พระคัมภีร์บอกเราว่า “ความโง่ติดอยู่ในใจเด็ก…” (สุภาษิต 22:15) ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่าเด็ก ๆ เกิดมาก็พูดคำมุสา “...เขาทำผิดมาตั้งแต่เกิด คือพูดมุสา” (สดุดี 58:3) เพราะนี่คือความจริง พ่อแม่จึงมีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขลูกของตน
หากคุณเสนอทางเลือกให้เด็กอายุ 3 ขวบเลือกระหว่างกินไอศกรีมชามหนึ่งตอนนี้หรือเป็นเจ้าของโรงงานไอศกรีมในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เขาจะเลือกกินไอศกรีมตอนนี้ แม้ว่าพ่อแม่จะอธิบายทางเลือกต่าง ๆ ให้ฟัง แต่ตอนนี้ลูกก็จะเลือกไอศกรีมถ้าหากเขาตัดสินใจด้วยตัวเองจริง ๆ ภาพนี้แสดงให้เราเห็นว่าคำอธิบาย ไม่เพียงพอที่จะปรับปรุงแก้ไขเด็ก
การอธิบายถึงสิ่งถูกต้องและสิ่งที่ผิดไม่เพียงพอในการแก้ไขปรับปรุงเด็กเพราะเหตุผลต่อไปนี้
1. เด็กไม่สามารถเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ (1 โครินธ์ 13:11)
2. เด็กไม่สามารถมองเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดจากการกระทำของเขาในระยะยาว
3. เด็กไม่เติบโตพอที่จะควบคุมแรงกระตุ้นและความปรารถนาของตัวเองให้เป็นไปตามเหตุผล
การสร้างความเจ็บปวดทางกายให้ลูกอาจดูโหดร้าย แต่พ่อแม่ที่รักจะทำเพื่อป้องกันอันตรายซึ่งเลวร้ายกว่านั้น: “คนที่สงวนไม้เรียวก็เกลียดบุตรชายของตน แต่คนที่รักเขาย่อมหมั่นตีสอนเขา” (สุภาษิต 13:24) ตัวอย่างเช่น เด็กเล็กที่เล่นใกล้ไฟอาจตกลงไปและได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเขาไม่เข้าใจถึงอันตราย แต่ถ้าแม่ตีเขาเมื่อเขาเข้าใกล้ไฟมากเกินไป ความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ป้องกันความเจ็บปวดครั้งใหญ่ได้
บางคนเคยถูกทำร้ายร่างกายจากคนที่ไม่ได้รักพวกเขา ประสบการณ์ของพวกเขาทำให้พวกเขาเกลียดความคิดของคนที่ลงโทษเด็กทางร่างกาย อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ที่ละเลยการแก้ไขอย่างถูกต้อง จะทำให้ลูกเดือดร้อนมากมายในภายหลัง
►  ให้นักศึกษาบางคนเป็นตัวแทนกลุ่มอ่าน สุภาษิต 19:18 และสุภาษิต 29:17
การปรับปรุงแก้ไขควรเริ่มต้นเมื่อลูกโตพอที่จะเข้าใจว่าเขากำลังต่อต้านพ่อแม่ แม้เด็กเล็กมาก ๆ คนหนึ่งก็รู้เมื่อเขากำลังปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ
การปรับปรุงแก้ไขส่วนใหญ่จะต้องทำให้สำเร็จในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็กและอ่อนเยาว์ (สุภาษิต 22:15) เหมือนกับดินเหนียวที่มีเวลาแข็งตัวและปั้นให้เป็นรูปแบบที่ต้องการได้ยาก คุณลักษณะชีวิตของเด็กก็ปั้นได้ยากหากเวลาผ่านไป ถ้าเด็กคนหนึ่งไม่เชื่อฟังพ่อแม่อย่างต่อเนื่องจนเลยอายุ 10 ขวบ พ่อแม่จะไม่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงแก้ไขพวกเขาเลย และโอกาสที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จสูงสุดก็จะลดน้อยลงไปมาก การปรับปรุงแก้ไขทางร่างกายจะมีประสิทธิภาพน้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเด็กอายุมากขึ้น เป็นความผิดพลาดของพ่อแม่ที่จะคิดว่าการปรับปรุงแก้ไขจะง่ายขึ้นเมื่อลูกโตขึ้น มันจะยิ่งยากขึ้นจนถึงกับเป็นไปไม่ได้เลย
เมื่อเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ เขาหรือเธอจะไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขทางร่างกายได้เหมือนตอนเป็นเด็ก ชายหนุ่มหรือหญิงสาวจำเป็นต้องได้รับความเคารพแม้ว่าพฤติกรรมของพวกเขาจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่ก็ตาม พ่อแม่อาจใช้การปรับปรุงแก้ไขรูปแบบอื่น เช่น การจำกัดความบันเทิงของเด็ก จำกัดเวลาใช้โทรศัพท์ หรือจำกัดกิจกรรมทางสังคม แต่การสื่อสารด้วยความรักและอย่างระมัดระวังจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พ่อแม่ต้องตระหนักว่าคนที่เป็นวัยรุ่นกำลังตัดสินใจอย่างแท้จริง และถึงแม้พ่อแม่จะมีอิทธิพล แต่พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เด็กวัยรุ่นใช้ความตั้งใจส่วนตัวและรับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจได้
พ่อแม่บางคนไม่แน่ใจว่าควรจะรุนแรงแค่ไหนเมื่อลงโทษเด็ก หากเด็กยังแสดงท่าทีโกรธและดื้อรั้นหลังการปรับปรุงแก้ไข การลงโทษก็ยังไม่รุนแรงเพียงพอ (หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับเด็กที่อายุมากเกินกว่าจะแก้ไขด้วยการลงโทษทางร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ) การแก้ไขควรรุนแรงพอที่จะทำให้เด็กเสียใจกับการไม่เชื่อฟังและเลือกที่จะยอมจำนนต่อสิทธิอำนาจ การปรับปรุงแก้ไขไม่ควรทำให้เกิดการบาดเจ็บ การแก้ไขที่ทำให้เกิดรอยช้ำหรือรอยบนผิวหนังที่คงอยู่เกินสองสามนาทีอาจรุนแรงเกินไป
พระคมภีร์ใช้ภาพตัวอย่างเกี่ยวกับการลงโทษทางร่างกายเพื่ออธิบายวิธีการที่พระเจ้าจัดการกับลูก ๆ ของพระองค์
►  ให้นักศึกษาบางคนเป็นตัวแทนกลุ่มอ่าน สุภาษิต 3:11-12 และฮีบรู 12:5-8
ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้บอกเราว่าพระเจ้าตีสอนลูก ๆ ของพระองค์เพราะพระองค์รักพวกเขา ในทำนองเดียวกัน พ่อตีสอนลูกชายก็เพราะเขารักเขา การตีสอนที่เหมาะสมเป็นสัญญาณของความรัก การขาดการตีสอนคือการขาดความรัก
การปรับปรุงแก้ไขทางร่างกายสอนให้เด็กรู้จักการควบคุมตนเองเพราะเขาเรียนรู้ที่จะต้านทานการล่อใจให้ทำบาป โดยรู้ว่าเขาจะถูกลงโทษถ้าเขาทำผิด ขณะที่เขาต่อต้านการล่อใจให้ทำผิด เขาจะพัฒนาคุณลักษณะชีวิตที่แข็งแกร่งขึ้น เมื่อเขาโตเต็มที่ เขาจะต่อต้านสิ่งล่อใจเพราะเขาเข้าใจผลที่ตามมา ไม่ใช่เพราะการลงโทษทางร่างกาย อย่างไรก็ตาม เด็กที่ไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างสม่ำเสมอ จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่อ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานสิ่งล่อใจ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ดีสำหรับเขาก็ตาม
ลองนึกภาพพ่อแม่ที่ให้ลูกกินแต่ลูกกวาดเพราะลูกอยากกิน เขาไม่ต้องการทำให้ลูกไม่มีความสุข แต่เขากำลังทำร้ายลูก ในทำนองเดียวกัน พ่อแม่ที่ยอมแพ้ต่อพฤติกรรมของลูกอยู่เสมอ ก็กำลังทำร้ายคุณลักษณะชีวิตและสภาวะในอนาคตของลูก พระคัมภีร์ยังบอกด้วยว่าพ่อแม่เกลียดลูกถ้าพ่อแม่ไม่ปรับปรุงแก้ไขลูก (สุภาษิต 13:24)
เด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านซึ่งไม่มีขอบเขตย่อมไม่มีความสุข ขอบเขตนำมาซึ่งความปลอดภัย ถ้าเด็กเรียนรู้ว่าได้สิ่งที่ต้องการจากการทะเลาะวิวาท เขาจะทำมันตลอดเวลา แต่เขาจะไม่มีความสุข เด็ก ๆ จะมีความสุขเมื่อพวกเขาปลอดภัยและอยู่ในขอบเขตที่กำหนด โดยไม่รู้สึกว่าต้องต่อสู้และต่อต้านการควบคุมเพื่อที่จะได้สิ่งใด ๆ เด็กที่ไม่ได้รับการสร้างวินัยก็ไม่ค่อยมีความสุข
เมื่อเด็กเป็นผู้ใหญ่ โลกจะไม่ให้สิ่งที่เขาต้องการ เขาจะไม่ได้รับความเคารพและการเลื่อนตำแหน่งหากเขาเป็นคนหยาบคาย เห็นแก่ตัว และขาดความรับผิดชอบ พ่อแม่ควรเลี้ยงดูลูกในลักษณะที่เตรียมเขาให้พร้อมสำหรับชีวิต พ่อแม่ต้องจำไว้ว่าพวกเขาไม่ได้เลี้ยงเด็กให้เป็นเด็ก แต่พวกเขากำลังเลี้ยงดูเด็กให้เป็นผู้ใหญ่
พ่อแม่ควรอธิบายและแสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงแก้ไขลูก ๆ ของตน มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ลูกพัฒนาเป็นคนมีคุณลักษณะชีวิตที่ดีที่สามารถไว้วางใจและน่าเคารพนับถือ
►  ให้นักศึกษาบางคนเป็นตัวแทนกลุ่มอ่าน สุภาษิต 22:15, สุภาษิต 23:13-14, และสุภาษิต 29:15
โปรดจำไว้ว่าวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงแก้ไขคือเพื่อพัฒนาเด็ก เมื่อเด็กเข้าใจถึงความผิดที่เขาทำและขอโทษแล้ว การปรับปรุงแก้ไขทางร่างกายก็อาจไม่จำเป็น วัตถุประสงค์คือการปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่เพื่อความยุติธรรม พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกได้รับการลงโทษที่เขาสมควรได้รับไหม
►  การปรับปรุงแก้ไขพ่อแม่แตกต่างจากการกระทำของบุคคลที่รังแกและขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายเพื่อให้ผู้อื่นทำตามที่เขาต้องการอย่างไร?
คนที่ใช้ความรุนแรงเต็มใจทำร้ายผู้อื่นเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ พ่อแม่รักลูกของเขา การปรับปรุงแก้ไขร่างกายเป็นไปเพื่อประโยชน์ของลูก พ่อแม่ที่รักไม่ต้องการทำร้ายลูก คนเราไม่สามารถรู้สึกได้ว่าคนที่รังแกหรือกดขี่จะรักเขา แต่เด็กสามารถรู้ว่าเขาได้รับความรัก แม้ว่าเขาจะถูกตีสอนอยู่ก็ตาม เขาสามารถตระหนักได้ว่าชีวิตของเขาดีขึ้นเพราะสิทธิอำนาจของพ่อแม่
พ่อแม่บางคนลงโทษอย่างรุนแรงและไม่คงเส้นคงวาเนื่องจากความโกรธหรือความโหดร้าย พวกเขาทำให้ลูกบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ พวกเขาลงโทษลูก ๆ ของตนเพื่อบรรเทาความเครียดและความผิดหวังในชีวิต นี่เป็นปัญหาร้ายแรงที่ผู้อื่นซึ่งมองเห็นไม่ควรยอมรับ ทั้งเพื่อน เพื่อนบ้าน และญาติควรเผชิญหน้ากับบุคคลที่ทำร้ายเด็ก คู่สมรสของพ่อหรือแม่ที่ใช้ความรุนแรงควรขอความช่วยเหลือจากญาติ เพื่อน หรือศิษยาภิบาล การปกป้องเด็กเป็นสิ่งสำคัญ
►  พ่อแม่บางคนทำให้ลูกอับอายขายหน้าต่อหน้าคนอื่นเมื่อลูกทำผิด นี่เป็นวิธีการปรับปรุงแก้ไขที่ดีหรือไม่?
►  ให้นักศึกษาคนหนึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มอ่าน เอเฟซัส 6:4
ลูกต้องแน่ใจว่าพ่อแม่รักเขาและการปรับปรุงแก้ไขนั้นเป็นประโยชน์ต่อเขา เมื่อลูกถูกพ่อแม่ทำให้อับอายขายหน้า เขาก็ไม่รู้สึกว่าได้รับความรัก เขาอาจจะขมขื่นและรู้สึกว่าสิทธิอำนาจของพ่อแม่เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่เขาต้องหนีให้พ้น พ่อแม่ควรปรับปรุงแก้ไขลูก ๆ เป็นการส่วนตัว และหลีกเลี่ยงการทำให้พวกเขาอับอายต่อหน้าคนอื่น พ่อแม่ควรสั่งสอนและปรับปรุงแก้ไขลูกด้วยความอ่อนโยนและอดทน[1]  สุภาษิต 16:21ข บอกเราว่า “...วาจาแช่มชื่นเพิ่มอำนาจการสั่งสอน”
►  ลองนึกภาพว่าคุณบอกให้ลูกดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณ เมื่อกลับถึงบ้านตอนเย็น คุณเห็นว่าไม่มีการให้อาหารสัตว์ คุณเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน แต่คุณต้องมาให้อาหารสัตว์ก่อนจะพักผ่อนเพราะว่าลูกไม่เชื่อฟังคุณ คุณควรโกรธไหม? ผิดไหมที่พ่อแม่จะโกรธลูก?
พ่อแม่ควรจำไว้ว่าการปรับปรุงแก้ไขควรจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก เมื่อพ่อแม่โกรธเพราะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเคารพ หรือเพราะการไม่เชื่อฟังของลูกทำให้เขาไม่สะดวกสบาย เขาก็มีความโกรธชนิดที่ไม่สามารถทำสิ่งดีอะไรได้แล้ว (ยากอบ 1:20) ความโกรธของเขาเป็นการเอาแต่ใจตัวเอง
พ่อแม่อาจแสดงความโกรธที่เหมาะสมในลักษณะนี้ “ลูกชาย ลูกไม่ให้อาหารสัตว์เลี้ยงตามที่พ่อบอก มันหิว แล้วก็คงจะหิวทั้งคืนถ้าพ่อไม่ให้อาหารมัน พ่อต้องให้อาหารมันแม้พ่อจะเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน พ่อโกรธเพราะไม่อยากให้ลูกเป็นคนที่เมินเฉยต่อความต้องการของผู้อื่นโดยการละเลยความรับผิดชอบของลูก สุภาษิต 12:10 สอนว่า ‘คนชอบธรรมย่อมห่วงใยชีวิตสัตว์ของเขา แต่ความสงสารของคนอธรรมคือความดุร้าย’”
รีเบคก้าบอกลูก ๆ ของเธอว่า อย่าเอาอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปในห้องที่มีพรมใหม่อยู่บนพื้น วันรุ่งขึ้นเธอเห็นลูกคนหนึ่งกินอาหารอยู่ที่นั่น เธอจึงดุลูกคนนั้น ต่อมาลูกอีกคนก็เดินไปบนพรมโดยถือแก้วน้ำผลไม้ แล้วเธอก็ดุเขา ตลอดสองสามวันต่อมา บางครั้งลูก ๆ ก็เอาเครื่องดื่มเข้าไปในห้องนั้น แต่รีเบคกายุ่งและไม่ปรับปรุงแก้ไขพวกเขา วันหนึ่งลูกชายของเธอทำโคคา-โคล่าหกบนพรม รีเบคก้าโกรธและตีเขา
► วิธีการปรับปรุงแก้ไขลูกของรีเบคก้า มีอะไรผิดพลาด?
กฎของรีเบคก้าคือ ลูกๆ ไม่ควรเอาอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปในห้องที่มีพรม แต่แล้วเธอก็อดทนต่อการละเมิดกฎของพวกเขาจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ เธอลงโทษเพราะอุบัติเหตุมากกว่าเพราะการละเมิดกฎ สิ่งนี้จะเป็นการสอนลูก ๆ ว่าพวกเขาสามารถฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถป้องกันผลที่ไม่ดีที่ตามมาได้ ความคิดนี้พัฒนานิสัยที่ไม่ดีเพราะเป็นพื้นฐานของการละเมิดกฎทั้งหมด คนฝ่าฝืนกฎเพราะเขาคิดว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการและหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่ดี พ่อแม่ควรปรับปรุงแก้ไขการไม่เชื่อฟังแทนที่จะลงโทษเด็กเพราะเกิดอุบัติเหตุ
ไมเคิลบอกให้ลูกชายเก็บจักรยานในตอนเย็นเสมอ ในแต่ละวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เมื่อไมเคิลกลับมาบ้าน จักรยานก็ยังอยู่ข้างนอก วันหนึ่งในที่ทำงาน ไมเคิลสูญเสียเครื่องมือไปหนึ่งชิ้น นิ้วของเขาเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ และยางแบนขณะขับรถกลับบ้าน เมื่อเขากลับถึงบ้าน จักรยานก็ยังอยู่ข้างนอก และเขาก็ลงโทษลูกชาย
► วิธีการปรับปรุงแก้ไขลูกของไมเคิล มีอะไรผิดพลาด?
พ่อแม่จำนวนมากอดทนต่อการไม่เชื่อฟังเมื่อพวกเขาอารมณ์ดี และลงโทษการไม่เชื่อฟังเมื่อเขาโกรธเนื่องจากสถานการณ์ในชีวิต ลูก ๆ จะไม่เรียนรู้ที่จะเชื่อฟังจนกว่าพ่อแม่จะปรับปรุงแก้ไขพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
► ขอให้ดูประเด็นต่าง ๆ ต่อไปนี้และอธิบายว่าทำไมแต่ละประเด็นจึงสำคัญ อะไรจะเกิดขึ้นหากพ่อแม่ไม่ทำตามคำแนะนำเหล่านี้?
	
	ข้อกำหนดควรเหมาะสมกับความสามารถและวุฒิภาวะของเด็ก
	 
	
	ลงโทษเฉพาะการตั้งใจไม่เชื่อฟัง ไม่ใช่อุบัติเหตุ
	 
	
	กฎเกณฑ์และข้อกำหนดควรมีความชัดเจนและเข้าใจได้
	 
	
	เมื่อลูกไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ควรอธิบายถึงสิ่งที่เด็กควรทำ
	 
	
	อย่าลงโทษเด็กด้วยบางเรื่องที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
	 
 
 
[1] แม้ว่า 2 ทิโมธี 2:24-25 และปฐมกาล 6:1 ถูกเขียนขึ้นเป็นคำสั่งสอนเพื่อจัดการกับความบาปในคริสตจักร คำสั่งสอนนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความอดทนและอ่อนสุภาพในขณะทำการปรับปรุงแก้ไขคนที่ทำผิด สามารถนำมาใช้กับการเป็นพ่อแม่ได้ด้วย
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next