ความมั่นใจส่วนบุคคลว่าได้รับความรอดเป็นใจความสำคัญอย่างหนึ่งในจดหมายฝาก 1 ยอห์น  ยอห์นบอกเหตุผลในการเขียนจดหมายนี้ว่า “ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้มาถึงท่านทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า เพื่อท่านจะรู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร์” (5:13)
► คนๆ หนึ่งควรทำอะไรถ้าหากเขาสงสัยเกี่ยวกับความรอด?
อัครทูตรู้ว่าจะมีเวลาที่ผู้เชื่อคนหนึ่งจำป็นต้องมั่นใจว่าเขาได้รับความรอดแล้ว ยอห์นจึงแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมหากผู้เชื่อมองหาหลักฐานยืนยันเพื่อให้ความมั่นใจแก่เขา  ตลอดจดหมายทั้งฉบับ ยอห์นยกตัวอย่างหลักฐานยืนยันโดยกล่าวว่า “เช่นนี้แหละเราจึงรู้ว่า”[1]  เขาพูดว่าผู้เชื่อสามารถใช้หลักฐานยืนยันนี้ให้ความมั่นใจได้[2] 
คุณลักษณะของผู้เชื่อที่ได้รับการเน้นตลอดจดหมายฝาก 1 ยอห์นคือชัยชนะเหนือความบาป ฐานะปกติของผู้เชื่อคือชีวิตที่เป็นอิสระจากการตั้งใจทำบาป อัครทูตกล่าวว่า “ลูกที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านเช่นนี้เพื่อท่านจะไม่ทำบาป” (2:1) โดยคำกล่าวเช่นนี้ อัครทูตแสดงให้เห็นว่าผู้เชื่อควรดำเนินชีวิตที่ปราศจากการตั้งใจทำบาป และเขาพูดว่าเขากำลังเขียนเพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญของการดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะ
“แต่ถ้าผู้ใดทำบาป เราก็มีพระองค์ผู้ทูลแก้ต่างต่อพระบิดาเพื่อเราทั้งหลาย คือพระเยซูคริสต์องค์ผู้ชอบธรรม พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเราทั้งหลาย และไม่ใช่เพียงบาปของเราเท่านั้นแต่บาปของคนทั้งโลกด้วย” (2:1ก-2)
ในที่นี้ เขาตระหนักว่าความบาปอาจเกิดขึ้นแม้ว่ามันไม่จำเป็นต้องเกิด เขาให้ความมั่นใจแก่เราว่าถ้าหากผู้เชื่อทำบาป การถวายเครื่องบูชาของพระคริสต์สามารถลบล้างบาปนั้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้เชื่อสามารถกลับไปทำบาปและได้รับการยกโทษโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องกลับใจใหม่ ข้อพระคัมภีร์นี้บอกว่าเครื่องบูชานั้นพร้อมแล้วสำหรับคนทั้งโลก เรารู้ว่าคนทั้งโลกไม่ได้รอดโดยอัตโนมัติ การที่ความบาปใดๆ จะได้รับการยกโทษจำเป็นจะต้องมีการกลับใจใหม่ ไม่ว่าคนที่ทำบาปนั้นจะเป็นผู้เชื่อหรือไม่ก็ตาม ถ้าหากผู้เชื่อทำบาป เขาต้องกลับใจใหม่เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า
ข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้จากพระธรรม 1 ยอห์น แสดงให้เห็นว่าเอกลักษณ์สำคัญของผู้เชื่อคือชัยชนะเหนือการตั้งใจทำบาป ข้อความในวงเล็บคือความคิดเห็นเพิ่มเติม
"ถ้าเราเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ [คนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าก็ขาดหลักฐานยืนยัน]  เราก็รู้แน่ว่าเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่พูดว่า “เรารู้จักพระองค์” แต่ไม่ทำตามสิ่งที่ทรงบัญชา ผู้นั้นก็โกหกและความจริงไม่ได้อยู่ในเขาเลย” (2:3-4)
"ทุกคนที่ทำบาปย่อมละเมิดบทบัญญัติ อันที่จริงบาปก็คือการละเมิดบทบัญญัติ แต่ท่านทั้งหลายรู้ว่าพระองค์ได้มาเพื่อขจัดบาปของเราและในพระองค์ไม่มีบาป ไม่มีใครที่อยู่ในพระองค์แล้วยังทำบาปต่อไป คนที่ทำบาปต่อไปก็ยังไม่ได้เห็นและไม่ได้รู้จักพระองค์” (3:4-6)
"ลูกที่รัก อย่าปล่อยให้ใครมาชักจูงท่านให้หลงผิด ผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้องก็เป็นคนชอบธรรม [ไม่ใช่คนที่ถูกนับว่าชอบธรรมในขณะที่ยังคงทำบาป] เหมือนที่พระองค์ทรงชอบธรรม ผู้ที่ทำบาปก็มาจากมารเพราะมารทำบาปมาตั้งแต่ปฐมกาล เหตุที่พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาก็คือเพื่อทำลายกิจการของมาร” (3:7-8)[3] 
"ไม่มีใครที่เกิดจากพระเจ้าแล้วยังคงทำบาปต่อไป เพราะเมล็ดพันธุ์ของพระเจ้าดำรงอยู่ในเขา เขาไม่อาจทำบาปต่อไปเพราะเขาได้บังเกิดจากพระเจ้า” (3:9)
"ผู้ใดเชื่อฟังพระบัญชา ผู้นั้นก็อยู่ในพระองค์และพระองค์ทรงอยู่ในผู้นั้น [ถ้าหากเขาหยุดเข้าสนิทในพระคริสต์ เขาจะทำบาป ถ้าหากเขาทำบาป เขาได้หยุดเข้าสนิทในพระคริสต์] เช่นนี้เราจึงรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ในเรา คือเรารู้โดยพระวิญญาณที่พระองค์ได้ประทานแก่เรา” (3:24)
"เช่นนี้แหละเราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นบุตรของพระเจ้า คือโดยการรักพระเจ้าและทำตามพระบัญชาของพระองค์ การรักพระเจ้าคือการเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า [ความรักที่แท้จริงย่อมจูงใจให้เชื่อฟัง การไม่เชื่อฟังแสดงให้เห็นถึงการขาดซึ่งความรัก]” (5:2-3)
"เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าย่อมชนะโลก [การล่อลวงและวิญญาณของโลก] และความเชื่อของเรานี่แหละคือชัยชนะที่พิชิตโลก” (5:4)
“เรารู้ว่าทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่พระองค์ผู้ทรงบังเกิดจากพระเจ้าทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา” (5:18)
► อะไรคือคุณลักษณะพิเศษของผู้เชื่อที่เห็นได้ชัดจากข้อพระคัมภีร์นี้?
จากข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าคุณลักษณะที่พิเศษของผู้เชื่อคือการที่เขาดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า ชัยชนะเหนือความบาปคือสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ของผู้เชื่อ
 
[1]  1 ยอห์น 2:3, 2:5, 2:29, 3:10, 3:14, 3:19, 3:24, 5:2, 5:18
[2]  1 ยอห์น 1:9
[3]  ความบาปในที่นี้ผมหมายถึงความบาปภายนอกที่เกิดขึ้นตามธรรมดาของโลก เช่น การตั้งใจละเมิดสิ่งที่ได้รับการเปิดเผยคือกฎบัญญัติของพระเจ้าที่ถูกเขียนเอาไว้ ละเมิดคำสั่งของพระเจ้าซึ่งเป็นที่รู้กันดีในขณะที่มีการละเมิดนั้น “ใครก็ตามที่บังเกิดจากพระเจ้า” ในขณะที่เขาดำเนินชีวิตในความเชื่อและในความรัก และในวิญญาณแห่งการอธิษฐานกับขอบพระคุณ ย่อมไม่เพียงแค่ไม่ทำ แต่ไม่สามารถทำบาปเช่นนี้ได้ ตราบใดที่เขาเชื่อในพระเจ้าผ่านทางพระคริสต์ และรักพระองค์ และเทใจให้กับพระองค์ เขาไม่สามารถตั้งใจละเมิดคำสั่งใดๆ ของพระเจ้าได้” - จอห์น เวสเล่ย์ “สิทธิพิเศษยิ่งใหญ่ของคนที่บังเกิดจากพระเจ้า”
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next