► เปิดพระคัมภีร์ไปที่ปฐมกาลเอาไว้ในขณะที่เราศึกษาเรื่องของอาดัมกับเอวา และอับราฮัมกับซาราห์
งานแต่งงานครั้งแรก 
อาดัมกับเอวาเป็นครอบครัวมนุษย์ครอบครัวแรก คือมีสามีหนึ่งคนและภรรยาหนึ่งคน ผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคนที่แต่งงานกัน ในงานแต่งงานครั้งแรก อาดัมกล่าวว่า “นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะเรียกคนนี้ว่าหญิง เพราะคนนี้ออกมาจากชาย” (ปฐมกาล 2:23)
ข้อถัดมาให้ความหมายการแต่งงานตามหลักการพระคัมภีร์ว่า “เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” (ปฐมกาล 2:24) วลีเดียวกันนี้ถูกกล่าวซ้ำในพันธสัญญาใหม่ใน มัทธิว 19:5 และเอเฟซัส 5:31 ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชายและหญิงคือคำมั่นสัญญาที่ไม่มีเงื่อนไข เป็นคำสัญญาต่อพระเจ้าและมนุษย์ที่จะคงอยู่ชั่วชีวิต 
การแต่งงานเป็นสิ่งมหัศจรรย์สามประการคือ เป็นปาฏิหาริย์ในทางชีวภาพที่คนสองคนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นความมหัศจรรย์ทางสังคมที่ทำให้สองครอบครัวได้รับการต่อกิ่งเข้าด้วยกัน เป็นการอัศจรรย์ในทางจิตวิญญาณที่ความสัมพันธ์ในการแต่งงานเป็นภาพของความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระคริสต์กับเจ้าสาวของพระองค์คือคริสตจักร[1] 
 
การแต่งงานสะท้อนความสัมพันธ์ในตรีเอกานุภาพ 
[2] การแต่งงานถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าและความสัมพันธ์ของพระองค์ พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร และพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ดำรงอยู่มาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และจะดำรงอยู่ตลอดไปในความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน แต่ละพระภาคต่างมีบทบาทที่เจาะจงของพระองค์ แต่ทุกพระภาคของตรีเอกานุภาพเป็นหนึ่งเดียวอย่างถาวรและไม่สามารถแบ่งแยกได้ ในความสัมพันธ์ระหว่างพระภาคในตรีเอกานุภาพ เราเห็นความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความสนิทสนม ความสัตย์ซื่อ และความรักมั่นคง การแต่งงานตามหลักการพระคัมภีร์ได้รับการวางแบบแผนตามอย่างความสัมพันธ์อันอัศจรรย์นี้ แผนการของพระเจ้าเพื่อให้สามีแต่ละคนและภรรยาแต่ละคนมีความรักที่บริสุทธิ์และอุทิศตัวต่อกันไปตลอดชีวิต
ความสัมพันธ์ในการแต่งงานของมนุษย์ควรสะท้อนความสัมพันธ์ภายในตรีเอกานุภาพด้วยวิธีต่อไปนี้
1. การแต่งงานเป็นพันธสัญญาแบบไม่มีเงื่อนไขและเป็นข้อผูกมัดต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
2. การแต่งงานเป็นความสัมพันธ์ของความรักที่ยอมสละตัวเอง
3. การแต่งงานเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดผล
คำสั่งแรก 
ช่วงการแต่งงานครั้งแรกที่พระเจ้าเป็นผู้จัดงานเอง
พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขา ตรัสกับพวกเขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด” (ปฐมกาล 1:28)
 
จงมีลูกดกทวีเป็นคำสั่งแรกที่พระเจ้าให้ไว้ในพระคัมภีร์ การแต่งงานถูกออกแบบมาให้เป็นความสัมพันธ์แบบเกิดผลในความรักที่ยอมสละตนเอง  การสืบพันธุ์ในการแต่งงานนั้นถวายเกียรติแด่พระผู้สร้าง ในฐานะที่สามีภรรยาร่วมกัน ส่งเสริมงานสร้างสรรค์ของพระเจ้า และทำให้มีคนมากขึ้นเข้าสู่ความสัมพันธ์ในครอบครัว นี่เป็นสิทธิพิเศษและเป็นความรับผิดชอบ!
► ให้นักศึกษาคนหนึ่งเป็นตัวแทนกลุ่ม อ่าน สดุดี 127:3-5 พระคัมภีร์ตอนนี้ใช้ภาษาภาพเพื่ออธิบายถึงลูก ๆ อะไรคือภาษาภาพนั้น? บนพื้นฐานของภาษาภาพเหล่านี้ เราควรคิดเกี่ยวกับลูก ๆ ของเราอย่างไร?
พระคัมภีร์แสดงให้เราเห็นว่าลูก ๆ เป็นของขวัญ เป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่า พวกเขาไม่ควรถูกคิดว่าเป็นเพียงผลผลิตของความสัมพันธ์ทางเพศ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมในการปฏิสนธิของเด็กจะเป็นที่พึงปรารถนาและชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม พระผู้ประทานชีวิตก็ตั้งใจให้มีการปฏิสนธินั้นและให้เด็กแต่ละคนเกิดมา ซึ่งรวมทั้งคุณและผมด้วย พระเจ้ามีวัตถุประสงค์สำหรับแต่ละคนโดยไม่ขึ้นอยู่สภาพแวดล้อมในการเกิดของเขาคนนั้น
ใช่ ลูก ๆ คือของขวัญจากพระเจ้า แต่พวกเขาก็เป็นของขวัญที่พ่อแม่มอบให้พระเจ้าด้วยเช่นกัน
พระองค์ทรงทำให้เขาทั้งสองเป็นอันเดียวกันมิใช่หรือ แต่เขายังมีลมปราณแห่งชีวิตอยู่ และทำไมเป็นอันเดียวกัน เพราะพระองค์ทรงประสงค์เชื้อสายที่ตามทางของพระเจ้า ดังนั้นจงเอาใจใส่ต่อจิตวิญญาณของเจ้าให้ดี อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้น (มาลาคี 2:15 ฉบับไทยคิงส์เจมส์)
 
ลูกคือความไว้วางใจที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าคาดหวังให้พ่อแม่เลี้ยงลูกของตนเพื่อให้ลูก ๆ บรรลุความประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเขาเอง พระเจ้าต้องการใช้ลูกของเราเพื่อความก้าวหน้าของอาณาจักรของพระองค์ (ปฐมกาล 18:19) พระเจ้าไว้วางใจเราในการเตรียมลูก ๆ ของเราให้มีชีวิตแห่งการรับใช้พระองค์ (เฉลยธรรมบัญญัติ 6:2) เราไม่ได้เลี้ยงพวกเขาให้รับใช้เราหรือเพื่อทำให้ความฝันของเราสำเร็จ เราควรมองดูพวกเขาเป็นดั่งลูกศรที่จะยิงไปยังเป้าหมายที่พระเจ้ามีไว้สำหรับพวกเขา
การล้มลงในบาปและความแตกสลายของครอบครัวมนุษย์ 
ในปฐมกาลบทที่ 3 ครอบครัวเดียวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกลับล้มลงสู่สภาพที่แตกสลายและต้องการพระผู้ช่วยให้รอดอย่างที่สุด อาดัมและเอวาทำบาป และคำแช่งสาปแห่งความตายตกมาเหนือมวลมนุษย์ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันของอาดัมและเอวาถูกทำลายอย่างถาวร และพวกเขาถูกแยกขาดจากพระเจ้า
ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต้องทุกข์ทรมานกับคำแช่งสาปที่เพิ่มเข้ามาต่อไปนี้
	
	ความเจ็บปวดจากการคลอดบุตร
	 
	
	สามีจะใช้อำนาจในทางที่ผิด
	 
	
	ภรรยาจะไม่เชื่อฟังและไม่ให้ความเคารพ
	 
	
	การงานจะทำให้ผิดหวังและยากลำบาก[3] 
	 
 
แผนการที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้าสำหรับครอบครัวถูกบิดเบือนไปเพราะผู้คนยอมรับคำโกหกของซาตาน
ปฐมกาล 4 ยังคงเปิดเผยความแตกสลายของครอบครัวมนุษย์ที่ล้มลงในความบาป
สังเกตในปฐมกาล 4:1 การตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรครั้งแรก ข้อนี้ครอบคลุมช่วงเวลาเก้าเดือนคือระหว่างการปฏิสนธิของเด็กกับการกำเนิดของเด็ก ขอหยุดเพื่อลองคิดถึงช่วงตั้งครรภ์เก้าเดือนนั้นว่าจะเป็นอย่างไรสำหรับเอวา เมื่อเธอพยายามแบ่งรับแบ่งสู้กับความกลัวและความยินดีร่วมกับอาดัม ไม่มีใครให้คำแนะนำ ไม่มีคำตอบหากมีคำถาม ครรภ์ที่ขยายใหญ่ขึ้น ลูกดิ้นเตะในท้อง และกระบวนการคลอดพร้อมกับการบีบตัวของมดลูกกับความเจ็บปวดที่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของมนุษย์ที่เป็นแม่คนแรก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเอวาทำไมจึงพูดตอนที่คาอินเกิดว่า “ฉันได้รับผู้ชายคนหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของพระยาห์เวห์” (ปฐมกาล 4:1)
เวลาผ่านไป และในข้อถัดไป เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ครั้งที่สองและการคลอดบุตร ตอนนี้อาดัมและเอวามีคนในครอบครัวสี่คน ช่วงครึ่งหลังของข้อเดียวกันเป็นบทสรุปอาชีพของลูกชาย ในข้อ 3 เด็กผู้ชายเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และในข้อต่อ ๆ ไป เราจะอ่านเรื่องราวอันน่าสลดใจของการฆาตกรรมครั้งแรก ลูกชายคนโตของอาดัมและเอวาฆ่าน้องชายของเขาด้วยความโกรธและความอิจฉา คุณนึกภาพความตกใจสุดขีด ความเสียใจ คำถามต่าง ๆ ความเจ็บปวดและทรมานใจได้ไหม?
คำตอบของคุณสำหรับคำถามเหล่านั้นอาจเป็น “ใช่! ฉันนึกภาพได้ อันที่จริง ฉันเคยเจออะไรคล้ายๆ กัน!” ฉันขอให้กำลังใจคุณ: คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ครอบครัวของคุณกู้กลับคืนมาได้! มีข่าวดีสำหรับทุกครอบครัว
กอร์ดอน เวนแฮม เขียนว่า...
…เรื่องราวในปฐมกาล…เป็นเรื่องราวของพระคุณที่มีชัยชนะแม้มนุษย์จะมีบาป พระคุณมีชัยชนะแม้ในครอบครัวที่แตกแยกเพราะบาป พระธรรมนี้เริ่มต้นด้วยการบรรลุขั้นสูงในการสร้างโลกด้วยการสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระเจ้า และพระเจ้าประกาศว่าทุกสิ่งที่พระองค์สร้างนั้นดีมาก…. มีเพียงในบทที่ 3 เท่านั้นที่สิ่งต่างๆ เริ่มผิดพลาด ด้วยการไม่เชื่อฟัง [ความขัดแย้ง] และความตายเข้ามาแทนที่การเชื่อฟัง ความปรองดอง และในบทที่ 4 ที่ชีวิต สิ่งต่าง ๆ ก็แย่ลง … และมาถึง [จุดต่ำสุดใน] บทที่ 6 ที่โลกนี้ถูกกล่าวถึงว่าเต็มไปด้วยความโหดร้าย … (ปฐมกาล 6:11, 13)[4] 
 
 
[1] The Woman’s Study Bible , (Thomas Nelson, Inc., 1995), 9
 
[2] 
“การแต่งงานคือ… การแสดงให้เห็นพระลักษณะของพระเจ้าในฐานะผู้ตั้งพันธสัญญาและผู้รักษาพันธสัญญาที่ยิ่งใหญ่ ในพันธสัญญา องค์ประกอบที่สำคัญคือความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ ไม่ใช่อารมณ์”
- Robertson McQuilkin,  
บทนำของจริยธรรมตามพระคัมภีร์ 
 
[3] สิ่งสำคัญคือต้องชี้ให้เห็นว่า
การคลอดบุตร ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคำสาป 
ความเจ็บปวด ในการคลอดบุตรเป็นผลมาจากคำสาปแช่ง แต่การคลอดบุตรนั้นเป็นแผนการที่น่าอัศจรรย์ของพระเจ้าในการสร้างคนรุ่นต่อไป ทั้ง
งาน ไม่ใช่คำสาป แต่
ความยาก ของงานต่างหากคือคำสาป อันที่จริง คำสั่งที่พระเจ้าให้ไว้กับอาดัมและเอวาในปฐมกาล 1:28 บ่งบอกว่าเราถูกสร้างมาให้ทำงาน! การทำงานเป็นวิธีหนึ่งที่เราสะท้อนพระฉายของพระเจ้า
 
[4] Gordon Wenham writing in 
Family in the Bible , edited by Richard S. Hess and M. Daniel Carroll R., Grand Rapids, MI: Baker Academic, 2003, 29
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next