►  มีบางคนเขียนหนังสือเรื่อง เด็กเป็นปูนเปียก  (Children Are Wet Cement)  คุณคิดว่าชื่อเรื่องนั้นหมายถึงอะไร?
พ่อแม่ควรตระหนักว่าลูก ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและตัดสินใจว่าอะไรสำคัญในขณะที่พวกเขายังเป็นเด็ก คุณลักษณะชีวิตถูกหล่อหลอมในขณะที่ลูกยังเป็นเด็ก
การสร้างสาวกส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนที่เด็กจะเข้าสู่วัยรุ่น เป้าหมายในการรู้พระคัมภีร์ เป้าหมายด้านคุณลักษณะชีวิต และบุคลิกภาพ สังคม และนิสัยฝ่ายวิญญาณควรได้รับการพัฒนาก่อนจะเข้าสู่วัยรุ่น
แม้กระทั่งก่อนอายุห้าขวบ เด็กก็ได้เรียนรู้ขั้นเบื้องต้นว่าผู้คนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร และพฤติกรรมแบบไหนที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เขาต้องการ เขารู้ว่าจะคาดหวังความเป็นธรรมได้หรือไม่ และรู้ว่าการลงโทษและการให้รางวัลเกิดขึ้นสม่ำเสมอไหม เขารู้ว่าเขาได้รับความรักหรือไม่ เขารู้ว่าความรู้สึกของเขาสำคัญต่อผู้อื่นหรือไม่ เขารู้ว่าเขาสามารถได้รับการอภัยเมื่อเขาทำผิดไหม เขาได้เรียนรู้ที่จะยอมรับหรือซ่อนความผิดพลาดและบาปของเขา เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าผู้มีสิทธิอำนาจสามารถเป็นที่ไว้วางใจให้ดูแลเขาและรักษาสัญญาได้ไหม
ลูกเรียนรู้จากคำพูดและแบบอย่างของพ่อแม่ แม้ว่าพ่อแม่ไม่ได้พยายามสอนเขาก็ตาม (เอเฟซัส 5:1) แบบอย่างของผู้ใหญ่จัดเตรียมแนวคิดเกี่ยวกับชีวิตให้กับเด็ก ๆ เด็ก ๆ เรียนรู้ว่าสิ่งไหนสำคัญโดยการมองดูว่าอะไรสำคัญสำหรับผู้ใหญ่ เด็ก ๆ เรียนรู้วิธีปฏิบัติต่อผู้อื่น การตอบสนองต่อสถานการณ์ และการทำตามความรับผิดชอบโดยการสังเกตดูผู้ใหญ่ การศึกษานี้เริ่มต้นเมื่อเด็กคนหนึ่งเกิดมา
บางครั้งพ่อแม่คิดว่าพวกเขาสอนลูกเฉพาะตอนที่พวกเขาอธิบายให้ลูกรู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไรก็ตามพ่อแม่สอนลูกตลอดเวลาในขณะที่ลูกเฝ้าสังเกตพวกเขา
เด็กเฝ้าดูผู้ใหญ่และเรียนรู้วิธีตอบสนองต่อความตึงเครียด เขาเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวต่อคนแปลกหน้า เขาเรียนรู้วิธีปฏิบัติต่อคนที่ฐานะต่ำกว่า เขาเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ เขาเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อความต้องการของคนอื่น พ่อแม่สอนอยู่เสมอในขณะที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังสอนอยู่
ถ้าเด็กถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอดเวลา เขาจะเรียนรู้ที่จะซ่อนข้อผิดพลาด หาข้อแก้ตัว และตำหนิผู้อื่น เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะกล่าวโทษ เสแสร้ง และปิดบัง หากมีความขัดแย้งในบ้านอยู่ตลอดเวลา เขาจะขี้อายหรือก้าวร้าว ถ้าสมาชิกในครอบครัวเยาะเย้ยเขา เขาอาจถอนตัวจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหรือระรานผู้อื่น ถ้าพ่อแม่ของเขาทำให้เขารู้สึกละอายใจอยู่เสมอ เขาจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรู้สึกผิด โดยไม่เคยรู้สึกว่าเขาได้รับการยอมรับจากพระเจ้า หากเขาไม่สามารถบรรลุมาตรฐานพฤติกรรมที่พ่อแม่เรียกร้องได้ ในที่สุดเขาก็จะกบฏ และอาจเข้าร่วมกลุ่มกบฏอื่น ๆ ที่เข้ามาแทนที่ครอบครัวของเขา
ถ้าผู้คนอดทนกับเขา เขาก็จะเรียนรู้ที่จะอดทนกับผู้อื่น หากมีคนให้กำลังใจ เขาก็มั่นใจที่จะลอง หากเขาได้รับการยกย่อง เขาจะรู้สึกมีคุณค่าและเต็มใจที่จะให้ความน่าเชื่อถือแก่ผู้อื่น ถ้าเขาเห็นความยุติธรรมเขาก็ต้องการความยุติธรรม
ถ้าพ่อแม่เองแหกกฎแต่จะทำให้ลูกเชื่อฟัง ลูกจะคิดว่าสักวันหนึ่งเขาก็จะโตพอที่จะแหกกฎด้วย ถ้าพ่อแม่ไม่เมตตาผู้อื่น ลูกก็อาจหวังว่าจะเข้มแข็งพอที่จะไม่เมตตาผู้อื่น ถ้าพ่อแม่คิดว่าปัญหาและความต้องการของลูกไม่สำคัญ ลูกก็จะคิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถดูแลตัวเองและไม่สนใจความต้องการของผู้อื่นได้
พ่อแม่ควรแสดงถึงการยอมจำนนต่อพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ ลูก ๆ ของพวกเขาควรรู้ว่าพ่อแม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า หากพ่อแม่แสดงให้เห็นว่าความประสงค์ของเขาเองสำคัญกว่าสิทธิอำนาจของพระเจ้า ลูก ๆ ของเขาก็จะคาดหวังที่จะดำเนินชีวิตแบบเดียวกัน บ่อยครั้งที่พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกรู้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจและปัจจัยที่ต้องพิจารณา สิ่งนี้สอนให้ลูกรู้วิธีตัดสินใจ
ลูก ๆ เรียนรู้เมื่อพ่อแม่เล่นกับพวกเขา พวกเขาควรเรียนรู้ถึงความเป็นธรรม การคำนึงถึง และการตอบสนองต่อผู้อื่น เกมพัฒนาทักษะของลูก วัตถุประสงค์ของเกมสำหรับครอบครัว ได้แก่ การเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง และความสุขในการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว การแข่งขันในเกมครอบครัวเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรมีวัตถุประสงค์เพื่อครอบงำผู้อื่นซึ่งทำให้ผู้ชนะรู้สึกสนุกกับการเหนือกว่า คำถามที่ต้องพิจารณาระหว่างเล่นเกมคือ “ทุกคนสนุกกับเกมหรือเปล่า?” หากมีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่สนุกกับเกม แสดงว่ามีจุดประสงค์ที่ผิด หากผู้คนรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดในระหว่างเล่นเกม แสดงว่าเกมนั้นไม่ได้ให้ตอบสนองตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง
พ่อแม่จะแสดงคุณค่าของลูกเมื่อพวกเขาให้เวลาเพื่อทำกิจกรรมของลูก พ่อแม่ควรช่วยลูกทำโครงงานโรงเรียน ประดิษฐ์หรือซ่อมแซมของเล่น จัดพื้นที่ส่วนตัวให้ลูกในบ้าน ฟังเรื่องราวและมุกตลกของเขา และปลอบโยนเมื่อเขาอารมณ์เสีย
พ่อแม่ควรรู้จักครูของลูกที่โรงเรียน พวกเขาควรเข้าร่วมการประชุมตามกำหนดการกับครูเพื่อรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกเมื่ออยู่ในโรงเรียน ทั้งพ่อและแม่ควรไปด้วยกันหากเป็นไปได้ ถ้าพ่อไม่ไปก็ดูเหมือนมีเรื่องอื่นสำคัญกว่าลูก พ่อแม่ควรถามคำถามครูเกี่ยวกับผลการเรียนและสิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน ครูมีแนวโน้มที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเด็กและปกป้องเด็กจากการถูกทำร้ายหากพวกเขารู้ว่าพ่อแม่สนใจ
คนที่อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวก็รู้จักกันเป็นอย่างดี พวกเขาเรียนรู้ความต้องการและข้อบกพร่องของกันและกัน พวกเขาสามารถรักกันและแสดงความรักนั้นได้มากกว่าที่คนอื่นในโลกแสดง ถ้าพวกเขาไม่รักกันก็จะทำร้ายกันได้มากกว่าคนอื่นมาทำร้าย บางคนปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัวแย่กว่าที่พวกเขาปฏิบัติต่อคนแปลกหน้า บ้านของคริสเตียนควรเป็นสถานที่ซึ่งแสดงความอดทน การให้อภัย ความเอาใจใส่ และความเมตตากรุณา
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next