ทอมมี่ปรารถนาที่จะเป็นคนบริสุทธิ์ แต่น่าเสียดายที่ความเข้าใจของทอมมี่เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ตั้งอยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าพระคัมภีร์ ด้วยเหตุนี้ทอมมี่จึงสลับเปลี่ยนจากการติดตามคำสอนสุดโต่งหนึ่งไปยังอีกคำสอนหนึ่ง
สักช่วงหนึ่ง ทอมมี่อดอาหารบ่อย ๆ อธิษฐานเป็นชั่วโมง ๆ และพยายามฝึกวินัยในตนเองเพื่อความบริสุทธิ์ เขามั่นใจว่าเราบริสุทธิ์ได้โดยการมีวินัยในตนเอง
ไม่นานนักทอมมี่ก็ท้อแท้และล้มเลิกความพยายาม เขาเริ่มไม่ใส่ใจต่อวินัยฝ่ายวิญญาณและจำนนต่อบาป เมื่อผมถามเขาเกี่ยวกับด้านที่เป็นความบาป ทอมมี่ตอบว่า “ผมใช้ชีวิตด้วยพระคุณและไม่จำเป็นต้องมีวินัย พระเจ้าจะทำให้ผมบริสุทธิ์เองเมื่อพระองค์พร้อม”
อีกครั้งหนึ่ง ทอมมี่อธิษฐานอย่างร้อนรนเพื่อจะมีของประทานฝ่ายวิญญาณในการทำอัศจรรย์ เขาตัดสินว่าความบริสุทธิ์คือการมีของประทานและฤทธิ์เดชที่สำแดงให้เห็น
การค้นคว้าของทอมมี่เรื่องความบริสุทธิ์นั้นตั้งอยู่บนสมมติฐานของอารมณ์แทนที่จะมาจากการใส่ใจอ่านพระคัมภีร์ เขาไม่ศึกษาพระคัมภีร์เพื่อจะเข้าใจว่าการมีชีวิตที่บริสุทธิ์ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร
จดหมายฝากสอนความจริงสำคัญเกี่ยวกับชีวิตบริสุทธิ์ ถ้าเราลืมหลักการเหล่านี้ เราจะขาดความสมดุลในการเข้าใจเรื่องความบริสุทธิ์ พวกอัครทูตแสดงให้เราเห็นวิธีการใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์อย่างที่พระเจ้าเรียกเรา
คุณได้รับการทำให้บริสุทธิ์; คุณกำลังถูกทำให้บริสุทธิ์ 
เมื่อเปาโลเขียนถึง “ธรรมิกชน” เขาพูดว่า “พวกท่านบริสุทธิ์” ธรรมิกชนบริสุทธิ์แล้ว แต่เปาโลเขียนถึงธรรมิกชนเหล่านี้ว่า “พวกท่านต้องบริสุทธิ์” คุณบริสุทธิ์แล้ว แต่คุณต้องเติบโตต่อไปในความบริสุทธิ์
ความสมดุลนี้เห็นอย่างต่อเนื่องในจดหมายฝากต่าง ๆ ในฐานะผู้เชื่อเราบริสุทธิ์แล้ว แต่เรายังคงต้องเติบโตต่อไปในความบริสุทธิ์เมื่อเราดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า
ผู้เขียนฮีบรูบอกเราได้รับการทำให้บริสุทธิ์โดยการตายของพระคริสต์ “เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์ครั้งเดียวเป็นพอ” (ฮีบรู 10:10) เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยผ่านการตายของพระคริสต์
ผู้เขียนกล่าวต่อไปว่า “โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ทรงทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์ตลอดไป” (ฮีบรู 10:14) ประโยคนี้ประกอบด้วยสองคำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความบริสุทธิ์ โดยทางการตายของพระองค์ พระคริสต์ได้ “ทำให้คนทั้งหลายที่ “ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว” (ฮากิอาโซ)  นั้น “สมบูรณ์” (เทเลออส)  พระคัมภีร์ข้อนี้บอกกับเราว่า...
เราได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว: “พระองค์ทำให้สมบูรณ์ตลอดไป...” 
พระคริสต์ตายเพื่อเราจะเป็นอิสระจากอำนาจของบาป พระเยซู “จึงได้ทรงทนทุกข์ภายนอกประตูนครเช่นเดียวกัน เพื่อทรงชำระประชาชนให้บริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง” (ฮีบรู 13:12) พระประสงค์ของพระเจ้าในการทำให้คนของพระองค์บริสุทธิ์สำเร็จผ่านทางการตายของพระเยซู เราได้รับการทำให้สมบูรณ์ดีพร้อมแล้ว
เรากำลังได้รับการทำให้บริสุทธิ์: “คนทั้งหลายที่กำลังได้รับการชำระให้บริสุทธิ์”  
การตายของพระคริสต์ทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าบรรลุผลสำเร็จเกี่ยวกับการชำระให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ตลอดไป แต่การเติบโตในความบริสุทธิ์ของเรายังคงดำเนินไปตลอดชีวิต มันคือกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการตายของพระคริสต์ เราบริสุทธิ์ โดยการตายของพระคริสต์ เรากำลังได้รับการทำให้บริสุทธิ์
คำพยานของเปาโลอธิบายให้เห็นภาพของหลักการนี้ ในฟิลิปปีบทที่ 3 เปาโลเขียนว่า เขายังไม่ ดีพร้อม  แต่ในบางข้อต่อมา เขากล่าวถึงตัวเองว่าเป็นคนที่ดีพร้อมแล้ว   (“พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่”) คำที่เป็นตัวหนาในข้อพระคัมภีร์ต่อจากนี้มาจากคำว่า เทเลออส  ทั้งสองคำแปลว่า “ดีพร้อม”
“ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าได้รับแล้ว หรือดีพร้อม  (เทเลออส)  แล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปเพื่อที่จะฉวยไว้เพราะพระเยซูคริสต์ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้ … เพราะฉะนั้น เราที่เป็นผู้ใหญ่  (เทเลออส)  แล้วจงคิดอย่างนี้ และถ้าพวกท่านคิดอีกอย่างหนึ่ง พระเจ้าก็จะทรงให้เรื่องนี้ประจักษ์แก่ท่านด้วย” (ฟิลิปปี 3:12-15)
 
เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้ายังไม่ดีพร้อม” เขากล่าวต่อว่า “พวกเราที่ดีพร้อมแล้ว” เปาโลยังไปไม่ถึงเป้าหมาย เขากำลังเติบโตในความบริสุทธิ์ ที่เขายังไม่ดีพร้อมคือในความหมายนี้ แต่เปาโลบากบั่นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย เขาทุ่มเทเพื่อจะได้รับรางวัล ที่เขาดีพร้อมแล้วคือในความหมายนี้ เปาโลจึงสามารถพูดว่า “ข้าพเจ้ายังไม่ดีพร้อม” และ “ข้าพเจ้าดีพร้อม” ในย่อหน้าเดียวกัน
การเป็นคนดีพร้อมไม่ได้หมายความว่าเราปีนป่ายบันไดแห่งการงานต่าง ๆ เพื่อทำให้เราดีพร้อม แต่หมายความว่าเรายอมจำนนเต็มที่ต่อพระคุณของพระเจ้าในชีวิตของเรา มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทันทีในแง่ที่ว่า บางครั้งพระเจ้าตรัสบอกทิศทางของพระองค์ในใจของเรา มันก็เป็นกระบวนการในแง่ที่ว่า เมื่อเราเคลื่อนเข้าหาพระองค์ก็จะต่อเนื่องไปจนตลอดชีวิตที่เหลือ[1] 
คิดถึงภาพนักกอล์ฟที่ตีกอล์ฟลงหลุม มันเป็นจังหวะการตีที่ยอดเยี่ยม จังหวะการตีนั้นไม่ได้ยอดเยี่ยมตอนลูกกอล์ฟลงหลุมเท่านั้น แต่ขณะมันถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศ มันยอดเยี่ยมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตั้งแต่มันอยู่บนวิถีที่ไปถึงหลุมนั้น มันยอดเยี่ยมตั้งแต่วินาทีที่นักกอล์ฟตีลูกกอล์ฟแล้ว[2] 
ในทำนองเดียวกัน เปาโลมุ่งไปที่เป้าหมายสุดท้าย เขาตั้งเป้าและมุ่งไปสู่เป้าหมายด้วยใจเด็ดเดี่ยว เขายังไปไม่ถึงเป้าหมายแต่เขาอยู่บนทางที่ไปถึงเป้าหมายนั้น เขายังไม่ดีพร้อม แต่เขาก็ดีพร้อมแล้ว
ในฐานะผู้เชื่อ เราเป็น “ธรรมิกชน” ที่บริสุทธิ์ซึ่งพระเจ้ายอมรับโดยผ่านทางพระคริสต์ แต่เราได้รับการเรียกให้ถวายตัวเป็นดั่ง “เครื่องบูชาที่มีชีวิต” ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องในการเชื่อฟังและยอมจำนนทุกวัน (โรม 12:1) เราได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว และเรากำลังได้รับการทำให้บริสุทธิ์
คุณเป็นธรรมิกชน คุณต้องดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นธรรมิกชน 
เปาโลเขียนถึง “ธรรมิกชน” ที่อาศัยอยู่ในเมืองโครินธ์ พระธรรม 1โครินธ์กล่าวถึงคนที่บริสุทธิ์ว่าเป็น “ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์” (1 โครินธ์ 1:2) 2โครินธ์กล่าวถึง“คริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์และธรรมิกชนทุกคนที่อยู่ทั่วแคว้นอาคายา” (2 โครินธ์ 1:1) พวกเขาเป็นธรรมิกชน แต่พวกเขาต้องเรียนรู้อย่างมากเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในฐานะธรรมิกชน
มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นสองทางเกี่ยวกับความจริงนี้ ความเข้าใจผิดอย่างแรกคือ มีคริสเตียนบางคนพูดว่า “ฉันได้รับการเรียกให้เป็นธรรมิกชนเพราะพระเจ้ามองเห็นความชอบธรรมของพระคริสต์มากกว่าเห็นความบาปของฉัน ความบริสุทธิ์ของฉันจึงเป็นไป ‘ภาพลวงตา’ ฉันจะไม่มีวันบริสุทธิ์ในโลกนี้ แต่ยังไงพระเจ้าก็เรียกฉันว่าบริสุทธิ์” ในโรมบทที่ 6 ให้ความชัดเจนว่าคำตอบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับต่อเปาโล คนบริสุทธิ์ต้องดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์
ความเข้าใจผิดอย่างที่สอง มีคริสเตียนบางคนพูดว่า “ฉันเป็นธรรมิกชน ฉันไม่มีวันหล่นจากมาตรฐานของพระเจ้าเรื่องความดีพร้อม ฉันไม่ต้องกลับใจใหม่เพราะฉันไม่เคยผิด ฉันเป็นธรรมิกชน” เปาโลปฏิเสธความเข้าใจผิดนี้เหมือนกับที่ปฏิเสธอย่างแรก เปาโลเขียนเพื่อสอน “พวกธรรมิกชน” ในเมืองโครินธ์ให้ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ พวกเขาขาดความรู้และการเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นเปาโลจึงสอนธรรมิกชนเหล่านี้ให้ดำเนินชีวิตสมกับเป็นธรรมิกชน คนบริสุทธิ์ต้องดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์
เมืองโครินธ์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องพฤติกรรมเสื่อมเสีย เปาโลเรียกให้ผู้เชื่อทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีแต่ความชั่วร้ายนี้ให้มีพฤติกรรมที่บริสุทธิ์ พวกเขาต้องหลีกหนีจากการทำบาปทางเพศเพราะ “ร่างกายของท่านเป็นอวัยวะของพระคริสต์” (1 โครินธ์ 6:15) เปาโลเขียนรายการพฤติกรรมที่ต้องห้ามในอาณาจักรของพระเจ้า
“ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าหลงผิดเลย พวกที่ล่วงประเวณี พวกไหว้รูปเคารพ พวกผิดผัวผิดเมีย พวกโสเภณีชาย พวกรักร่วมเพศ พวกขโมย พวกที่โลภ พวกขี้เมา พวกชอบกล่าวร้าย พวกฉ้อโกง จะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า” (1 โครินธ์ 6:9-10)
 
หลังจากพูดถึงรายการต่าง ๆ ที่เป็นความบาปนี้ เปาโลสังเกตว่า “มีบางคนในพวกท่านเคยเป็นอย่างนี้” เปาโลกำลังเขียนถึงผู้ฟังที่ทำบาปเหล่านี้ ในฐานะผู้เชื่อ เปาโลคาดหวังให้พวกเขาละทิ้งวิถีชีวิตเดิม ให้เลิกทำบาปที่เคยทำในอดีต คนเหล่านี้จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ได้อย่างไร? เปาโลให้คำตอบไว้ว่า...
“แต่ท่านทั้งหลายได้รับการล้างชำระแล้ว ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และได้รับการชำระให้ชอบธรรมแล้วโดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและโดยพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา” (1 โครินธ์ 6:11)
 
ความบาปต่าง ๆ ใน 1 โครินธ์ 6:9-10 ได้ถูกลบล้างโดยการเปลี่ยนแปลงใหม่ใน 1 โครินธ์ 6:11 การเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ไม่ใช่โดยทางกฎหมาย เปาโลไม่เคยแนะนำว่า “พวกท่านจะยังคงทำบาป แต่พระเจ้าจะถือว่าพวกท่านชอบธรรมโดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมอันชั่วร้ายของท่าน” ไม่เลย แต่เขาพูดว่า “มีบางคนในพวกท่านเคยเป็นอย่างนี้ แต่ท่านทั้งหลายได้รับการล้างชำระแล้ว” คริสเตียนที่โครินธ์ต้องไม่หันกลับไปหาความบาปในอดีต เปาโลพูดว่า “พวกท่านเป็นธรรมิกชน จงทำให้สมกับเป็นธรรมิกชน” พวกเขาได้รับการชำระล้าง พวกเขาได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ พวกเขาได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว พวกเขาเป็นธรรมิกชน พวกเขาต้องดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นธรรมิกชน
เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าร่วมกองทัพ เขาได้รับชุดเครื่องแบบที่บ่งบอกว่าเขาเป็นทหาร ในเวลาเดียวกัน เขาได้รับคู่มือวินัยทหารให้ปฎิบัติตามขณะอยู่ในกองทัพ ชุดเครื่องแบบอย่างเดียวยังไม่พอ เขาต้องใช้ชีวิตตามวินัยทหารด้วย
การเรียนรู้วินัยทหารใช้เวลามากกว่าการสวมชุดทหาร ทหารใหม่ต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับชุดทหารที่พวกเขาใส่ เขาต้องเป็นทหารที่เป็นผู้ใหญ่ หลายครั้งที่ทหารหนุ่มคนนี้จะต้องถูกเตือนให้ระลึกถึงกฎต่าง ๆ ในกองทัพ การปฏิบัติของเขาดีพร้อมหรือยัง? ไม่เลย แต่การอุทิศตัวของเขาต่อการเป็นทหารครบถ้วนสมบูรณ์ไหม? ใช่ ในวันแรกที่กองทัพ เขาเป็นทหาร แต่เขาจะต้องใช้เวลาหลายวันเรียนรู้กับการใช้ชีวิตแบบทหารคนหนึ่ง
นึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่พูดว่า “ผมอยากถูกเรียกตัวให้เป็นทหาร แต่ผมไม่อยากทำตามวินัยทหาร” เขาซื้อชุดเครื่องแบบมาใส่ แต่เขาไม่ได้ใช้ชีวิตตามวินัยของทหาร เขาเป็นทหารที่แท้จริงไหม? ไม่เลย เขาทำทีว่าเป็นทหารเท่านั้น
จดหมายฝากต่าง ๆ ถูกเขียนถึงผู้เชื่อทั้งหลายที่ “สวมใส่พระคริสต์” ตอนนี้พวกเขากำลังเรียนรู้การใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์ ในเอเฟซัส 4-6 เรารู้ว่าชีวิตที่บริสุทธิ์เป็นอย่างไรในความสัมพันธ์ครอบครัว ความสัมพันธ์ในคริสตจักร และในจริยธรรมการทำธุรกิจ กาลาเทียบทที่ 5 เราเรียนรู้เรื่องผลของชีวิตที่ดำเนินไปกับพระวิญญาณ ใน 1 เปโตร เราเรียนรู้วิธีดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ในการเผชิญการข่มเหง เมื่อเราอ่านยากอบ เราเรียนรู้ว่าคนที่บริสุทธิ์ควบคุมลิ้นของเขาอย่างไร
เปาโลเขียนถึงผู้เชื่อที่เมืองโคโลสีว่า “เพราะว่าท่านตายแล้ว และชีวิตของพวกท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า” ผู้เชื่อเหล่านี้ได้ตายต่อบาป พวกเขามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ พวกเขาไม่ได้เป็นทาสของบาปอีก[3] ต่อไป พวกเขาบริสุทธิ์ แต่เปาโลกล่าวอีกว่า “จงประหารโลกียวิสัยในตัวท่าน” (โคโลสี 3:3, 5) คุณตายต่อบาป ประหารความบาป คุณเป็นธรรมิกชน คุณต้องดำเนินชีวิตอย่างธรรมิกชน
หลักการนี้ถูกกล่าวถึงในช่วงต้น ๆ ของบท
“เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงทำให้พวกท่านเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์สถิตอยู่ คือประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก” (โคโลสี 3:1-2)
 
เปาโลกล่าวว่า “วันแล้ววันเล่า พวกท่านต้องหมั่นแสวงหาสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ วันแล้ววันเล่า พวกท่านต้องมุ่งความคิดไปที่สิ่งต่าง ๆ ของพระเจ้า” กุญแจไขสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์คือการมุ่งความคิดไปที่สิ่งต่าง ๆ ของพระเจ้า คุณได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว (พระเจ้าทำให้พวกท่านเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว”) ดังนั้นจงบริสุทธิ์ (“จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน”)
ผลลัพธ์ของชีวิตที่บริสุทธิ์คืออะไร? “เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของท่านทั้งหลายทรงปรากฏ ในเวลานั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรีด้วย” (โคโลสี 3:4) ชีวิตที่บริสุทธิ์เตรียมคุณเพื่อใช้ชีวิตในนิรันดร์กาลกับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ เอโนค “ดำเนินกับพระเจ้าแล้วก็หายไปเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป” (ปฐมกาล 5:24) การเดินไปกับพระเจ้าในโลกนี้ด้วยความบริสุทธิ์เตรียมเอโนคสำหรับการอยู่กับพระเจ้านิรันดร์กาล การเดินไปกับพระเจ้าในโลกนี้ด้วยความบริสุทธิ์เตรียมเราให้ “ปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรี”
จดหมายฝากต่าง ๆ เขียนถึงธรรมิกชน เราได้รับการทำให้เป็นธรรมิกชนโดยผ่านทางพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เราได้ถอดมนุษย์เก่าออกและสวมใส่มนุษย์ใหม่ เดี๋ยวนี้เรากำลังเรียนรู้วันต่อวันถึงความหมายของการเป็นคนบริสุทธิ์ เรากำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เข้าสู่พระฉายของพระเจ้าทุก ๆ วัน การกระทำภายนอกของเราดีพร้อมหรือยัง? ยังไม่ดีพร้อม แต่การอุทิศตัวของเราเพื่อเป็นคนบริสุทธิ์สมบูรณ์หรือยัง? ใช่สมบูรณ์แล้ว เราเป็นธรรมิกชน เรากำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างธรรมิกชน
พระเจ้าทำให้คุณบริสุทธิ์; คุณจึงต้องใฝ่หาความบริสุทธิ์ 
ในเลวีนิติ พระเจ้าตรัสว่า “เหตุฉะนั้นเจ้าจงชำระตัวให้บริสุทธิ์” นี่คือคำสั่งให้ประชาชนทำตาม ในข้อถัดมาพระเจ้าสัญญาว่า “เราคือยาห์เวห์ผู้ชำระเจ้าให้บริสุทธิ์” (เลวีนิติ 20:7-8) นี่คือพระสัญญาถึงสิ่งที่พระเจ้าจะทำ ในการเข้าใจเรื่องความบริสุทธิ์ เราต้องสมดุลเกี่ยวกับความจริงสองอย่าง
1. ความบริสุทธิ์เป็นของขวัญจากพระเจ้า คือพระเจ้าทำให้คนของพระองค์บริสุทธิ์
2. ความบริสุทธิ์เป็นคำสั่งจากพระเจ้า คือพระเจ้าสั่งให้คนของพระองค์ “ใฝ่หาความบริสุทธิ์”
พวกฟาริสีจดจำเพียงแค่ “พวกเจ้าต้องใฝ่หาความบริสุทธิ์” พวกเขาเชื่อว่าตนเองสามารถเป็นคนบริสุทธิ์ได้โดยความพยายามของพวกเขา จดหมายฝากตอบว่า “พระเจ้าทำให้พวกท่านบริสุทธิ์”
คริสเตียนบางคนในคริสตจักรยุคแรกไปในทางตรงข้ามจนสุดโต่ง พวกเขาเชื่อว่า “ถ้าพระเจ้าต้องการทำให้เราบริสุทธิ์ พระองค์จะทำเอง เราไม่ต้องทำอะไรเลย” จดหมายฝากตอบว่า “พวกท่านต้องใฝ่หาความบริสุทธิ์”
ทั้งการยอมจำนนและการใฝ่หาล้วนสำคัญในการชำระให้บริสุทธิ์ พระเจ้าทำให้เราบริสุทธิ์ เราจึงต้องใฝ่หาความบริสุทธิ์ เรายอมจำนนต่อพระเจ้าและอนุญาให้พระองค์เปลี่ยนแปลงเรา แต่เราเพียรพยายามไปให้ถึงเป้าหมายที่พระเจ้าตั้งไว้ให้เรา (ฟิลิปปี 3:13) เปาโลเข้าใจว่าการไว้วางใจในพระสัญญาของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป เราได้รับฤทธิ์เดชเพื่อใฝ่หาความบริสุทธิ์เพราะพระทำให้เราบริสุทธิ์
เมื่อลูก ๆ ของผมยังเป็นเด็ก บางครั้งพวกเขาอ่านพระคัมภีร์ออกเสียงในช่วงการเข้าเฝ้าพระเจ้าร่วมกันในครอบครัว วันหนึ่งลูกสาวของเราอ่านฟิลิปปี 2:12 ด้วยความกระตือรือร้น สตาเซย์ตะโกนว่า “ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลาย ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น” เธอประทับใจกับคำสั่งนี้ที่ให้ “อุตส่าห์ประพฤติให้สมกับความรอด” แต่เปาโลกล่าวต่อไปว่า “เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน” งานของเรา  ทำสำเร็จได้เพราะการทำงานของพระเจ้า 
ตรงกันข้ามกับความเชื่อของคริสเตียนหลายคน การงานของพระเจ้าถูกทำให้สำเร็จได้เมื่อเรา “อุตส่าห์ประพฤติให้สมกับความรอด” นี่หมายความว่าเราได้รับความบริสุทธิ์ด้วยการทำงานของเราใช่ไหม? ไม่ใช่แน่นอน เปาโลพูดต่อว่า “พระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์” (ฟิลิปปี 2:13) พระเจ้าเป็นผู้ให้ความปรารถนา (“มีความประสงค์”) พระเจ้าเป็นผู้ให้ฤทธิ์เดชเพื่อทำงาน ปราศจาก “พระเจ้าผู้ทำการอยู่ภายในท่าน” การงานของเราก็ไม่เกิดผล เราไม่สามารถบริสุทธิ์ได้ด้วยตัวเอง แต่พระเจ้าจะไม่ทำให้เราบริสุทธิ์โดยไม่มีการใฝ่หาความบริสุทธิ์ของเรา
เปาโลเตือนชาวโครินธ์ให้ระลึกถึงพระสัญญาอันอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ว่า “เราจะเป็นดังบิดา ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็น บุตรชาย บุตรหญิงของเรา” (2 โครินธ์ 6:18) จากนั้นจึงสั่งพวกเขาให้ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ “ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ ขอให้เราชำระตัวเองให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนังและวิญญาณ จงมีความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า” (2 โครินธ์ 7:1) เนื่องจากพระสัญญาของพระเจ้า เรา “ชำระตัวเองให้ปราศจากมลทินทุกอย่าง” พระสัญญาของพระเจ้าในการทำให้เราบริสุทธิ์ให้ความมั่นใจแก่เราในการใฝ่หาความบริสุทธิ์
เปาโลเขียนถึงคริสเตียนที่เธสะโลนิกา เขาอธิษฐานว่าพระเจ้าจะ “ทรงชูใจของท่านไว้ให้ดำรงอยู่ในความบริสุทธิ์” (1 เธสะโลนิกา 3:13) นี่คือการทำงานของพระเจ้า จากนั้นเปาโลเริ่มต้นสอน “วิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ทำไมหรือ? เพราะ “พระประสงค์ของพระเจ้าเป็นอย่างนี้คือ ให้พวกท่านเป็นคนบริสุทธิ์” (1 เธสะโลนิกา 4:1, 3) พระเจ้ากำลังทำให้คริสเตียนที่เธสะโลนิการบริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาต้องใฝ่หาชีวิตที่บริสุทธิ์
พระธรรมกาลาเทียเป็นจดหมายที่เขียนถึงผู้เชื่อซึ่งถูกทดลองให้หันกลับไปสู่การรอดด้วย “การงานของกฎบัญญัติ” เปาโลเตือนพวกเขาให้ระลึกว่าพวกเขา “นับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะถูกนับว่าชอบธรรมได้เลย” (กาลาเทีย 2:16) ถ้าการถูกนับว่าชอบธรรมเป็นจุดสิ้นสุดของข่าวประเสริฐ นี่ก็คงเป็นจดหมายที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเปาโลที่จะบอกว่า “พวกท่านถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อ ตอนนี้พวกท่านสามารถใช้ชีวิตตามใจปรารถนาและท่านจะไปสวรรค์ พวกท่านมีที่ในสวรรค์แน่นอน” แต่เปาโลไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่เขาพูดว่า...
“ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย” (กาลาเทีย 5:24-25)
 
“ดำเนินชีวิตตาม” หมายถึง “เดินอยู่ในแนวเดียวกันกับผู้นำ” ซึ่งบอกถึงวินัยและการบังคับตัวเอง บอกถึงการดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณไม่ใช่ความปรารนาของตัวเอง พระเจ้าทำให้ชาวกาลาเทียบริสุทธิ์ แต่พวกเขาต้องใฝ่หาความบริสุทธิ์เสมอ
ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูเขียนว่าพระเจ้า “ตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์” เป็นความจริงที่น่าทึ่งมากเพียงไร มนุษย์ที่ล้มลงสามารถมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า นี่ไม่ใช่การร่วมกันในทางลี้ลับแบบพวกลัทธินอกรีต นี่คือคำสอนในเชิงปฏิบัติเรื่องวินัยฝ่ายวิญญาณ เขากำลังเขียนเรื่อง “ผลของความชอบธรรม” เกี่ยวกับการอยู่อย่างสันติร่วมกับคนอื่น และเกี่ยวกับความบาปอย่างเช่น ความขมขื่นและการทำบาปทางเพศ (ฮีบรู 12:10-16) นี่ไม่ใช่ความลี้ลับ มันเป็นเรื่องธรรมดาของคริสเตียน พระเจ้าเรียกให้ลูกของพระองค์บริสุทธิ์ พระองค์คาดหวังให้ลูกของพระองค์มีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์
เราสามารถมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้อย่างไร? เรามีส่วนร่วมในความบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้เมื่อเรา “มีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า”[4]  เปโตรชี้ถึงฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่ทำให้เราเป็นเหมือนพระองค์กับความพยายามของเราเพื่อเติบโตในการเป็นพระฉายของพระองค์
อันดับแรก เปโตรสัญญาว่าเราสามารถมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้าได้
“ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า โดยการรู้จักพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกเราด้วยพระสิริและคุณธรรมของพระองค์เอง โดยสิ่งเหล่านี้พระองค์จึงได้ประทานพระสัญญาอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่แก่เรา เพื่อว่าโดยพระสัญญาเหล่านี้พวกท่านจะพ้นจากความเสื่อมทรามที่มีอยู่ในโลกอันเกิดจากความปรารถนาชั่ว และจะมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า” (2 เปโตร 1:3-4)
 
พระเจ้าทำให้เราบริสุทธิ์ “ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา” ที่จำเป็นต่อ “ชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า” การดำเนินตามทางพระเจ้าไม่ใช่ฝันที่เป็นจริงไม่ได้ พระเจ้า “ได้ให้พระสัญญาณอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่เรา” หนึ่งในพระสัญญาเหล่านี้คือการที่เรา “จะมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า” พระสัญญาที่ว่าเราสามารถเหมือนพระบิดาของเราในสวรรค์นั้นมีไว้สำหรับลูกของพระเจ้าทุกคน สิ่งนี้ไม่ได้สำเร็จด้วยความพยายามของเราเอง การเดินตามทางของพระเจ้าเป็นของประทานแห่งพระคุณจากพระเจ้า โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า เราสามารถมีชีวิตที่กลมกลืนกันกับพระลักษณะของพระเจ้า พระเจ้าทำให้เราบริสุทธิ์
จากนั้นเปโตรกล่าวต่อไปว่า...
“ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านจงพยายามอย่างที่สุดที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อของพวกท่าน เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม เอาการควบคุมตัวเองเพิ่มความรู้ เอาความทรหดอดทนเพิ่มการควบคุมตัวเอง และเอาความยำเกรงพระเจ้าเพิ่มความทรหดอดทน เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มความยำเกรงพระเจ้า และเอาความรักเพิ่มความรักฉันพี่น้อง ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพวกท่านและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้พวกท่านเป็นคนไม่ไร้ประโยชน์ และไม่ไร้ผลในการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (2 เปโตร 1:5-8)
 
เนื่องจากฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ทำให้เรามีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า เราจึงต้อง “พยายามทุกทาง” เพื่อจะเติบโตขึ้นในความมีคุณธรรม ในความรู้ ในการบังคับตัวเอง ในความทรหดอดทน ในความยำเกรงพระเจ้า ในความรักฉันพี่น้อง และในความรัก เพราะสิ่งที่พระเจ้าได้ทำแล้ว เราจึงต้องใฝ่หาความบริสุทธิ์
เปโตรไม่เคยแนะนำว่าเราทำให้ตัวเราเองบริสุทธิ์ได้ด้วย “ความพยายามทุกทาง” เขาไม่ได้สอนเรื่องการทำตามกฎ เราไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าด้วยความอุตสาหะของเราเอง อย่างไรก็ตาม เปโตรต้องการให้เราเข้าใจว่าเราไม่สามารถมีชีวิตที่บริสุทธิ์ได้โดยปราศจากวินัยในตนเอง
เราใฝ่หาความบริสุทธิ์เพราะพระคุณของพระเจ้า พระคุณของพระองค์ให้ฤทธิ์เดชแก่เราเพื่อใฝ่หาชีวิตที่บริสุทธิ์ เนื่องจากฤทธิ์เดชของพระเจ้า (ข้อ 3-4) เรา “พยายามทุกทาง” เพื่อจะเติบโต (ข้อ 5-8) การใฝ่หาความบริสุทธิ์ของเราไม่ได้เป็นการทำตามกฎ แต่เป็นความปรารถนาตามธรรมชาติของหัวใจที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ถ้าหากเราเป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ เราจะต้องการเติบโตในความบริสุทธิ์ ถ้าหากเราเป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ เราจะต้องการเห็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเรา
 
[1] ทิโมธี ซี เทนเนนท์ (Timothy C. Tennent) การทรงเรียกให้บริสุทธิ์ (
The Call to Holiness ) (Franklin: Seedbed Publishing), 2014), 54-55
 
[2] ภาพอธิบายตัวอยางดัดแปลงมาจาก ทีเอ โนเบิล (T.A. Noble), ตรีเอกานุภาพผู้บริสุทธิ์: คนบริสุทธิ์ (
Holy Trinity: Holy People ) (Eugene: Cascade Books, 2013), 23
 
[3] “เปาโลกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์...’ เขาไม่ได้บอกว่า ‘ข้าพเจ้าตั้งใจเลียนแบบพระเยซูคริสต์’ หรือ ‘ข้าพเจ้าพยายามติดตามพระองค์จริง ๆ — แต่พูดว่า ‘ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมกับพระองค์ ในการตายของพระองค์’”
- ออสวาร์ด แชมเบอร์ส
 
[4] เนื้อหาส่วนนี้นำมาจากงานเขียนของ ดร.เอ ฟิลลิป บราวน์, “ความบริสุทธิ์ของพระเจ้ากับพระเจ้าผู้ชำระให้บริสุทธิ์” (Dr. A. Philip Brown, “Divine Holiness and Sanctifying God: A Proposal,”) ผลงานที่ไม่ได้เผยแพร่
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next