ผู้เชี่ยวชาญกฎบัญญัติคนหนึ่งถามพระเยซูว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?” พระเยซูชี้ไปที่ธรรมบัญญัติของโมเสส “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?”
ผู้เชี่ยวชาญกฎบัญญัติคนนี้อ้างถึงเฉลยธรรมบัญญัติ 6:5 และเลวีนิติ 19:18 ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้สรุปกฎบัญญัติทั้งหมด “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” พระเยซูตอบว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต” (ลูกา 10:25-28) ความบริสุทธิ์คือความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม
ไม่กี่เดือนต่อมา พระเยซูอยู่ในเยรูซาเล็ม ธรรมาจารย์คนหนึ่งมาถามพระองค์ว่า “พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?” (มาระโก 12:28) พวกฟาริสีมีรายการกฎ 613 ข้อจากพันธสัญญาเดิม พวกเขามักจะโต้เถียงเกี่ยวกับกฎบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด พระเยซูตอบว่า...
“พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า พระบัญญัติอันดับแรกคือ โอ ชนอิสราเอล จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่านและด้วยสุดกำลังของท่าน ส่วนพระบัญญัติที่สำคัญอันดับสองคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ไม่มีพระบัญญัติอื่นใดที่สำคัญยิ่งกว่าพระบัญญัติเหล่านี้” (มาระโก 12:29-31)
 
พระเยซูให้คำนิยามความบริสุทธิ์ว่าเป็นดั่งความรักที่มีต่อพระเจ้าและต่อคนอื่น ความบริสุทธิ์แท้จริงแสดงออกมาให้เห็นผ่านทางความรัก เราเติบโตขึ้นในความบริสุทธิ์เมื่อเราเติบโตขึ้นในความรักแบบพระคริสต์ การเป็นคนบริสุทธิ์คือการรักเหมือนที่พระเยซูรัก นี่คือความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม
ในบทที่ 5 เราเห็นว่าผู้เขียนพันธสัญญาเดิมใช้คำว่า “สมบูรณ์ดีพร้อม” สำหรับใจที่เด็ดเดี่ยว การเป็นคนดีพร้อมคือมีใจเด็ดเดี่ยวในการอุทิศตัวต่อพระเจ้า ผู้เขียนในพันธสัญญาใหม่ใช้คำว่า “ดีพร้อม” ในความหมายเดียวกัน พระเยซูสั่งให้สาวกของพระงอค์เป็น “คนดีพร้อม” (มัทธิว 5:48) ในพระกิตติคุณ เราเห็นว่าการเป็นคนดีพร้อมคือการมีความรักที่เด็ดเดี่ยวต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้าน การเป็นคนดีพร้อมคือการมีความรักโดยไม่ลังเล นี่คือความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม
คำสอนเรื่องความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในพระกิตติคุณ พระเยซูเตือนอิสราเอลให้ระลึกว่าพระเจ้าประสงค์ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านเสมอ ในเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 6 แสดงให้เห็นว่าความรักเป็นรากฐานของกฎบัญญัติ การเชื่อฟังโดยปราศจากความรักนำไปสู่การทำตามกฎ พระเยซูสอนว่าการเป็นคนบริสุทธิ์คือการรักพระเจ้า ถ้าเรารักพระเจ้า เราจะเชื่อฟังพระองค์ ความบริสุทธิ์คือการรักพระเจ้าด้วยสุดใจของคุณ
ความรักที่มีต่อพระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่อารมณ์ความรู้สึก จอห์น เวสเล่ย์ ได้ให้คำนิยามของความรักที่มีต่อพระเจ้าไว้ดังนี้
“...การปิติยินดีในพระองค์ ร่าเริงยินดีในพระประสงค์ของพระองค์ ความปรารถนาทำให้พระองค์พอพระทัยเสมอ การแสวงหาและค้นพบความสุขในพระองค์ และหิวกระหายอยากได้ความเบิกบานใจในพระองค์อย่างเต็มที่ทุกวันค่ำเช้า”[1] 
 
ความรักที่มีต่อพระเจ้าเปลี่ยนทิศทางชีวิตทั้งหมดของเรา การทำให้พระเจ้าพอพระทัยจะกลายมาเป็นความปรารถนาสูงสุดและความยินดีมากที่สุดสำหรับเรา พระเยซูแสดงให้เห็นความหมายของการรักพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ ในพระเยซู เราเห็นความรักที่บริสุทธิ์ที่พระเจ้าปรารถนาให้มีในคริสเตียนทุกคน
พระเยซูทำให้ดูเป็นตัวอย่างถึงการมีความรักที่สมบูรณ์ให้กับพระเจ้าในชีวิตของพระองค์  
พระเยซูทำให้ดูเป็นตัวอย่างในการมีความรักที่สมบูรณ์ต่อพระบิดา พระเยซูใช้ชีวิตด้วยการยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดาด้วยความยินดี นี่ไม่ใช่การถูกบังคับให้ยอมจำนนเหมือนกับเป็นทาส แต่คือการยอมจำนนด้วยความรักในฐานะบุตร
การทดลองแสดงให้เห็นถึงความรักของพระเยซูที่มีต่อพระบิดา 
ก่อนเริ่มต้นทำพันธกิจกับประชาชน พระเยซูเผชิญการทดลองในถิ่นทุรกันดาร แต่ละการทดลองมีเป้าหมายเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดากับพระบุตร
ซาตานทดลองพระเยซูหลีกเลี่ยงจากพระบิดาและจัดเตรียมหาอาหารสำหรับพระองค์เอง ซาตานทดลองพระเยซูให้ละทิ้งการนมัสการพระบิดาเพื่อจะได้สิทธิอำนาจเหนืออาณาจักรต่าง ๆ ของโลก ซาตานทดลองพระเยซูให้ทดสอบพระบิดาโดยการกระโดดลงไปจากยอดหลังคาพระวิหาร (ลูกา 4:1-12) การทดลองแต่ละอย่างเป็นการทดสอบความรักของพระเยซูต่อพระบิดา พระเยซูตอบสนองโดยการแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจพระบิดาในสวรรค์อย่างเต็มที่
แทนที่จะเปลี่ยนก้อนหินให้เป็นอาหาร พระเยซูกล่าวถึงพระคัมภีร์ใน เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3 ว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘มนุษย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารเพียงสิ่งเดียว’ โมเสสเตือนให้อิสราเอลระลึกถึงพระเจ้าที่ได้จัดเตรียมมานาในทะเลทราย อิสราเอลสามารถไว้วางใจในการจัดเตรียมของพระบิดาผู้เป็นที่รักของพวกเขาได้ เช่นเดียวกัน พระเยซูก็ไว้วางใจในการจัดเตรียมของพระบิดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ด้วย
แทนที่จะก้มกราบซาตาน พระเยซูกล่าวถึงเฉลยธรรมบัญญัติ 6:13 “จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์ แต่ผู้เดียว” เพราะพระองค์รักพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ พระเยซูจึงปฏิเสธการทดลองให้ก้มกราบซาตาน
แทนที่จะทดสอบพระบิดาโดยการกระโดดลงไปจากยอดหลังคาพระวิหาร พระเยซูกล่าวถึงเฉลยธรรมบัญญัติ 6:16 “มีคำกล่าวไว้ว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน’” เพราะพระองค์รักพระเจ้าสุดหัวใจ พระเยซูจึงปฏิเสธที่จะทดสอบพระสัญญาแห่งการปกป้องของพระเจ้า
การชำระพระวิหารแสดงให้เห็นถึงความรักของพระเยซูต่อพระบิดา  
แม้ในฐานะบุตร พระเยซูรัก “พระนิเวศของพระบิดา” (ลูกา 2:49) พระองค์รักพระบิดาของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงรักพระนิเวศของพระบิดา
เมื่อพระเยซูพบเห็นพวกพ่อค้าทำสิ่งที่เป็นการดูหมิ่นพระวิหาร พระองค์ตอบสนองด้วยความโกรธที่ชอบธรรม
“พระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ไล่คนเหล่านั้นพร้อมกับแกะและวัวออกไปจากบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงเทเงิน และทรงคว่ำโต๊ะของบรรดาคนรับแลกเงิน” (ยอห์น 2:15)
 
ทำไมพระเยซูจึงโกรธ? เพราะพ่อค้าเหล่านี้ไม่ให้เกียรติต่อพระนิเวศของพระบิดา “อย่าทำให้พระนิเวศของพระบิดาเรากลายเป็นตลาด” (ยอห์น 2:16) พระเยซูรักพระบิดาของพระองค์และทรงตอบสนองอย่างเกรี้ยวกราดต่อการไม่ให้เกียรติต่อพระนิเวศของพระบิดา
พระเยซูมีอารมณ์ความรู้สึกแบบมนุษย์ทั่วไป ในการเผชิญกับความชั่วร้าย พระองค์รู้สึกโกรธ แต่พระองค์ไม่ทำบาป (มาระโก 3:5; เอเฟซัส 4:26) ความบริสุทธิ์ไม่ได้ขจัดอารมณ์ความรู้สึกของพระเยซูออกไป แต่เพราะพระเยซูบริสุทธิ์ อารมณ์ความรู้สึกของพระองค์จึงสะท้อนถึงอารมณ์ความบริสุทธิ์ของพระบิดา พระเยซูโกรธต่อสิ่งใด ๆ ที่ทำให้พระบิดาโกรธ
การยอมจำนนแสดงให้เห็นถึงความรักของพระองค์ต่อพระบิดา  
ในคำอำลาของพระเยซูพระองค์ชี้ให้เห็นว่าการเชื่อฟังของพระองค์เป็นคำพยานถึงความรักที่พระองค์มีให้พระบิดา “แต่เราทำตามที่พระบิดาทรงบัญชาเรา เพื่อโลกจะได้รู้ว่าเรารักพระบิดา” (ยอห์น 14:31) พระเยซูทำเป็นแบบอย่างในการรักพระบิดาด้วยการเต็มใจยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดา นี่คือความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม
แม้แต่ในการทดสอบที่ยากที่สุด พระเยซูยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูรู้ว่าพระองค์จะต้องอดทนต่อการทดลองที่ทำให้อับอายซึ่งตามมาด้วยความเจ็บปวดเกินบรรยายบนไม้กางเขน พระองค์จะถูกแยกขาดจากพระบิดาเนื่องจากความบาปของมนุษย์ พระเยซูอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์...” (ลูกา 22:42) พระเยซูชาวนาซาเร็ธเผชิญกับการทดสอบที่ยากที่สุดในการยอมจำนนต่อพระบิดา
ในความเป็นมนุษย์ปุถุชน พระเยซูวิงวอนขอการช่วยกู้ แต่ในความเป็นมนุษย์ปุถุชน พระเยซูก็แสดงให้เห็นว่าพระองค์เต็มใจยอมจำนนต่อพระบิดา “แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” พระเยซูทำให้ดูเป็นแบบอย่างว่าความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมต่อพระบิดาเป็นอย่างไรผ่านทางการยอมจำนนของพระองค์ต่อพระประสงค์ของพระบิดา
ชีวิตของพระเยซูเป็นต้นแบบแห่งความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม การเป็นคนบริสุทธิ์คือการรักพระเจ้าเหมือนที่พระเยซูรักพระบิดา
พระเยซูสอนสาวกทั้งหลายของพระองค์ให้รักพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ดีพร้อม 
การรักพระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงอารมณ์ความรู้สึก แต่เป็นการอุทิศตัวระยะยาวซึ่งเปลี่ยนลำดับความสำคัญในชีวิตของเรา พระเยซูให้คำนิยามความรักว่า...
“ถ้าใครมาหาเราและไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้แต่ชีวิตของตนเอง คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้” (ลูกา 14:26-27)
 
สำหรับผู้สอนชาวยิว คำว่า “เกลียด” หมายถึง “รักน้อยกว่าบางสิ่ง” สาวกของพระเยซูต้องรักพระเยซูมากกว่าทุกคน แม้แต่ตัวของเขาเอง นั่นคือความหมายของการรักพระเจ้า รักพระเจ้ามากกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด
พระเยซูตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะนับถือนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง” (ลูกา 16:13) ความรักคือการผูกขาด ถ้าคุณรักพระเจ้า พระองค์จะเป็นที่หนึ่งเหนือทุกสิ่งในชีวิตของคุณ
พระเยซูสอนว่าการเชื่อฟังอย่างสัตย์ซื่อและด้วยความเต็มใจเป็นการแสดงออกของความรัก “ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา” รางวัลสำหรับการเชื่อฟังด้วยความรักนี้คือความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระเจ้า “และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา” (ยอห์น 14:21)
หลายปีต่อมา ยอห์นระลึกถึงถ้อยคำของพระเยซูที่ตรัสขณะอยู่ที่ห้องชั้นบน ยอห์นเขียนว่า “แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็สมบูรณ์ดีพร้อมอยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง” (1 ยอห์น 2:5) ความบริสุทธิ์คือการมีความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมต่อพระเจ้า คนบริสุทธิ์เต็มใจยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดา คนบริสุทธิ์ทำตามพระเยซูผู้เป็นต้นแบบของการเชื่อฟัง
เมื่อเรารักพระเจ้าด้วยความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม เราปิติยินดีในการทำตามพระประสงค์ของพระองค์ เมื่อเรารักพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ดีพร้อม เราจะเต็มใจให้พระประสงค์ของพระบิดาอยู่เหนือความประสงค์ของเราเอง เมื่อเรารักพระเจ้าด้วยความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม เราจะอธิษฐานร่วมกันกับดาวิดว่า...
“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจค้นข้าพระองค์และทรงรู้จักจิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงทดสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักความคิดของข้าพระองค์ และขอทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใดๆ ในข้าพระองค์หรือไม่ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางนิรันดร์” (สดุดี 139:23-24)
 
ความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมทำให้เรามีความปรารถนาทำให้พระบิดาในสวรรค์พอพระทัย เราปฏิเสธสิ่งใด ๆ ที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระองค์ ความบริสุทธิ์คือการมีความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมต่อพระเจ้า
ความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูกับพระบิดาเป็นต้นแบบให้กับคริสเตียนทำตาม  
► อ่าน  ยอห์นบทที่  17
พระเยซูให้ภาพความบริสุทธิ์ในคำอธิษฐานของการเป็นมหาปุโรหิตของพระองค์ ในยอห์นบทที่ 17 พระเยซูอธิษฐานเพื่อพระองค์เอง เพื่อสาวกของพระองค์ และจากนั้นอธิษฐานเพื่อผู้เชื่อทั้งหมด พระเยซูแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่สนิทสนมระหว่างพระองค์กับพระบิดาเป็นต้นแบบสำหรับความสัมพันธ์ของคริสเตียนกับพระบิดา
พระเยซูอธิษฐานเพื่อพระองค์เอง (ยอห์น 17:1-5)  
ขณะที่กำลังเผชิญกับความตาย พระเยซูชื่นชมยินดีที่ทำให้งานมอบหมายจากพระบิดาสำเร็จได้ “ข้าพระองค์ถวายเกียรติแด่พระองค์บนโลกนี้ด้วยการทำให้งานมอบหมายจากพระองค์สำเร็จ”
ต่อมาในคำอธิษฐานนี้ พระเยซูตรัสว่า
“ขอทรงชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ (hagiazo)  ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกอย่างไร ข้าพระองค์ก็ใช้พวกเขาไปในโลกอย่างนั้น ข้าพระองค์แยกตัวให้บริสุทธิ์ (hagiazo)  เพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย เพื่อให้เขารับการชำระให้บริสุทธิ์ (hagiazo)  ด้วยความจริง” (ยอห์น 17:17-19)
 
Hagiazo  สามารถแปลได้ว่าเป็น  “ทำให้บริสุทธิ์”  หรือ  “แยกให้บริสุทธิ์หรือแยกไว้เป็นพิเศษ”  เนื่องจากพระเยซูไม่มีบาป พระองค์ไม่จำเป็นต้องรับการทำให้บริสุทธิ์  ในคำอธิษฐานนี้  “การชำระให้บริสุทธิ์” หมายถึง “แยกให้บริสุทธิ์หรือแยกไว้เป็นพิเศษ”  พระเยซูแยกพระองค์เองไว้เป็นพิเศษเพื่อทำให้งานมอบหมายจากพระบิดาสำเร็จ  พระเยซูแยกตัวให้บริสุทธิ์เพื่อภารกิจที่พระบิดามอบให้พระองค์  
พระเยซูอธิษฐานเพื่อสาวกของพระองค์ (ยอห์น 17:6-19)  
พระเยซูอธิษฐานว่าพวกสาวกจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง “ข้าพระองค์แยกตัวให้บริสุทธิ์ เพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย เพื่อให้เขารับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง” เหมือนที่พระเยซูถูกแยกไว้เป็นพิเศษเพื่องานรับใช้บนโลกนี้ พระองค์อธิษฐานให้พวกสาวกจะได้รับการแยกไว้เป็นพิเศษเพื่องานรับใช้ด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างพระบุตรกับพระบิดาเป็นต้นแบบให้กับความสัมพันธ์ระหว่างพวกสาวกกับพระบิดา เมื่อพวกสาวกทำตามแบบอย่างของพระเยซู พวกเขาก็ถูกแยกไว้เป็นพิเศษเพื่อแบ่งปันความจริงให้กับโลกนี้
พระเยซูอธิษฐานเพื่อผู้เชื่อทั้งหลาย (ยอห์น 17:20-26)  
จากนั้นพระเยซูอธิษฐานเพื่อ “คนเหล่านั้นที่จะเชื่อในข้าพระองค์” พระองค์อธิษฐานว่าคริสเตียนทุกคนจะเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนที่พระองค์กับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน พระเยซูอธิษฐานว่าเราจะ “เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์” นี่คือคำเดียวกันกับที่ใช้ในมัทธิว 5:48 “เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม” คำนี้บอกถึงการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย เป้าหมายคือความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อม ความรักที่เห็นได้ในตรีเอกานุภาพ
พวกเราในฐานะผู้เชื่อได้รับคำเชิญให้เป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระบิดาและพระบุตร พระเยซูอธิษฐานว่า “ความรักที่พระองค์ (พระบิดา) ได้รักข้าพระองค์จะอยู่ในพวกเขา และข้าพระองค์อยู่ในพวกเขา” ความรักระหว่างพระเยซูกับพระบิดาเป็นต้นแบบให้กับผู้เชื่อทุกคน นี่คือความหมายของการเป็นคนบริสุทธิ์ คือการมีความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมตามแบบอย่างของพระเยซู
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next