้คนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงได้โดยคริสตจักรที่ก่อตั้งแล้ว
(28) พันธกิจของคริสตจักรรับใช้คนทุกรุ่น ทุกรูปแบบ ในที่ประชุมของคริสตจักรไหม?
ความจำเป็นของเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น ครอบครัวที่พึ่งเริ่มต้น ผู้ชาย คนที่ไม่ได้แต่งงาน และคนอื่น ๆ ควรมีความสำคัญต่อคริสตจักร คริสตจักรควรคิดถึงความจำเป็นของผู้คนในหลายระดับการเติบโตฝ่ายวิญญาณ
(29) ผู้คนในที่ประชุมของคริสตจักรทำงานร่วมกันเพื่อใส่ใจดูแลสิ่งจำเป็นในชีวิตของสมาชิกไหม?
คริสตจักรต้องใส่ใจเกี่ยวกับความจำเป็นทางด้านการเงินของคนในคริสตจักร ความจำเป็นส่วนใหญ่ควรตอบสนองโดยการช่วยเหลือกันเองโดยไม่ต้องให้ผู้นำคริสตจักรมาบริหารจัดการ ถ้าสมาชิกส่วนใหญ่ไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในการช่วยเหลือคนอื่น พวกเขาก็ไม่ได้ถูกสร้างให้เป็นคริสตจักรที่มีความเป็นผู้ใหญ่
(30) คริสตจักรมั่นใจได้อย่างไรว่าความจำเป็นทางด้านการเงินของคนในคริสตจักรได้รับการตอบสนอง?
คริสตจักรควรมีมัคนายกที่คอยตรวจตราดูว่าความจำเป็นต่าง ๆ ได้รับการตอบสนอง คริสตจักรในพระธรรมกิจการแต่งตั้งมัคนายกเพื่อจุดประสงค์นี้
[1]
“ในบรรดาวิธีการทั้งหมดที่พระเจ้ากำหนดไว้เพื่อทำให้มิชชันของคริสเตียนสำเร็จนั้น การประกาศข่าวประเสริฐนับเป็นพันธกิจที่สำคัญสูงสุด”
- John Miley, Christian Theology
[2]
“พระเยซูก่อตั้งคริสตจักรโดยการทรงเรียกส่วนตัวและรวบรวมอัครทูตที่อยู่รอบตัวพระองค์ ฝึกอบรม สร้างวินัย และมอบหมายพันธกิจเพื่อการประกาศและทำพิธีศีลรำลึก โดยการแสดงเจตนาที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ของพระองค์ในการสร้างชุมชนที่มีอยู่ซึ่งได้รับฤทธิ์อำนาจ
และสิทธิอำนาจเพื่อให้บัพติศมา เทศนา สร้างวินัย
และฉลองมื้อปัสกากับองค์พระเจ้าผู้ฟื้นขึ้นมาแล้ว”
- Thomas Oden, Life in the Spirit
[3]
“ร่างกายเดียวกันที่ต่อสู้กับเทพผู้ครองและเทพผู้มีฤทธิ์ และซึ่งคาดหวังว่าจะมีความยากลำบากรุนแรงขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันก็มีชัยชนะแล้วโดยอาศัยความเป็นหนึ่งเดียวกันกับศีรษะของร่างกายซึ่งอยู่ในเมืองสวรรค์ ด้วยการตั้งตารอคอยความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมในองค์พระผู้เป็นเจ้า ในที่ที่ทุกคนผู้สัตย์ซื่อจะสรรเสริญพระเจ้าร่วมกันเมื่อวาระสุดท้าย”
- William Pope
Compendium of Christian Theology
Previous