[1] ทุกวันนี้มีการประกาศข่าวประเสริฐมากมายที่ไม่เน้นว่าทุกคนมีความผิดบาปและสมควรถูกพระเจ้าพิพากษา
พวกเขาไม่ต้องการบอกผู้คนว่าเป็นคนไม่ดี
พวกเขาอยากพูดแต่เรื่องด้านบวกแทนที่จะพูดด้านลบ
พวกเขาอยากนำเสนอผลประโยชน์ของความรอดในโลกนี้แทนที่จะนำเสนอสิ่งที่เป็นนิรันดร์ เนื่องจากพวกเขากำลังพูดกับผู้คนที่จดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ของโลกนี้
พวกเขาบอกเป็นนัยว่าพระบัญญัติของพระเจ้าเป็นสิ่งเลวร้าย เป็นศัตรูกับความรอด เป็นสิ่งสำคัญเฉพาะกับคนที่ต้องการรอดโดยการประพฤติ พระคัมภีร์กล่าวว่า พระบัญญัตินั้นดีและบริสุทธิ์ (โรม 7:12-14) คนที่ต้องการให้พระเจ้าพอพระทัยจะพยายามทำตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้าสำหรับชีวิต (สดุดี 119:1-8)
พวกเขาพูดเป็นนัยว่ามาตรฐานของพระเจ้าเป็นไปไม่ได้และไม่สมเหตุสมผล คุณไม่ถูกกล่าวโทษสำหรับความบาปของคุณ
ปัญหาคือถ้าหากคน ๆ หนึ่งไม่ได้รู้สึกถึงความผิดจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถกลับใจจริงได้ เขาไม่สามารถเสียใจกับสิ่งที่เขาทำได้จนกว่าเขาจะรู้ว่าเขาเลือกทำสิ่งที่ผิด ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่ได้เชื่อจริง ๆ ว่าตัวเองเป็นคนบาปเมื่อเขาขอการยกโทษ เขาเพียงแค่กำลังขอให้พระเจ้ายอมรับความล้มเหลวของเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
ข้อเท็จจริงคือการที่คนบาปไม่ต้องถูกลงโทษเนื่องจากเกิดมาพร้อมกับธรรมชาติบาป แต่พวกเขาถูกลงโทษเพราะความบาปที่ตั้งใจทำและท่าทีกบฏต่อพระเจ้า (ยูดา 15)
ผู้คนมากมายเชื่อว่าพระเจ้าทรงรักและให้อภัย แต่พวกเขาไม่ตระหนักว่าพระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรมด้วย พวกเขาคาดหวังว่าถ้าได้พบกับพระเจ้า พระองค์จะยกโทษให้แม้ว่าพวกเขาไม่เคยกลับใจใหม่ ข่าวประเสริฐที่ไม่สมบูรณ์ที่พวกเขาได้ยินได้ทำให้พวกเขาสบายใจที่จะอยู่ในความบาปของตัวเองมากขึ้น
การประกาศข่าวประเสริฐสมัยใหม่มากมายที่เน้นว่า หากคน ๆ หนึ่งมาเป็นคริสเตียน เขาจะมีความสุขมากขึ้น พวกเขาพูดว่าความบาปไม่ได้ทำให้อิ่มใจ แต่พระเจ้าทำให้อิ่มใจ พวกเขาพูดว่าคน ๆ หนึ่งจะรับความรัก สันติสุข และความยินดี พวกเขาพูดว่าพระเจ้ามีแผนการอันดีเลิศให้กับชีวิตของแต่ละคน และแผนการนั้นจะสำเร็จได้ถ้าหากคนนั้นได้รับความรอด
คำสัญญาต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เข้าใจผิดได้ พระเจ้าให้ความรักและสันติสุข แต่จะมีความขัดแย้งกันกับคนที่ปฏิเสธพระเจ้า (มัทธิว 10:34-36) พระองค์ให้ความยินดี แต่จะมีการข่มเหงเกิดขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน (1 เธสะโลนิกา 1:6) พระองค์มีแผนการอันดีเลิศสำหรับแต่ละคน แต่คริสเตียนคนหนึ่งอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและเป็นโศกนาฎกรรม (2 โครินธ์ 11:24-27) ถ้าหากคนหนึ่งตัดสินใจเป็นคริสเตียนเพราะเขาคิดว่าชีวิตของเขาจะดีขึ้น เขาอาจต้องผิดหวัง บางคนต้องทนทุกข์อย่างร้ายแรงเพราะมาเป็นคริสเตียน
ในฐานะคริสเตียน เราเข้าใจว่าชีวิตกับพระเจ้านั้นดีเลิศ แม้เมื่อเราต้องเจอความทุกข์แสนสาหัส เราสามารถพูดว่าการรับใช้พระเจ้าเป็นชีวิตที่ดีเลิศ อย่างไรก็ตามผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิตที่ดีเลิศว่าคืออะไร ถ้าหากคุณขอให้พวกเขาอธิบาย พวกเขาจะพูดถึงสุขภาพที่ดี เงิน เสรีภาพ สันติสุข และอื่น ๆ ทำนองนี้ พวกเขาจะไม่เข้าใจเลยว่าการข่มเหง การทนทุกข์แบบคริสเตียนเป็นชีวิตที่ดีเลิศ ดังนั้นเมื่อคุณบอกคนบาปคนหนึ่งว่าถ้าเขามาเป็นคริสเตียนเขาจะมีชีวิตที่ดีเลิศ เขาอาจไม่เข้าใจถึงสิ่งที่คุณกำลังสัญญากับเขา
มีอีกปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับการเข้าใจแบบผิด ๆ เรื่องข่าวประเสริฐ คนอาจยอมรับเนื้อหาโดยไม่ได้มองเห็นว่าตัวเองเป็นคนบาปที่สมควรแก่การพิพากษาจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้มองว่าความบาปนั้นร้ายแรง เขาไม่ได้กลับใจใหม่อย่างแท้จริง เขาไม่ได้แสวงหาการรอดพ้นจากบาป แต่แสวงหาผลประโยชน์อย่างอื่น เขาอาจคิดว่าตัวเองได้รับความรอดแล้วทั้ง ๆ ที่เขายังไม่รอด
เขาไม่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของความรอดสำหรับชีวิตของเขา เพราะเขายังไม่รอด เขาพยายามในช่วงระยะสั้น ๆ จากนั้นก็เลิกราไปด้วยความผิดหวัง
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายของข่าวประเสริฐผิดเพี๊ยนคือการทำให้คนที่ผิดหวังยากที่จะตอบสนองต่อข่าวประเสริฐอีกในอนาคต
ข้อสรุปของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากข่าวประเสริฐซึ่งสัญญาให้ชีวิตที่ดีกว่ามีดังนี้
1. สัญญาสิ่งที่พระเจ้าไม่ได้สัญญา
2. ทำให้คนบาปเข้าใจผิด
3. คนอาจไม่กลับใจมาเชื่อจริง ๆ
4. เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ตามที่คาดหวัง
5. เขายอมรับข่าวประเสริฐได้ยากขึ้นในอนาคต
► อ่าน กิจการ 14:21-23 อัครทูตบอกให้คนที่กลับใจมาเชื่อคาดหวังอะไร?
พระเยซูเตือนพวกสาวกว่าผู้คนจะเกลียดพวกเขาเพราะความเชื่อในพระคริสต์ พระองค์บอกว่าพวกเขาจะไม่ได้รับความรอดเว้นแต่พวกเขาจะอดทนได้จนถึงที่สุด ผู้เขียนพระกิตติคุณสามคนได้บันทึกถ้อยคำเหล่านี้ไว้ (มัทธิว 10:22, มาระโก 13:13, ลูกา 21:17) อัครทูตดั้งเดิมส่วนใหญ่ตายเพื่อพระคริสต์
คริสเตียนนับหลายล้านคนถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อของพวกเขา นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนในยุคโบราณเท่านั้น มีคริสเตียนมากกว่าครึ่งที่พลีชีพเพื่อข่าวประเสริฐในศตวรรษที่ยี่สิบ
ถ้าหากคนหนึ่งกลับใจมาเชื่อเพราะพระสัญญาเกี่ยวกับความรอดโดยไม่ได้สัญญาถึงชีวิตที่สุขสบาย เขาจะไม่เลิกเชื่อเมื่อเจอกับความยากลำบาก เขาเต็มใจอดทนต่อความทุกข์ยากต่าง ๆ เพื่อเห็นแก่ความรอดที่เป็นนิรันดร์ การทดสอบต่าง ๆ ทำให้ความรอดยิ่งมีค่าสำหรับเขา
► ทำไมคริสเตียนจึงต้องอดทนต่อการข่มเหง?
 
[1] 
“การกลับใจมาเชื่อเกี่ยวข้องกับการตัดขาดกับอดีตอย่างสิ้นเชิงซึ่งเปรียบเหมือนการตายจากอดีต เราถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว โดยทางไม้กางเขน เราตายต่อโลกที่ไร้พระเจ้า ตายต่อทัศนะ และมาตรฐานของโลก”
- เลาซานน์ คอมมิทตี้ ฟอร์ เวิร์ด อีแวนเจไลเซชั่น 
เดอะ วิลโลแบงค์ รีพอร์ท 
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next