พระเยซูจะเสด็จกลับมาโดยที่ทุกคนบนโลกนี้สามารถมองเห็นได้ แม้ว่าพระองค์ดำรงอยู่ในฝ่ายวิญญาณกับผู้เชื่อบนโลกนี้เวลานี้ แต่พระองค์จะกลับมาด้วยกายที่ฟื้นขึ้นมาและเต็มไปด้วยสง่าราศีต่อหน้าทุกคนบนโลกนี้[1] 
► อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา?
การเสด็จกลับมาของพระคริสต์จะเป็นฉากสำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์ของโลกนี้ อาณาจักรต่าง ๆ ของโลกนี้จะกลายเป็นอาณาจักรของพระคริสต์ บรรดาคนที่ได้สัตย์ซื่อต่อพระองค์จะได้รับรางวัลและเกียรติ คนเหล่านั้นที่กบฏต่อพระองค์จะถูกโยนลงไป และพระองค์จะมีอำนาจที่จะเอาชนะเหนือศัตรูทั้งหมด[2]  ทุกหัวเข่าจะคุกลงกราบ และทุกลิ้นจะสารภาพว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า[3] 
คริสเตียนที่ตายไปแล้วจะเป็นขึ้นมาเพื่อครอบครองร่วมกันกับพระคริสต์[4]  พวกเขาและผู้เชื่อที่มีชีวิตอยู่จะขึ้นไปเพื่อพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์ปรากฎ[5] 
การเสด็จกลับมาของพระเยซูเป็นความหวังที่เป็นพระพรของคริสเตียนทุกคน[6]  คิดถึงความหมายทั้งหมดของการเสด็จกลับมาของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการสิ้นสุดของการข่มเหง การทนทุกข์ และความเศร้าโศก ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมกันกับธรรมิกชนและคริสเตียนที่เป็นที่รัก ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์ว่าความเชื่อของเราไม่สูญเปล่า ไม่ว่าจะเป็นสายตาของพระเยซูที่มองมา ไม่ว่าจะเป็นการได้เข้าในสวรรค์และเต็มบริบูรณ์อยู่ในชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการเสด็จกลับมาของพระองค์ แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลความจริงว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาตามที่ทรงสัญญาไว้  
พระเยซูตรัสว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาด้วยฤทธิ์อำนาจและสง่าราศี[7]  พระองค์สัญญาว่าจะเสด็จมาและรับประชากรของพระองค์ไปอยู่กับพระองค์[8]  ทูตสวรรค์ทั้งหลายกล่าวว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาแบบเดียวกันกับที่พระองค์ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์[9]  พวกอัครทูตเทศนาเรื่องการกลับใจใหม่ในขณะที่กำลังรอคอยพระคริสต์เสด็จกลับมาเพื่อสถาปนาแผนการอันสูงสุดของพระเจ้าสำหรับโลกนี้[10]  คือพระเยซูจะเสด็จกลับมายังโลกนี้อีกด้วยฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีซึ่งในพันธสัญญาใหม่ได้สอนเรื่องนี้ไว้หลายต่อหลายครั้ง[11] 
แม้ว่าจะมีหมายสำคัญเกิดขึ้นในการเสด็จมาครั้งที่สอง เราไม่สามารถรู้เวลาแน่นอนว่าเป็นเวลาใดที่พระองค์จะเสด็จกลับมา การที่ผู้เชื่อตั้งตารอคอยการเสด็จมาของพระเยซูและดำเนินชีวิตที่รอคอยอย่างเหมาะสมย่อมเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้เชื่อเอง[12] 
► ทำไมพระเยซูต้องเสด็จกลับมา?
เราอาศัยอยู่ในโลกที่คนส่วนใหญ่กบฏต่อพระเจ้า สิ่งทรงสร้างทั้งหมดต้องทนทุกข์จากคำแช่งสาปเนื่องจากบาป โลกจะไม่มีวันถูกทำให้สมบูรณ์แบบได้โดยปฏิบัติการทางการเมือง โดยการปฏิรูปสังคม โดยการศึกษาสูง หรือโดยเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองได้ พระเยซูจะเข้ามาในโลกที่พระองค์สร้างนี้ทันทีในฐานะกษัตริย์ที่กลับมาเพื่อทำให้โลกถูกต้อง
มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป แต่ถ้าพวกเขาเต็มใจเข้าร่วมอาณาจักรของพระเจ้าเวลานี้ พวกเขาก็จะสามารถรอดพ้นจากการพิพากษาที่จะมาถึง อาณาจักรของพระเจ้ากำลังเกิดขึ้นอยู่ท่ามกลางบรรดาคนที่กลับใจใหม่และเชื่อ[13]  อาณาจักรนั้นจะมาอย่างบริบูรณ์และเปิดเผยอย่างเต็มที่ในเวลาที่พระเยซูเสด็จกลับมา
► เราควรดำเนินชีวิตอย่างไรในเมื่อเรารู้ว่าพระเยซูกำลังกลับมา?
เราต้องระลึกถึงลำดับความสำคัญต่าง ๆ ของคริสเตียนยุคแรก เราถูกเรียกให้รักษาความเชื่อของเราและ “อดทนจนถึงที่สุด” เราได้รับคำเตือนว่าอย่ายอมให้ความพึงพอใจและสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้มาทำให้เราหลงลืมเกี่ยวกับการเสด็จกลับมานั้น[14]  เราใช้ชีวิตตามคุณค่านิรันดร์เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้จะสูญสลายไป เราถูกสอนให้ “เฝ้าดู” แต่ไม่ใช่การนั่งจ้องมองดูท้องฟ้าจนเห็นพระองค์ปรากฏ แต่เป็นการเฝ้าดูในฝ่ายวิญญาณเพื่อการเสด็จมาของพระองค์จะไม่เป็นการมาในขณะที่เราเองไม่เตรียมพร้อม[15]  เราอธิษฐานของความบริสุทธิ์และดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์เพราะเราต้องการเป็นเหมือนพระองค์[16] 
คนที่ใช้ชีวิตเหมือนพระองค์จะไม่เสด็จมาก็จะไม่พร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระองค์[17]  การเสด็จมาของพระเยซูจะเป็นเหมือนฟ้าแล่บ[18]  ที่เกิดขึ้นทันทีซึ่งไม่มีใครที่จะมีเวลาเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้นหลังจากพระองค์ปรากฏ
เรารอคอยการเสด็จมาของพระองค์โดยการ
	รักษาลำดับความสำคัญของนิรันดร์ 
	ดำเนินชีวิตในความบริสุทธิ์ และ 
	เฝ้าระวังฝ่ายวิญญาณโดยการอธิษฐาน 
 
 
[1]  อ่าน วิวรณ์ 1:7
[2]  อ่าน มัทธิว 26:64
[3]  ฟิลิปปี 2:10
[4]  2 ทิโมธี 2:12
[5]  1 เธสะโลกนิกา 4:16-17
[6]  อ่าน ทิตัส 2:13
[7]  มัทธิว 24:30
[8]  ยอห์น 14:3
[9]  กิจการ 1:11
[10]  อ่าน กิจการ 3:19-21
[11]  1 เธสะโลนิกา 4:15-16; 2 เธสะโลนิกา 1:7, 10; ทิตัส 2:13; ฮีบรู 9:28; ยากอบ 5:7-8; 1 เปโตร 1:7, 13; 2 เปโตร 1:16, 3:4, 12; 1 ยอห์น 2:28
[12]  อ่าน มาระโก 13:33-37
[13]  มาระโก 1:14-15, 9:1
[14]  ลูกา 21:34-36
[15]  มาระโก 13:33-37 คำกรีกที่ใช้สำหรับ “เฝ้าดู” ไม่ได้หมายถึงการจ้องมองบางสิ่งบางอย่าง แต่เป็นการเฝ้าระวัง
[16]  1 ยอห์น 3:3
[17]  1 เธสะโลนิกา 5:1-6 แสดงให้เห็นว่าคนที่อยู่ในความมืด ใช้ชีวิตอยู่เพื่อโลกนี้ จะเป็นคนที่ต้องตกตะลึงในการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับเราแล้ว พระองค์จะไม่เสด็จกลับมา “เหมือนขโมย”
[18]  มัทธิว 24:27; 1 โครินธ์ 15:52
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next