ความรู้ถึงพระเจ้าผ่านมาทางความสัมพันธ์
เมื่อพระเจ้าตรัสกับยาโคบ พระองค์ระบุถึงพระองค์เอง พระองค์ไม่ได้พูดว่า “เราเป็นพระเจ้าแห่งจักรวาล” หรือ “เราเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลก” แม้ว่าทั้งสองประโยคนั้นเป็นความจริงก็ตาม พระองค์ตรัสว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม บรรพบุรุษของเจ้า และพระเจ้าของอิสอัค” (ปฐมกาล 28:13) พระเจ้าเปิดเผยพระองค์เองผ่านทางผู้คน
อับราฮัมได้มาเป็นบุรุษแห่งความเชื่อและผู้คนอื่น ๆ มาเชื่อพระเจ้าก็เพราะเขา คนรับใช้ของเขาคือเอลีเยเซอร์อธิษฐานต่อ “พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์” (ปฐมกาล 24:12)
ควรมีคนรู้จักพระเจ้ามากขึ้นเพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของคุณ
บางครั้งเราคิดเอาเองว่าการสร้างสาวกคือการเล่าเรื่องที่จำเป็นต้องเล่าให้คนรู้และบอกถึงสิ่งที่พวกเขาควรทำ มันไม่ใช่แค่นั้น อย่างแรกคุณต้องแสดงให้พวกเขาเห็นชีวิตที่พวกเขาอยากทำตาม ถ้าพวกเขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคุณ พวกเขาก็จะฟังคำแนะนำของคุณเองว่าจะต้องทำอย่างไร
การสร้างสาวกคือการสื่อสารด้วยชีวิต รูปแบบการใช้ชีวิตที่จูงใจและมีค่านิยมหลักจะถูกถ่ายทอดจากผู้สร้างสาวกไปยังสาวก
หลักการถ่ายทอดชีวิตกล่าวว่าการสร้างสาวกเกิดขึ้นเมื่อผู้สอนปลูกฝังรูปแบบชีวิตของเขาที่จูงใจและมีค่านิยมหลักให้กับผู้เรียน
ในศตวรรษแรก พวกอาจารย์ชาวยิวเข้าใจว่าการสร้างสาวกคือการถ่ายทอดชีวิต เมื่อคนหนุ่มต้องการเป็นศิษย์ของอาจารย์ เขาจะขอให้อาจารย์ยอมรับเขา ถ้าหากได้รับการยอมรับ เขาก็จะเริ่มต้นแบ่งปันชีวิตกับอาจารย์ เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับอาจารย์ของเขา ไม่ใช่แค่ร่ำเรียนคำสอน แต่เรียนรู้วิธีใช้ชีวิตของอาจารย์ด้วย
พระเยซูเปลี่ยนธรรมเนียมปฏิบัติของสมัยนั้นโดยการเลือกคนที่ไม่ขอเป็นศิษย์ของพระองค์ แต่พระองค์ทำตามธรรมเนียมในการสร้างสาวกด้วยการแบ่งปันชีวิตเพื่อถ่ายทอดชีวิต
หลังจากการตายและฟื้นคืนชีวิตของพระเยซู พวกสาวกของพระองค์บางคนถูกจับนำตัวไปขึ้นศาลเดียวกันที่ตัดสินลงโทษพระองค์ สภาแซนเฮดรินอาจคิดว่าปัญหาของพวกเขาจบลงแล้วนับจากพระเยซูถูกกำจัด พวกเขาคิดว่าคำขู่บางอย่างก็น่าจะพอที่จะปิดปากพวกสาวกของพระเยซูได้ เมื่อพวกเขาไต่สวนพวกสาวก พวกเขาเห็นชัดว่าคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นคนมีการศึกษาสูง แน่นอนว่ามีการศึกษาน้อยกว่าสมาชิกในศาล แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าสภาแซนเฮดรินจำได้ว่าพวกเขาเคยอยู่กับพระเยซู (กิจการ 4:13) พระเยซูได้ประทับตราชีวิตของพระองค์ไว้บนพวกเขาแล้ว
พวกเขามองเห็นอะไรที่เป็นของพระเยซูในชีวิตสาวกเหล่านั้น? ใช่กิริยาท่าทางหรือวิธีการพูดของพระองค์ไหม? อาจเป็นไปได้ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น พวกเขามองเห็นความกล้าหาญที่มาจากการทรงเรียกของพระเจ้า พวกเขามองเห็นความมุ่งมั่นอย่างเหนียวแน่นต่อความจริงไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร พวกเขามองเห็นการเคารพต่อสิทธิอำนาจแต่ปฏิเสธการประนีประนอมกับความหน้าซื่อใจคด แน่นอนที่หัวใจของพวกนักการเมืองที่ฉ้อฉลและพวกหน้าซื่อใจคดในคราบศาสนาต้องถูกเขย่าเมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าปัญหาของพวกเขาพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น พระเยซูได้ทวีคูณและขยายอิทธิพลของพระองค์โดยผ่านการสร้างสาวก
ดร.พอล แบรนด์ สังเกตนักศึกษาแพทย์หนุ่มสาวบางคนขณะที่ปฏิบัติงานตรวจและวินิจฉัยคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศอินเดีย เมื่อเขาเฝ้าดูหนึ่งคนในพวกเขารับมืออย่างอ่อนสุภาพกับคนไข้คนหนึ่ง เขาแปลกใจกับการแสดงออกความรู้สึกทางสีหน้าของนักศึกษาฝึกหัดคนนั้น การแสดงออกนั้นตรงกับใบหน้าของ ดร.ฟิลเชอร์ แพทย์ผ่าตัดซึ่งเป็นอาจารย์ฝึกสอน ดร.แบรนด์ ในประเทศอังกฤษ ดร.แบรนด์อธิบายให้นักศึกษาฝึกหัดว่าเขาตอบสนองอย่างประหลาดใจเพราะเขารู้ว่า ดร.ฟิลเชอร์ ไม่เคยมาที่ประเทศอินเดีย และเขาไม่เข้าใจว่าทำไมนักศึกษาฝึกหัดคนนั้นจึงสามารถเลียนแบบ ดร.ฟิลเชอร์ได้ สุดท้ายนักศึกษาคนหนึ่งพูดว่า “เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ดร.ฟิลเชอร์ แต่ ดร.แบรนด์ นั่นเป็นการแสดงออกของคุณต่างหากที่เขากำลังเลียนแบบ”[1]
สิ่งที่คุณสอนในขณะที่คุณไม่ได้กำลังพยายามสอนจะมีผลกระทบมากที่สุด คุณสอนมากที่สุดเมื่อคุณไม่ได้พยายามสอนอะไร ดังที่มีคนกล่าวไว้ว่า "คุณสอนเพียงเล็กน้อยจากคำพูดของคุณ สอนได้มากขึ้นจากสิ่งที่คุณทำ และสอนได้มากที่สุดจากสิ่งที่คุณเป็น”
จงใส่ใจกับพลังของการเป็นแบบอย่างของคุณ คุณเองกำลังสอนเขาอยู่ตลอดเวลา คุณสร้างสาวกจากรูปแบบชีวิตของคุณมากที่สุด
คุณแสดงวิธีการตอบสนองต่อปัญหาต่าง ๆ ให้กับเขา โดยวิธีการตอบสนองปัญหาต่าง ๆ ของคุณเอง
ความใจดี ความอ่อนโยน และความอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือเด็ก ๆ บางคนสามารถใจดี อ่อนโยน และอดทนกับเด็กได้มากกว่าคนอื่น
คุณแสดงให้เห็นว่าคุณให้คุณค่ากับคน ๆ หนึ่งถ้าหากคุณใส่ใจเขาอย่างเต็มที่ อย่าทำอะไรรีบร้อนเวลาที่พูดคุยกับเขา พิจารณาว่าภาษากายของคุณกำลังสื่อสารอะไรหากคุณหันหน้าหนี เดินไปทำงานอย่างอื่น หรือทำงานบางอย่างในขณะที่เขากำลังพูด หรือเปลี่ยนความสนใจของคุณไปหาคนอื่น
ฝึกนิสัยในการฟังให้ดี สัญญาณของการฟังที่ดีคือการสบตา การแสดงออกว่าตั้งใจฟัง การไม่สนใจสิ่งที่รบกวน และตอบสนองต่ออารมณ์ขันหรืออารมณ์อื่น ๆ ของผู้พูด
ถ้าหากคุณรีบจริง ๆ และไม่สามารถหยุดฟัง คุณก็อธิบายได้ นั่นจะไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจถ้าหากคุณใส่ใจความต้องการของพวกเขาเสมอ แต่ถ้าโดยทั่วไปแล้วคุณรู้สึกว่ายุ่งเกินกว่าจะให้เวลากับพวกเขา คุณคิดอยู่ว่าต้อง “ทำงานให้เสร็จ” อย่างนั้นคุณก็จำเป็นต้องหยุดและพิจารณาว่างานที่แท้จริงของคุณคืออะไร
► เด็กคนไหนที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ? คุณสามารถแสดงให้พวกเขาเห็นได้อย่างไรว่าพวกเขาสำคัญ? คุณมีนิสัยบางอย่างที่ควรเปลี่ยนแปลงไหม?
ความพร้อมของเราต่อพระเจ้าสำคัญกว่าความสามารถของเรา พระเจ้าต้องการความพร้อมของเรามากกว่าต้องการความสามารถของเรา พระเจ้าจะให้ความสามารถที่จำเป็นต่อการทำให้การทรงเรียกของพระองค์สำเร็จ
[2] วัยรุ่นหนุ่มสาวมักไม่มั่นคงในหลายเรื่อง ในวันเดียวพวกเขาอาจเปลี่ยนจากคนฝ่ายวิญญาณไปเป็นคนดื้อรั้น จากคนมีน้ำใจไปเป็นคนเห็นแก่ตัว จากคนที่มีวุฒิภาวะไปเป็นเหมือนเด็ก นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาแกล้งเป็น พวกเขายังอยู่ในการพัฒนา และบุคลิกภาพของพวกเขายังไม่คงเส้นคงวา
วัยรุ่นหนุ่มสาวไม่มั่นคง แต่พวกเขาต้องการให้คุณมั่นคงในความคาดหวังของคุณ ในวันที่แย่ ๆ ของพวกเขาแล้วคุณบอกว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับอะไรเลย คุณก็ลดความคาดหวังต่อตัวเองของพวกเขา พวกเขายังไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปเป็นอะไร และการประเมินค่าของคุณมีอิทธิพลต่อสิ่งที่พวกเขาจะเป็น
พูดให้เยอะถึงแผนการพิเศษของพระเจ้าสำหรับชีวิตของพวกเขา บอกพวกเขาว่าพระเจ้าให้พวกเขาแต่ละคนมีความสามารถพิเศษ พูดถึงความอิ่มใจในการค้นพบพระประสงค์ของพระเจ้า
วัยรุ่นคนหนึ่งที่มีความเป็นผู้นำอาจมีความคิดมากมายแต่แยกแยะไม่ได้ว่าแนวคิดไหนดีไม่ดี ลักษณะอย่างหนึ่งของการเป็นผู้ใหญ่คือความสามารถในการแยกแยะได้ระหว่างความคิดดีและไม่ดี ให้ช่วยเขาเรียนรู้อย่างมีปัญญา แต่อย่าทำให้เขาท้อใจเพราะมีความคิดเหล่านั้น
เหนือสิ่งใด จำไว้ว่าพระเจ้ามีแผนงานสูงสุดสำหรับทุกคน และพระองค์กำลังทำงานเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ อธิษฐานขอการสังเกตแยกแยะเพื่อคุณจะทำงานด้วยแผนการพัฒนาของพระเจ้ากับนักเรียน อธิษฐานขอการอัศจรรย์แห่งพระคุณและการจัดเตรียมในชีวิตของนักเรียนเพื่อจะหันเขาไปในทิศทางที่ถูกต้อง
[1] Paul Brand and Philip Yancey
, In His Image . (Grand Rapids: Zondervan, 1984), 18-19
[2]
“เมื่อคนใดหมดใจกับวัยรุ่นหนุ่มสาว
ประโยชน์ของเขาในโลกนี้ก็หมดลง”
- จอร์จ แม็คโดนัลด์
Previous
Next