คนที่มีภาษารักพื้นฐานคือคำพูดยืนยัน เขาจะรู้สึกได้รับความรักมากที่สุดเมื่อคนอื่นใช้คำพูดแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ หากภาษารักพื้นฐานของผู้หญิงคือคำพูดยืนยัน สามีของเธอสามารถแสดงความรักต่อเธอในขณะที่พูดคุยกับเธอหรือพูดเกี่ยวกับเธอได้ เขาสามารถเขียนข้อความถึงเธอโดยบอกเหตุผลเฉพาะเจาะจงบางอย่างที่เขาชื่นชมเธอ เขาอาจจะพูดคุยกับคนอื่นเกี่ยวกับอุปนิสัยหรืองานที่ดีของภรรยา เมื่อภรรยาของเขาได้ยินคำพูดของเขา เธอก็รู้สึกว่าได้รับความรักและการเห็นคุณค่า
เราอาจขอคำแนะนำจากเพื่อนเพื่อเป็นวิธีการยืนยันถึงคุณค่าของพวกเขาได้ ยกตัวอย่างเช่น...
	
	“คุณมีมุมมองที่เป็นประโยชน์เสมอ ฉันอยากรู้ความคิดของคุณเกี่ยวกับเรื่อง...”
	 
	
	“คุณมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ และฉันอยากขอคำแนะนำจากคุณ”
	 
	
	“คุณรู้ดีเกี่ยวกับเรื่อง.........มากกว่าฉัน ถ้าคุณมีข้อเสนอหรือคำแนะนำให้กับฉัน ฉันยินดีมากที่จะฟัง”
	 
 
ทุกคำพูดยืนยันจะต้องพูดด้วยความจริงใจ มิฉะนั้นจะไม่มีประโยชน์หรือเป็นอันตรายด้วยซ้ำ คำพูดยืนยันที่ไม่จริงใจทำให้ความสัมพันธ์อ่อนแอลง คำพูดเหล่านั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ดังนั้นผู้ฟังจึงไม่สามารถเชื่อถือแรงจูงใจของผู้พูดได้
คำพูดยืนยันที่จริงใจพูดตรงกับความเป็นจริง ไม่ใช่คำเสแสร้งหรือพูดเกินจริง การยืนยันอย่างจริงใจแสดงออกมาจากใจ สิ่งที่พูดคือสิ่งที่ผู้พูดรู้สึกและเชื่ออย่างแท้จริง
คำพูดยืนยันสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคตได้ แต่ไม่ควรเป็นการควบคุม เราไม่ควรพยายามควบคุมคนอื่นด้วยคำพูดยืนยัน
► ให้นักศึกษาคนหนึ่งเป็นตัวแทนกลุ่ม อ่าน เอเฟซัส 4:29 มีคำอธิบายอะไรในที่นี่เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่สมควรพูด? คำพูดของเราควรบรรลุผลเป็นอะไร? มีบางคำพูดที่เหมาะสมกับสถานการณ์หนึ่งแต่ไม่เหมาะกับอีกสถานการณ์หนึ่งใช่ไหม?
สิ่งที่เราพูดกับผู้อื่นควรเหมาะสมและสุภาพเสมอ สิ่งที่เราพูดควรเปิดโอกาสให้พระเจ้าได้ทำงานในชีวิตของคนที่เรากำลังพูดคุยด้วย สิ่งที่เราพูดควรจะสร้างสรรค์ไม่ใช่ทำลาย ควรส่งเสริมสุขภาพและการเยียวยา และไม่เคยสร้างความเสียหาย
เรื่องต่าง ๆ ที่ใช้ในการยืนยืน 
มีรูปแบบคำพูดที่แตกต่างกันในการยืนยัน ไม่ใช่ทุกคำพูดยืนยันจะมีคุณค่าหรือความสำคัญอย่างเดียวกัน คำพูดยืนยันที่มีคุณภาพสูงกว่าย่อมต้องใช้ความคิดและความพยายามจากคนที่พูดมากกว่า มันอาจทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องพูดในบางครั้ง แต่คำเหล่านั้นสื่อสารความรักได้อย่างแข็งแกร่งและมีความหมายมากที่สุด
การชมเชยรูปลักษณ์ภายนอก 
การชมเชยรูปลักษณ์ภายนอกของใครบางคนเป็นวิธีการอย่างหนึ่งในการให้คำยืนยัน โดยเฉพาะเมื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของความพยายามของพวกเขาหรือวิธีการที่พวกเขาแสดงออกผ่านทางบุคลิกภาพของพวกเขา อย่างไรก็ตาม การชมเชยรูปลักษณ์ภายนอกของใครบางคนเป็นการยืนยันแบบตื้นเขิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันไม่เกี่ยวข้องกับเอกลักษณ์แท้จริงของคนนั้นเลย
คนที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษซึ่งมักได้รับคำชมก็มักจะไม่มั่นใจกับรูปร่างหน้าตาของตนเอง เพราะพวกเขาเริ่มรู้สึกว่าคุณค่าของตัวเองขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น และพวกเขาคิดว่ามันควรจะได้รับการทำให้สมบูรณ์แบบ
คุณค่าของบุคคลไม่ได้ถูกกำหนดโดยความน่าดึงดูดใจ นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดในสิ่งที่แต่ละบุคคลสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงความน่าดึงดูดทางกายของตนเอง เพราะเหตุนี้เอง การยืนยันแบบนี้จึงไม่ควรใช้มากเกินไป
การชื่นชมความสำเร็จและการรับใช้ 
อีกวิธีหนึ่งในการยืนยันใครบางคนด้วยคำพูดคือการชมเชยเขาสำหรับความสำเร็จและผลงานของเขา ผู้พูดใช้เวลาในการแสดงความขอบคุณต่อสิ่งที่อีกฝ่ายทำ แทนที่จะเหมารวมการกระทำของเขา
ตัวอย่าง
	
	ภรรยาชมเชยสามีที่บรรลุเป้าหมายที่ยากในการทำงานของเขา
	 
	
	สามีสังเกตและขอบคุณภรรยาสำหรับการช่วยเหลือเขาในการทำโครงการที่เขาทำอยู่
	 
	
	สมาชิกครอบครัวชมเชยคนที่ทำอาหารอร่อยให้กิน
	 
 
เมื่อชมเชยผลงานหรือความสำเร็จ พยายามหลีกเลี่ยงการทำให้คนนั้นคิดว่าความรักของคุณขึ้นอยู่กับผลงานของเขา ยกตัวอย่างเช่น การบอกลูกของคุณว่าคุณภูมิใจเพราะเขาสอบได้คะแนนดีทำให้เขารู้สึกว่าคุณจะรักเขาน้อยลงหากคะแนนของเขาต่ำ วิธีหนึ่งในการยืนยันถึงคุณค่าของคนคือการพูดว่า “พ่อดีใจที่ลูกทำคะแนนได้ดีในการสอบ พ่อภูมิใจที่ลูกรับผิดชอบในการเรียนและทำอย่างดีที่สุด” อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณทำสิ่งนี้ อย่าลืมที่จะชมเชยความสำเร็จที่สำคัญสำหรับพวกเขาด้วย
รับรู้ถึงคุณลักษณะชีวิตและความพยายาม 
เป็นการดีที่สุดที่จะยืนยันคุณลักษณะชีวิตของบุคคลและความพยายามที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ แทนที่จะยืนยันผลงานที่ดีเท่านั้น ตัวอย่างเช่น นักกีฬาที่เป็นเด็กควรได้รับคำชมเชยในเรื่องความอุตสาหะและทัศนคติที่ดีมากกว่าการชนะการแข่งขัน น้อยคนนักที่จะเก่งในการผลิตผลงานได้เสมอไป แต่คน ๆ หนึ่งสามารถเลือกที่จะแสดงคุณลักษณะชีวิตที่ดีได้ และคุณลักษณะชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การเฉลิมฉลองให้ใครบางคนเพราะสิ่งที่เขาเป็น  
การยืนยันที่ดีที่สุดคือการรับรู้ถึงคุณลักษณะชีวิตของบุคคล ได้แก่ คุณสมบัติส่วนบุคคล ลักษณะนิสัย และลักษณะบุคลิกภาพ การยืนยันประเภทนี้แข็งแกร่งกว่าการยืนยันถึงความสำเร็จ เพราะมันขึ้นอยู่กับคุณค่าของตัวบุคคล ไม่ใช่จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้
ตัวอย่าง
สิ่งที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับคำยืนยันประเภทนี้คือการรับรู้ว่าพระเจ้าทำงานอย่างไรในชีวิตของใครบางคน ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นดั่งที่เป็นอยู่หรือทำสิ่งบางอย่างได้
ตัวอย่าง
	
	“ฉันชอบที่ได้เห็นพระเจ้าใช้คุณเป็นพรต่อชีวิตของคนหนุ่มสาวที่คุณเป็นพี่เลี้ยง พวกเขาคนหนึ่งบอกผมว่าเธออยากมีชีวิตอยู่เพื่อพระเยซูเพราะเฝ้าดูชีวิตของคุณ!”
	 
	
	“ฉันเชื่อว่าพระเจ้ากำลังจะช่วยเหลือคุณด้วยภารกิจที่ท้าทายนี้ที่คุณได้รับมอบหมาย ฉันจะอธิษฐานเผื่อคุณ!”
	 
 
การแสดงความยินดีและขอบคุณสำหรับการอยู่ด้วยและความสัมพันธ์ของบุคคลหนึ่งเป็นการใช้คำพูดยืนยันที่หนักแน่นอย่างหนึ่ง เพราะเป็นการแสดงถึงคุณค่าของบุคคลนั้น
ตัวอย่าง
ข้อควรระวังที่สำคัญเกี่ยวกับคำพูดยืนยัน 
1. ห้ามวิพากษ์วิจารณ์หรือเยาะเย้ยลักษณะทางกายภาพของบุคคล ผู้คนมีลักษณะทางกายภาพติดตัวไปตลอดชีวิต อย่าตั้งชื่อเล่นให้ใครตามลักษณะทางกายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อบกพร่อง
2. การยืนยันจุดแข็ง คุณสมบัติ และพฤติกรรมที่ดีจะกระตุ้นให้ผู้ฟังดำเนินต่อไปและเติบโตในสิ่งเหล่านั้น การชี้ให้เห็นข้อบกพร่องไม่ค่อยช่วยอะไร
3. การให้คำแนะนำสามารถบ่งบอกถึงความผิดของผู้ฟังได้ การยืนยันสามารถช่วยให้บุคคลหนึ่งรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นขณะรับคำแนะนำ หากคุณต้องการให้คำแนะนำใครสักคน ให้กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นพร้อมกับคำแนะนำ
4. ข้อเสนอแนะในรูปแบบการบ่นย่อมไม่จูงใจ ตัวอย่างเช่น การบอกว่างานควรจะทำเสร็จแล้ว หรือการแสดงความลำบากใจที่ใครบางคนไม่ทำก็ไม่มีประโยชน์ ข้อความเหล่านี้ทำให้บุคคลนั้นรู้สึกเหมือนว่าเขาล้มเหลวไปแล้ว ถ้าเขาทำงานล่าช้า เขาก็จะยังรู้สึกว่าเขาล้มเหลวไปแล้ว
คำพูดทำร้ายจิตใจ 
คนที่ต้องการคำพูดยืนยันมากที่สุดจะเป็นคนที่เจ็บปวดมากที่สุดกับคำพูดในลักษณะตรงกันข้าม การวิพากษ์วิจารณ์สร้างความเจ็บปวดเป็นพิเศษและทำให้เขาสงสัยคุณค่าของตัวเองในฐานะบุคคลหนึ่ง คำพูดที่ฉุนเฉียวและโกรธทำให้เกิดการบาดเจ็บทางอารมณ์ซึ่งบุคคลอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้พูดไม่เข้าใจถึงความเจ็บปวดจากคำพูดของเขาและไม่เคยขอโทษเลย
เช่นเดียวกับคำพูดยืนยันที่หนักแน่นที่สุดเกี่ยวข้องกับคุณค่าของบุคคล คำกล่าวที่เลวร้ายที่สุดและทำร้ายจิตใจมากที่สุดคือการโจมตีตัวบุคคล เช่น “ฉันไม่น่าได้เจอคนอย่างคุณเลย”
คำกล่าวที่แย่กว่านั้น คือคำกล่าวที่ประกาศบางสิ่งเกี่ยวกับคุณลักษณะสำคัญของบุคคลนั้นว่า “คุณเป็น ____” คำกล่าวที่สร้างความเสียหายเกี่ยวกับพฤติกรรมรวมถึงคำกล่าวที่ขึ้นต้นด้วย “คุณ ____ เสมอ” หรือ “คุณไม่เคย ____” คำกล่าวเหล่านี้บอกเป็นนัยว่าบุคคลนั้นไม่น่าจะปรับปรุงได้เนื่องจากมีข้อบกพร่องที่สำคัญและไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
หากมีใครได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความบาดเจ็บในภาษารักพื้นฐานของเขา โดยธรรมชาติแล้วเขาจะพยายามถอยห่างเพื่อจะไม่ต้องบาดเจ็บเพิ่มอีก คนที่ใช้คำพูดเชิงลบมักจะไม่มีคำพูดเชิงบวกสักเท่าไร ดังนั้นผู้ฟังจึงมีความหวังเพียงเล็กน้อยว่าเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นโดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตน เขาจะไม่มีแรงจูงใจเพื่อปรับปรุงพฤติกรรมของตนเพื่อที่จะได้รับความรัก
บางครั้งคนที่โกรธก็พูดทำร้ายจิตใจเพราะอยากทำร้ายใครสักคน บางครั้งผู้พูดมีเจตนาดีแต่คำพูดกลับยังทำร้ายจิตใจ บางคนใช้คำพูดเชิงลบเพื่อพยายามบังคับให้บางคนประพฤติตัวดีขึ้น แต่นั่นแทบจะไม่ได้ผลเลย
► ให้นักศึกษาคนหนึ่งเป็นตัวแทนกลุ่ม อ่าน โคโลสี 3:8 ผู้เชื่อต้องไม่ทำบาปอย่างต่อเนื่องกับพระเจ้าและกับคนอื่น ๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next