การประกาศและสร้างสาวกในพระคัมภีร์
การประกาศและสร้างสาวกในพระคัมภีร์
Audio Course Purchase

Search Course

Type at least 3 characters to search

Search through all lessons and sections in this course

Searching...

No results found

No matches for ""

Try different keywords or check your spelling

results found

Lesson 3: ความเร่งด่วนในการประกาศข่าวประเสริฐ

1 min read

by Stephen Gibson


บทนำ

► คน ๆ หนึ่งสามารถรับความรอดได้โดยไม่ต้องได้ยินข่าวประเสริฐไหม? การประกาศข่าวประเสริฐเป็นงานที่จำเป็นหรือไม่?

เราพบตัวอย่างในพระคัมภีร์ของบรรดาคนที่พระคุณของพระเจ้าไปถึงพวกเขาโดยปราศจากความเกี่ยวข้องกับอิสราเอลหรือคริสตจักร โยบเป็นคนซื่อตรงและปฏิเสธสิ่งชั่วซึ่งมีชีวิตอยู่ก่อนโมเสสและก่อนหน้าต่าง ๆ ในพระคัมภีร์จะถูกเขียนขึ้นมา บาลาอัมมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้มองเห็นซึ่งได้รับถ้อยคำจากพระเจ้าโดยไม่ต้องเข้าสู่ภวังค์ อาบีมาเลคกระทำอย่างชอบธรรมมากกว่าอับราฮัมเมื่ออับราฮัมคิดว่า “แน่ทีเดียวที่ความยำเกรงพระเจ้าไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้” ในโรม 1:21-32 อธิบายถึงคนนอกศาสนาผู้อยู่ในสภาพเสื่อมทรามว่า ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เคยรู้จักพระเจ้า แต่เพราะพวกเขาปฏิเสธสิ่งที่พวกเขารู้แล้ว. (ดูจากสดุดี 19 และโรม 10:18 ด้วย)

"ความลึกลับของพระเยโฮวาห์มีอยู่แก่คนที่ยำเกรงพระองค์ และพระองค์จะทรงแจ้งพันธสัญญาของพระองค์แก่เขาเหล่านั้น" (สดุดี 25:14) พันธสัญญาคือคำที่ใช้สำหรับความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับมนุษย์ ซึ่งจำเป็นต้องมีพระคุณที่จัดเตรียมไว้เนื่องจากมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป ถ้าหากคน ๆ หนึ่งยำเกรงพระเจ้าอย่างเต็มที่ พระเจ้าจะสำแดงหนทางแก่เขาเพื่อจะเข้ามามีความสัมพันธ์กับพระองค์

พระคัมภีร์กล่าวว่าไม่มีความรอดโดยนามอื่นยกเว้นนามพระเยซู (กิจการ 4:12) อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ได้รับความรอดในพันธสัญญาเดิมไม่รู้จักนามของพระเยซู พวกเขามีความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าในการจัดเตรียมการทรงไถ่และการยกโทษ และพระองค์จัดเตรียมให้ผ่านทางพระเยซู ในทำนองเดียวกัน ผู้คนที่ยังไม่ได้ยินนามของพระเยซูอาจเชื่อวางใจพระเจ้าสำหรับความรอดซึ่งพระองค์จัดเตรียมผ่านทางพระเยซู

ดังนั้นแล้ว การที่ความรอดไม่สามารถมาทางนามอื่นได้นั้นมีความหมายว่าอะไร? มีความหมายว่าไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับความรอด คน ๆ หนึ่งไม่สามารถรอดได้โดยแผนการไถ่อื่น ๆ นอกจากนี้ยังหมายความว่า คน ๆ หนึ่งที่ไม่รู้เรื่องพระเยซูต้องไม่ปฏิเสธพระองค์ เพราะการปฏิเสธพระองค์จะเป็นการปฏิเสธความรอดหรือเป็นการเสาะหาความรอดด้วยวิธีอื่น

พระเยซูตรัสว่า “ถ้าคนใดจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์ เขาจะรู้หลักคำสอน” นี่คือพระสัญญาว่าถ้าหากคน ๆ หนึ่งซื่อสัตย์แสวงหาพระเจ้า พระเจ้าจะบอกเขาถึงสิ่งที่เขาจำเป็นต้องรู้ “ความสว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริงได้นั้นกำลังเข้ามาในโลก” (ยอห์น 1:9) พระวิญญาณบริสุทธิ์นำความสว่างของพระเยซูมาให้แม้แต่กับคนที่ไม่ได้ยินเรื่องของพระองค์

ผู้คนมากมายได้รับนิมิตหรือการสำแดงพิเศษอื่น ๆ ที่นำให้พวกเขามาถึงพระเจ้าก่อนที่พวกเขาจะได้ยินข่าวประเสริฐจากผู้สื่อสารที่เป็นมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น ในยุคสมัยใหม่ มีมุสลิมจำนวนมากที่กลับใจมาเชื่อหลังจากได้รับถ้อยคำจากพระเจ้า

[1]► คุณเคยได้ยินว่ามีบางคนได้รับการสื่อสารพิเศษจากพระเจ้าก่อนที่จะเข้าใจข่าวประเสริฐอย่างแท้จริงไหม?

ดังนั้น เราจึงเห็นว่าเป็นไปได้ที่คน ๆ หนึ่งจะพบพระเจ้าและแม้กระทั่งรับความรอดได้โดยที่ไม่ได้ยินข่าวประเสริฐผ่านทางผู้สื่อสารที่เป็นมนุษย์ แต่พระคัมภีร์อธิบายถึงข่าวประเสริฐว่าเป็นถ้อยคำที่ทุกคนจำเป็นต้องได้ยินอย่างเร่งด่วน

พระธรรมโรมอธิบายถึงความเร่งด่วนของข่าวประเสริฐ อัครทูตกล่าวว่าข่าวประเสริฐคือ “ฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด” (โรม 1:16) เขากล่าวว่าเขาเป็นหนี้ทุกคนในการนำข่าวประเสริฐไปประกาศ (โรม 1:14) เขาสถาปนาความจริงว่าเราถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าได้โดยวิธีง่าย ๆ คือการเชื่อในพระสัญญาเรื่องการยกโทษ (โรม 3:26, โรม 5:1)

จากนั้นมาถึงความเร่งด่วน เขากล่าวว่า “พวกที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์ได้อย่างไร? และเมื่อไม่มีผู้ประกาศ เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไร?” (โรม 10:14) เขากล่าวว่า “ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์” (โรม 10:17) พระเจ้าใช้ข่าวประเสริฐเพื่อสร้างความเชื่อที่ทำให้ได้รับความรอดภายในใจของผู้ที่ได้ยินข่าวประเสริฐ คำเทศนาข่าวประเสริฐคือวิธีการหลักของพระเจ้าในการช่วยคนบาปให้รอด

ถ้าพวกเขาสามารถรอดได้โดยปราศจากผู้สื่อสาร แล้วทำไมผู้สื่อสารจึงสำคัญ?


[1]

“ในที่ราบอันกว้างใหญ่ทางตอนเหนือ บางครั้งผมเคยเห็นควันไฟของหมู่บ้านนับพัน ๆ หมู่บ้านที่
ไม่เคยมีมิชชันนารีมาก่อน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ผู้คนอยู่โดยปราศจากพระคริสต์ ปราศจากพระเจ้า
และปราศจากความหวังในโลกนี้”

- โรเบิร์ต มอฟแฟท