การลงโทษบนโลกนี้จะมีจุดสิ้นสุด แม้การตายจากโลกนี้ดูเหมือนจะเป็นจุดจบของคนที่ได้รับการลงโทษ แต่พระเยซูอธิบายว่ามีการลงโทษที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นนิตย์ พระองค์ตรัสว่า...
“พวกท่านผู้ถูกแช่งสาปจงถอยไปจากเราและเข้าไปอยู่ในไฟที่ไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและบริวารของมัน... และคนเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่บรรดาคนชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์” (มัทธิว 25:41, 46)
พระเยซูและพวกอัครทูตยืนยันว่านรก บึงไฟ และการลงโทษนิรันดร์นั้นมีจริง อันที่จริงพระเยซูพูดถึงนรกมากกว่าสวรรค์ด้วยซ้ำ พระองค์เตือนเราให้หลีกเลี่ยงจากสถานที่อันเลวร้ายนี้ ต่อไปนี้คือถ้อยคำของพระเยซูและพวกอัครทูต
“ถ้าตาข้างขวาของท่านทำให้ตัวท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย เพราะว่าถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ดีกว่าตัวท่านจะต้องลงนรก ถ้ามือข้างขวาของท่านทำให้ตัวท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย เพราะถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ดีกว่าตัวท่านจะต้องลงนรก” (มัทธิว 5:29-30)
“ในเวลาสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น ทูตสวรรค์ทั้งหลายจะออกมาแยกพวกคนชั่วออกจากคนชอบธรรม แล้วจะทิ้งลงในเตาไฟที่ลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” (มัทธิว 13:49-50)
พระเยซูพูดกับพวกฟาริสีว่า “เจ้าพวกงู พวกชาติงูร้าย  เจ้าจะพ้นโทษนรกได้อย่างไร?” (มัทธิว 23:33)  
“และเมื่อเขาเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในแดนคนตาย เขาแหงนหน้าดู เห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสก็อยู่กับท่าน เศรษฐีจึงร้องว่า ‘อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าต้องทุกข์ระทมอยู่ในเปลวไฟนี้’” (ลูกา 16:23-24) 
อัครทูตเปาโลเขียนไว้ว่าพระเยซูจะ “….ปรากฏจากสวรรค์ พร้อมกับหมู่ทูตสวรรค์ผู้มีฤทธิ์ของพระองค์ ด้วยเปลวเพลิง พระองค์จะลงโทษสนองคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า และคนที่ไม่ดำเนินชีวิตตามข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คนเหล่านั้นจะได้รับโทษ อันเป็นความพินาศนิรันดร์และพรากจากพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และจากพระสิริแห่งพระกำลังของพระองค์” (2 เธสะโลนิกา 1:7-9)
“เพราะว่าถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงยกเว้นพวกทูตสวรรค์ที่ได้ทำบาปนั้น แต่ได้ทรงผลักพวกเขาลงไปในอเวจี และได้ล่ามพวกเขาด้วยโซ่แห่งความมืดมิด คุมไว้จนถึงเวลาพิพากษา” (2 เปโตร  2:4)
“ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์…และถ้าพบว่าใครไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต เขาก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ” (วิวรณ์ 20:10, 15)
สังเกตรูปแบบของถ้อยคำที่ถูกใช้เพื่ออธิบายถึงสถานที่แห่งนี้คือ ไฟ ทรมาน การแก้แค้น การทำลาย ความมืด โซ่ตรวน การพิพากษา การร่ำไห้ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
พระเยซูตรัสว่าการควักตาข้างขวาและตัดมือขวาทิ้งก็ดีกว่าต้องตกนรกโดยที่ยังมีทั้งตาและมืออยู่ พระเยซูไม่ได้สนับสนุนให้ทำอย่างนั้นจริง ๆ กับร่างกาย แต่ให้หยุดทำกิจกรรมใด ๆ ที่นำเราไปสู่บาปและต้องตกนรก ไม่ว่าการทำสิ่งนั้นมันจะดูเหมือนมีค่ามากแค่ไหนบนโลกนี้
► บางศาสนามีหลักคำสอนที่ผิดอย่างไรเกี่ยวกับนรก?
พระคัมภีร์บอกเราว่าความตายเป็นจุดสิ้นสุดของโอกาสในการเลือกของมนุษย์ และนรกเป็นที่ที่  (1) ต้องอยู่ชั่วนิรันดร์ (2) ไปแล้วกลับไม่ได้ (3) ทุกข์ทรมานแสนสาหัส ความจริงจากพระคัมภีร์นี้ไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าที่สอนว่าไม่มีชีวิตหลังความตาย และกลุ่มพยานพระยะโฮวาห์ มอร์มอน และสากลนิยมสอนว่าไม่มีนรก ข้อมูลความจริงเรื่องความตายเป็นจุดสิ้นสุดของโอกาสในการเลือกของมนุษย์กลับถูกปฏิเสธโดยกลุ่มโรมันคาธอลิคที่เชื่อว่าสภาพของมนุษย์จะได้รับการรื้อฟื้นรักษาหลังจากตายไป
มีพวกคนที่ปฏิเสธว่านรกมีจริงเพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม พวกเขาบอกว่าถ้าหากความบาปเกิดขึ้นในห้วงของกาลเวลา มันไม่สามารถถูกตัดสินลงโทษในนิรันดร์กาลได้ นักบวชออกัสตินตอบข้อโต้แย้งนี้โดยยกตัวอย่างกฎหมายลงโทษอาชญากร ถ้าหากอาชญากรรมเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่นาที เขาสมควรได้รับการลงโทษในเวลาไม่กี่นาทีพอไหม? ฆาตกรที่ใช้เวลาก่อคดีร้ายแรงภายในชั่วพริบตา ในพระคัมภีร์เราเห็นว่าความบาปที่กระทำต่อพระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์และสูงสุดจะให้ผลลัพธ์เป็นการลงโทษนิรันดร์ ถึงแม้ว่าความบาปนั้นจะถูกกระทำในช่วงระยะเวลาหนึ่งในชีวิตก็ตาม
► ทำไมจึงต้องตกนรกนิรันดร์?
สาเหตุที่ต้องตกนรกนิรันดร์คือ...
	ความบาปเป็นการกระทำผิดต่อพระเจ้าสูงสุด 
	คนบาปปฏิเสธพระเจ้าผู้สมควรรับการนมัสการชั่วนิรันดร์ 
	เราอยู่ในสภาพที่เป็นนิรันดร์ซึ่งไม่มีที่อื่นให้ไปได้อีกถ้าหากเราเลือกที่จะแยกขาดจากพระเจ้า 
 
บนโลกนี้ เราชอบที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ การตัดสินใจที่ส่งผลต่อนิรันดร์กาลดูเหมือนจะเป็นเรื่องร้ายแรงเกินไป เราชอบคิดว่าจะมีโอกาสให้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่วันนี้เราตั้งใจเลือกไว้แล้วในวันข้างหน้า และการที่พระเจ้าจะจำกัดช่วงเวลาเพื่อลองดูของเราเอาไว้แค่ชีวิตนี้ดูไม่สมเหตุสมผล
บางคนปฏิเสธที่จะเชื่อว่านรกมีจริงเพราะพวกเขาสงสัยว่าพระเจ้าที่มีความรักจะส่งคนไปในที่ที่เลวร้ายน่ากลัวอย่างที่ในพระคัมภีร์อธิบายเอาไว้ได้อย่างไร เราต้องจดจำไว้ในใจว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้ใครสักคนพินาศ แต่ทุกคนสมควรกลับใจใหม่และได้รับความรอด พระคัมภีร์หลายตอนบอกเรื่องนี้เอาไว้แล้ว[1]  คนที่ตกนรกก็ได้ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องไปอยู่ในที่ที่เลวร้ายน่ากลัว ไม่มีใครบังเอิญตกลงไปในนรกได้ คนทั้งหมดที่เลือกไปที่นั่นล้วนปฏิเสธพระเจ้า ความชอบธรรม และความรอด
เนื่องจากความดีงามทั้งสิ้นมาจากพระเจ้า การปฏิเสธพระเจ้าจึงเป็นการปฏิเสธความดีงามทั้งหมดด้วย ความสงบเงียบ ความมั่นคงปลอดภัยโดยปราศจากความกลัวกับความเจ็บปวด สถานที่ที่สุขสบายล้วนเป็นสิ่งดีที่มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จัดเตรียมให้เราได้ การแยกขาดจากพระเจ้าอย่างสิ้นเชิงคือการขาดทุกสิ่งที่ดีซึ่งหมายถึงนรก[2] 
ขอบคุณพระเจ้าที่โดยผ่านทางการเป็นเครื่องบูชาลบบาปของพระเยซูคริสต์ โดยความรักของพระองค์ทำให้เราสามารถ “รอดพ้นจากพระพิโรธที่กำลังมาถึง” ได้ แทนการคร่ำครวญด้วยความทุกข์ทรมานในนรก เราจะได้มีส่วนร่วมในความยินดีแห่งความรอดและสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ในสวรรค์ เราสามารถเลือกสวรรค์ให้เป็นจุดหมายปลายทางของเราได้เมื่อเราเลือก “กลับใจใหม่ต่อพระเจ้าและมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”[3] 
 
[1]  อ่าน 1 ทิโมธี 2:4; 2 เปโตร 2:9; กิจการ 17:30
[2]  “ในที่สุดจุดประสงค์ของหลักคำสอนเรื่องนรกต้องนำมาถึงคำถามนี้ที่ว่า ‘แล้วคุณขอให้พระเจ้าทำอะไรอีก?’ การลบความบาปในอดีตและให้โอกาสเริ่มต้นใหม่กับพวกเขา การให้ความช่วยเหลืออย่างอัศจรรย์ในความยากลำบากแก่พวกเขาอย่างนั้นหรือ? แต่พระองค์ก็หยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้แล้วนี่ หรือขอให้พระองค์ยกโทษให้พวกเขาหรือ? แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะได้รับการยกโทษ หรือขอให้พระองค์ปล่อยพวกเขาตามยถากรรม? โอ นั่นคือสิ่งที่ผมกลัวว่าพระองค์จะกระทำเหลือเกิน” - ซี เอส ลูอิส ถอดความจาก “ปัญหาความเจ็บปวด” 
[3]  กิจการ 20:21
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next