Lesson 1: ความงดงามแห่งความบริสุทธิ์

เมื่อจบบทเรียน นักศึกษาควรบรรลุจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

(1) เห็นคุณค่าความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ของพระเจ้าและแผนการของพระองค์เพื่อสร้างเราให้บริสุทธิ์

(2) ปฏิเสธความคิดผิด ๆ เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ แต่ยอมรับความคิดเรื่องความบริสุทธิ์ตามหลักการพระคัมภีร์

(3) ได้รับการเสริมสร้างให้สามารถอธิบายความหมายของการเป็นคนที่บริสุทธิ์แก่ผู้เชื่อใหม่ได้

(4) ท่องจำ 1 เปโตร 1:14-16

ความบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของพระคัมภีร์ ในพระคัมภีร์พระเจ้าได้แสดงให้เราเห็นว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์เป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ จากนั้นพระเจ้าได้แสดงให้เราเห็นว่าเราสามารถเป็นใครได้ในพระคุณของพระองค์ คือเราสามารถเป็นคนที่บริสุทธิ์ได้

ภายในผู้เชื่อที่แท้จริงทุกคน มีความหิวกระหายความบริสุทธิ์ ในฐานะลูกของพระเจ้า เราปรารถนาที่จะเป็นเหมือนพระองค์ น่าเศร้าใจที่คริสตจักรสมัยใหม่จำนวนมากได้ยอมรับแนวคิดผิด ๆ ว่าความบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แทนที่จะแสวงหาเพื่อเป็นเหมือนพระคริสต์ คนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนจำนวนมากกลับใช้ชีวิตอย่างพ่ายแพ้ในความบาป แทนที่จะมีชีวิตคริสเตียนที่มีชัยชนะ คริสเตียนมากมายกลับใช้วิธี “บริหารจัดการความบาป”

นานกว่าร้อยปีที่ผ่านมา จอห์น ไฮดี ผู้เป็นมิชชันนารียิ่งใหญ่ไปยังประเทศอินเดียได้กล่าวว่า “สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในวันนี้คือการฟื้นฟูด้านความบริสุทธิ์” หากนี่เป็นความจริงในสมัยนั้น มันก็เป็นความจริงสำหรับโลกที่เต็มไปด้วยความบาปในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี้ด้วย

ถ้าความบริสุทธิ์สำคัญต่อพระเจ้า เราต้องถามว่า “การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงอะไร?” ถ้าความบริสุทธิ์เป็นคำสั่งในพระคัมภีร์ เราต้องถามว่า “เป็นไปได้ไหมที่จะใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์?”

ในวิชานี้ เราจะเรียนรู้ว่าพระเจ้าหมายความว่าอะไรเมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์” เมื่อเราเข้าใจเรื่องความบริสุทธิ์ในพระคัมภีร์แล้ว เราก็จะมองเห็นว่าชีวิตที่บริสุทธิ์นั้นเป็นไปได้สำหรับคริสเตียนทุกคน แต่ละบทเรียนประกอบไปด้วยเนื้อหาดังต่อไปนี้

1. เราจะศึกษาความหมายตามหลักการพระคัมภีร์ของคำว่า “บริสุทธิ์” “การชำระให้บริสุทธิ์” และ “ความดีพร้อม” ในส่วนนี้คือศาสนศาสตร์พระคัมภีร์เรื่องความบริสุทธิ์

2. เราจะศึกษาแง่มุมในทางปฏิบัติเกี่ยวกับชีวิตที่บริสุทธิ์ โดยเราจะเรียนรู้ถึงสิ่งที่พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับชีวิตที่บริสุทธิ์ และวิญญาณที่เป็นเหมือนพระคริสต์

3. เราจะพิจารณาชีวิตคริสเตียนที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นคนบริสุทธิ์ เราจะศึกษาว่าคนที่บริสุทธิ์ปฏิบัติตัวอย่างไรในชีวิตประจำวัน

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ่านและอภิปรายร่วมกัน

ก่อนจะเข้าบทเรียนนี้ ขอให้อ่านข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อด้านล่างนี้และอภิปรายร่วมกันเพื่อตอบคำถาม ซึ่งแนะนำหัวข้อที่เราจะศึกษาในบทเรียนเหล่านี้[1]

► อ่าน เลวีนิติ 19:2 จากเนื้อหาในพระคัมภีร์ตอนนี้ ทำไมชนอิสราเอลจึงต้องบริสุทธิ์?

► อ่าน 1 เปโตร 1:15-16 ผู้เชื่อจะต้องมีการประพฤติแบบไหน?

► อ่าน ฮีบรู 12:14 จากเนื้อหาในพระคัมภีร์ตอนนี้ ถ้าหากคริสเตียนต้องการเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจะต้องมีคุณสมบัติสองประการคืออะไรบ้าง?

► อ่าน 1 เธสะโลนิกา 4:3-8 พระเจ้าเรียกให้ผู้เชื่อทุกคนละเว้นจากความบาปอะไรบ้าง? พระเจ้าเรียกประชากรของพระองค์ให้ทำอะไร?

► อ่าน วิวรณ์ 20:6 อะไรคือคุณลักษณะฝ่ายวิญญาณของคนที่จะมีส่วนในการฟื้นขึ้นจากความตายครั้งแรก?

► เมื่อคุณได้ยินคำอธิบายถึงบุคคลหนึ่งว่า “บริสุทธิ์” ภาพอะไรที่ผุดขึ้นมาในใจของคุณ? ภาพนั้นด้านบวกหรือลบ? ทำไมเป็นเช่นนั้น?

มีมิชชันนารีคนหนึ่งที่เคยมาเยี่ยมชายชราที่เป็นหัวหน้าเผ่าชาวแอฟริกา หัวหน้าเผ่าถามว่า “คริสเตียนคืออะไร?” มิชชันนารีตอบว่า “คริสเตียนไม่ขโมยวัวควายของศัตรู ไม่ชิงภรรยาของศัตรู ไม่ฆ่าศัตรูของเขา”

หัวหน้าเผ่าตอบว่า “ผมเข้าใจแล้ว การเป็นคริสเตียนก็เหมือนกับการเป็นคนแก่! ตอนที่ผมยังหนุ่มแน่น ผมทำร้ายศัตรู ชิงภรรยาและขโมยวัวควายของพวกเขา แต่ตอนนี้ผมแก่เกินกว่าจะทำร้ายศัตรูของผม ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นคริสเตียน!”

น่าเศร้าใจที่มีคนมากมายคิดแบบนี้เกี่ยวกับชีวิตที่บริสุทธิ์ พวกเขาคิดว่าความบริสุทธิ์ก็ไม่ต่างอะไรกับการมีบัญชีรายชื่อชนิดของความบาปต่าง ๆ ที่ต้องหลีกเลี่ยง พวกเขาพลาดจากความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ตามที่สอนไว้ในพระวจนะของพระเจ้า

แนวคิดที่ผิดเกี่ยวกับความบริสุทธิ์

พระเจ้าบริสุทธิ์ คนของพระเจ้าก็ต้องบริสุทธิ์ นี่คือคำสอนหลักในพระคัมภีร์ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อผิด ๆ มากมายเกี่ยวกับความบริสุทธิ์

1. บางคนเชื่อว่ามีเพียงไม่กี่คนที่บริสุทธิ์ได้ พวกเขาแบ่งคริสเตียนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือคริสเตียนที่เชื่อและได้ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด แต่พวกเขาไม่สัตย์ซื่อในการเชื่อฟังพระเจ้าทั้งด้วยการกระทำและท่าที กลุ่มที่สองคือคริสเตียนที่บรรลุระดับสูงกว่า คือพวกปุโรหิต ศิษยาภิบาล หรือนักบุญ ตามแนวคิดนี้จึงทำให้มีคริสเตียนเพียงไม่กี่คนที่บริสุทธิ์ได้

2. บางคนเชื่อว่าเราจะบริสุทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเราใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หลายปีที่แล้ว มี “คนบริสุทธิ์” บางคนแยกตัวไปใช้ชีวิตอยู่ในที่เปลี่ยวไร้ผู้คน ชายคนหนึ่งใช้ชีวิตตลอดสามสิบเจ็ดปีบนแท่นสูงเหนือพื้นดิน เขาเชื่อว่าเราจะบริสุทธิ์ได้โดยการหลีกหนีจากผู้คน

3. บางคนเชื่อว่าเราจะบริสุทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเราตาย พวกเขาเชื่อว่าเราจะไม่มีวันทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตนี้ได้ แต่เราจะบริสุทธิ์ได้เมื่อเราตาย สำหรับความเชื่อแบบนี้ ความตายไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นมิตร เพราะในการตายทำให้เราบรรลุพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคนของพระองค์ได้

4. บางคนเชื่อว่าเราจะบริสุทธิ์ได้โดยการทำตามกฎ พวกเขาเชื่อว่าเราจะบริสุทธิ์ได้โดยการแต่งกายแบบใดแบบหนึ่งหรือโดยการทำตามกฎต่าง ๆ ที่ “ให้ทำและห้ามทำ” พวกเขาเชื่อว่าความบริสุทธิ์คือรูปลักษณ์ภายนอกไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในจิตใจ

5. บางคนเชื่อว่าหลักฐานแสดงถึงความบริสุทธิ์ของบุคคลหนึ่งคือการมีของประทานพิเศษในการพูดภาษาแปลก ๆ หรือการทำอัศจรรย์ พวกเขาไม่ได้วัดคุณค่าความบริสุทธิ์จากชีวิตที่บริสุทธิ์ แต่วัดจากหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ

6. สุดท้าย คนมากมายเชื่อว่าความบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้! พวกเขาเชื่อว่าความบริสุทธิ์เป็นอุดมการณ์อย่างหนึ่งที่พระเจ้าให้ไว้เพื่อท้าทายเราให้ทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ความเป็นจริงในโลกนี้ สำหรับความเชื่อแบบนี้ ไม่มีใครสามารถบรรลุคำสั่งของพระเจ้า “จงบริสุทธิ์” ได้เลย

อย่างไรก็ตาม คำสั่งของพระเจ้า “จงบริสุทธิ์” เป็นคำสั่งที่พระเจ้าตั้งใจให้เราทำตาม พระเจ้าเป็นพ่อที่แสนดี พระองค์ไม่เคยสั่งให้เราทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้โดยผ่านทางพระคุณของพระองค์ การเป็นคนบริสุทธิ์คือการเป็นในสิ่งที่พระเจ้าสร้างเราให้เป็น ด้วยกำลังของเราเอง เราไม่สามารถมีใจบริสุทธิ์ได้เลย แต่ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ผู้เชื่อทุกคนมีใจบริสุทธิ์ได้ ความบริสุทธิ์มาจากพระคุณของพระเจ้า ไม่ใช่จากความพยายามของเราเอง

► แนวคิดผิดอย่างใดเกี่ยวกับความบริสุทธิ์เหล่านี้ที่มีอยู่ในแวดวงการรับใช้ของคุณ? คริสเตียนในแวดวงของคุณมองเห็นว่าความบริสุทธิ์นั้นมีความงดงามหรือไม่?

ภาพความบริสุทธิ์ในพระคัมภีร์

พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าความบริสุทธิ์เป็นดั่งความงดงามที่เตรียมไว้สำหรับลูกของพระเจ้า ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดผิด ๆ เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ที่กล่าวมาก่อนหน้า ขอให้คิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ในพระคัมภีร์เรียกว่าบริสุทธิ์ ไม่มีสักสิ่งที่น่าเกลียดหรือน่าสะอิดสะเอียน แต่ทุกสิ่งเหล่านั้นล้วนงดงามและดึงดูดใจ

• ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้นงดงามและเต็มไปด้วยสง่าราศี

• สิ่งของต่างๆในพระวิหารที่บริสุทธิ์และงดงาม

• ชนอิสราเอลถูกเรียกว่าชนชาติบริสุทธิ์ซึ่งดึงดูดชนชาติอื่น ๆ ให้เข้าหาพระเจ้า ความงดงามของอิสราเอลดึงดูดผู้คน ไม่ได้ผลักไสออกไป[1]

• คริสเตียนถูกเรียกว่าเป็นคนบริสุทธิ์ เป็นเจ้าสาวผู้งดงามที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าบ่าว

แต่ละภาพเหล่านี้ล้วนดึงดูดใจ พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าความงดงามแท้จริงไม่ได้ทำร้ายหรือน่ากลัว แต่เป็นของประทานแห่งความรักจากพระบิดาในสวรรค์ของเรา ถ้าหากเรามองเห็นความบริสุทธิ์อย่างที่เป็นจริง ๆ เราควรปรารถนาใจและชีวิตที่บริสุทธิ์ ถ้าหากเราเทศนาเรื่องความบริสุทธิ์ตามที่พระคัมภีร์สอนไว้ สมาชิกของเราควรปรารถนาใจและชีวิตที่บริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์เป็นของประทานที่งดงามจากพระบิดาผู้รักเรา

พระเจ้าสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบไว้แล้ว

เริ่มต้นในสวนเอเดน สวนที่สวยงาม ขอให้คิดถึงผลไม้หอมหวานที่สุดที่คุณเคยกิน ผลไม้ในสวนเอเดนหอมหวานยิ่งกว่า คิดถึงดอกไม้ที่สวยที่ที่สุดที่คุณเคยเห็น ดอกไม้ในสวนเอเดนสวยยิ่งกว่า พระเจ้าสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบไว้แล้ว โลกที่ปราศจากบาป พระองค์สร้างโลกที่ไม่มีความเจ็บปวด น้ำตา หรือความตาย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พระเจ้าได้สร้างโลกที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าได้ ในแต่ละวันพระเจ้าจะมาหาอาดัมและเอวา ไม่มีสิ่งทรงสร้างอื่นได้สิทธิพิเศษแบบนี้ พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีความสัมพันธ์พิเศษกับพระองค์ ในสวนเอเดน มีสันติสุขอย่างสมบูรณ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์

ซาตานทำลายโลกที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า

ซาตานต้องการทำลายโลกนี้สมบูรณ์แบบนี้ ซาตานเกลียดทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างไว้ ยิ่งกว่านั้นซาตานเกลียดมิตรภาพระหว่าพระเจ้ากับมนุษย์ มันจงใจทำลายความสัมพันธ์แห่งรักแลไว้วางใจนี้

ซาตานไม่สามารถทำลายมนุษย์ได้โดยตรง ดังนั้นมันจึงมุ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ซาตานรู้ว่าพระเจ้าบริสุทธิ์และพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามพระฉายาของพระองค์ ซาตานต้องการทำลายพระฉายอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่มีในมนุษย์ พระเจ้าผู้บริสุทธิ์และมนุษย์ผู้บริสุทธิ์มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น แต่ซาตานสามารถทำลายความสัมพันธ์นี้โดยการล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป

ซาตานมาหาเอวาด้วยรูปลักษณ์ของงู งูนั้นสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นต่อคำสั่งของพระเจ้า มันถามว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าไม่ควรกินผลจากต้นใด ๆ ในสวนนี้?’” มันต้องการทำให้เอวาสงสัยความดีงามของพระเจ้า เอวาตอบว่า “ผลของต้นไม้ในสวนนี้เรากินได้ แต่พระเจ้าตรัสว่า ‘เว้นแต่ผลจากต้นที่อยู่กลางสวน เจ้าไม่ควรกินและถูกต้องเลย มิฉะนั้นเจ้าจะตาย’” (ปฐมกาล 3:1-6)

งูนั้นกล่าวโทษพระเจ้าว่าหวงสิ่งดีเอาไว้จากอาดัมและเอวา งูพูดว่า “เจ้าจะไม่ตายแน่ เพราะพระเจ้ารู้ว่าเมื่อใดที่เจ้ากินผลจากต้นไม้นั้น ตาของเจ้าจะสว่างขึ้น แล้วพวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว” งูล่อลวงเอวาให้หยิ่งผยองด้วยประโยคนี้ว่า “เจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า”

เอวากินผลไม้นั้น ยื่นให้อาดัม และเขาก็กิน อาดัมและเอวารู้ว่าพวกเขาได้ละเมิดกฎหมายของพระเจ้า เมื่อพระเจ้ามาที่สวนนั้น พวกเขาละอายใจและซ่อนตัวจากพระองค์ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ถูกทำลายลงแล้ว

พระเจ้าไม่ทอดทิ้งสิ่งทรงสร้างของพระองค์

เนื่องจากความบาปของอาดัมและเอวา พระเจ้าจึงขับไล่พวกเขาออกจากสวนเอเดน ความบาปได้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ความบาปสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับพระฉายของพระเจ้าในมนุษย์ แต่เพราะความรักของพระเจ้า พระองค์ไม่ได้ทิ้งให้มนุษย์อยู่ในสภาพที่เลวร้ายย่ำแย่ พระเจ้าพูดได้ว่า “อาดัม เจ้าเป็นต้นเหตุให้ความเลวร้ายนี้เกิดขึ้น เจ้าสร้างปัญหานี้ขึ้นมาเอง เราจะไม่ยุ่งอะไรด้วย” แต่พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรักไม่ได้ทำแบบนั้น พระองค์เข้ามาในโลกนี้และจัดเตรียมการช่วยกู้เราให้พ้นจากความบาป

การช่วยกู้นี้เกี่ยวข้องกับหนทางสู่การให้อภัย พระเจ้าจัดเตรียมทางหนึ่งเอาไว้เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าผู้บริสุทธิ์กับมนุษย์ผู้ล้มลงในความบาป คริสตจักรมักจะเทศนาเสมอว่า “พระเจ้าสามารถทำให้คนบาปเป็นคนชอบธรรมได้” โดยผ่านทางไม้กางเขน เราสามารถรับการให้อภัยบาปได้

นี่คือข่าวดีที่สุด! แต่บางครั้งคริสตจักรลืมพูดถึงอีกส่วนหนึ่งของการช่วยกู้จากพระเจ้า การช่วยกู้จากพระเจ้าเพื่อให้พ้นจากความบาปไม่ได้มีเพียงการให้อภัยบาป แต่มีหนทางสู่การรื้อฟื้นเราขึ้นมาใหม่ด้วย คือพระเจ้าเตรียมหนทางเพื่อรื้อฟื้นพระฉายของพระองค์ในมนุษย์

พระเจ้าไม่ได้พูดอย่างพึงพอใจว่า “เจ้าพ้นจากโทษของบาปได้ แต่เจ้าไม่มีวันพ้นจากอำนาจของบาป” ไม่เลย พระเจ้าจัดเตรียมหนทางเพื่อให้มนุษย์ได้รับการทำให้บริสุทธิ์ พระเจ้าเคยเดินอยู่ในสวนกับมนุษย์ที่บริสุทธิ์ แต่พระองค์ไม่สามารถเดินร่วมกับมนุษย์ที่เป็นคนบาปได้ พระเจ้าต้องการมีความสัมพันธ์กับคนของพระองค์ พระองค์จึงเตรียมหนทางเพื่อทำให้เราบริสุทธิ์

ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่มเราเห็นพระเจ้าทำงานเพื่อสร้างผู้คนที่บริสุทธิ์ที่พระองค์สามารถมีความสัมพันธ์กับพวกเขาได้พระเจ้าไม่ได้พูดว่า“เรารู้ว่าเจ้าเป็นคนบาปแต่เราจะปิดตาเพื่อจะมองไม่เห็นความบาปของเจ้าและแสร้งทำเป็นว่าเจ้าชอบธรรม”แต่พระเจ้าสัญญาว่าจะทำให้คนของพระองค์บริสุทธิ์

“พระยาห์เวห์จะทรงตั้งท่านให้เป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระองค์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณแก่ท่านแล้ว ถ้าท่านรักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาของพระองค์” (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:9)

พระเจ้าต้องการทำให้คนของพระองค์บริสุทธิ์ นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคนของพระงอค์ พระเจ้าสัญญาว่าคนของพระองค์จะถูกเรียกว่า“ชนชาติบริสุทธิ์ผู้รับการไถ่ไว้แล้วของพระยาห์เวห์” (อิสยาห์ 62:12)

เนื่องจากการล้มลงในความบาป มนุษย์จึงไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป ไม่ช้านานเราก็จะลืมความบริสุทธิ์ที่เป็นธรรมชาติของพระเจ้า พระเจ้าได้สร้างเราขึ้น “ในพระฉายาของพระองค์” แต่เรากลับสร้างพระต่าง ๆ ขึ้นตามรูปลักษณ์ของเราที่อิจฉา เกลียดชัง และหยิ่งผยอง

ชาวบาบิโลนเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งชื่อมาร์ดัค เขากลายมาเป็นเทพเจ้าโดยการฆ่าแม่ของตัวเอง ชาวกรีกเล่าเรื่องของซุสที่มีภรรยาหลายคน ชาวโรมันเล่าเรื่องของแบคคัช เทพเจ้าแห่งการเมามายและกิเลสตัณหา

เทพเจ้าต่าง ๆ เหล่านี้ไม่บริสุทธิ์ ผู้คนที่กราบนมัสการเทพเจ้าเหล่านี้ก็เป็นเหมือนเทพเจ้าของพวกเขา คือโกหก ลักขโมย และคดโกง มนุษย์บาปสร้างเทพเจ้าบาป และเทพเจ้าเหล่านี้ปล่อยให้มนุษย์ทำบาปต่อไป เราจึงกลายเป็นเหมือนเทพเจ้าที่เรานมัสการ

พระเยโฮวาห์ไม่เหมือนพระเทียมเท็จเหล่านี้ พระเจ้าบริสุทธิ์ พระคัมภีร์เป็นพยานถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากข้ามทะเลแดง ชนอิสราเอลยกย่องพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ของพวกเขา พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในบรรดาพระต่างๆ องค์ไหนจะเป็นเหมือนพระองค์เล่า? องค์ไหนจะเหมือนพระองค์ผู้ทรงงามสง่าในความบริสุทธิ์...” (อพยพ 15:11)

ผู้เขียนสดุดีร้องสรรเสริญว่า “ถึงอย่างไร พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ ผู้ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล” (สดุดี 22:3) อิสราเอลสรรเสริญพระเจ้าสำหรับความบริสุทธิ์ของพระองค์ ผู้เขียนสดุดีเรียกพระเจ้าว่า “องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล” (สดุดี 71:22; 78:41; 89:18)

ผู้เผยพระวจนะเป็นพยานว่าพระเจ้าบริสุทธิ์ เหมือนกับผู้เขียนสดุดี พวกเขาเรียกพระเจ้าว่า “องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล”[1] อิสยาห์เรียกพระเจ้าว่า “องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล” ยี่สิบหกครั้ง อิสยาห์ยกย่องว่า “องค์ผู้สูงเด่นและสูงส่ง ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์” (อิสยาห์ 57:15) ความบริสุทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของพระลักษณะของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าปฏิญาณไว้ “ด้วยความบริสุทธิ์ของพระองค์” ก็หมายถึงการปฏิญาณไว้ “ด้วยพระองค์เอง” (อาโมส 4:2; 6:8) ฮาบากุกยืนยันว่าพระเจ้า “บริสุทธิ์เกินกว่าจะทอดพระเนตรการชั่ว” (ฮาบากุก 1:13) พวกผู้เผยพระวจนะรู้ว่าพระเจ้าบริสุทธิ์

การนมัสการพระเจ้าในสวรรค์เป็นการเฉลิมฉลองความบริสุทธิ์ของพระองค์ เสราฟิมร้องสรรเสริญว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระยาห์เวห์จอมทัพ” (อิสยาห์ 6:3) ยอห์นผู้เห็นนิมิตได้เห็นสิ่งทรงสร้างทั้งสี่สรรเสริญพระเจ้า พวกเขาร้องสรรเสริญว่า“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา” (วิวรณ์ 4:8) พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์

พระเจ้าผู้บริสุทธิ์สร้างมนุษย์ให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ แต่เพราะความบาปของเราเองที่แยกเราออกจากพระเจ้า อย่างไรก็ตามพระเจ้าประสงค์ที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคนของพระองค์ เนื่องจากมีเพียงคนที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ได้ พระเจ้าจึงได้สอนเรื่องความบริสุทธิ์ให้กับผู้คนที่ไม่บริสุทธิ์ มีสองส่วนในกระบวนการนี้

1. พระเจ้าสอนมนุษย์ถึงธรรมชาติของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ มาร์ดัค ซุส และแบคคัช มีพลังอำนาจแต่ขาดศีลธรรม พระเจ้าเปิดเผยพระองค์เองในฐานะผู้มีฤทธิ์อำนาจและบริสุทธิ์

2. พระเจ้าสอนมนุษย์ถึงธรรมชาติของคนที่บริสุทธิ์ พระเจ้าตรัสว่า “เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเรายาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์” (เลวีนิติ 19:2) เนื่องจากพระเจ้าบริสุทธิ์ คนของพระองค์จึงต้องบริสุทธิ์

อิสยาห์เทศนาประกาศต่อชนชาติที่ทำบาป ความบาปได้ทำลายความงดงามของบรรดาคนของพระเจ้า จากการเป็นประชาชนที่พระเจ้าเลือกสรร ชนอิสราเอลได้ล่วงหล่นจากการเป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือกสรรไปสู่สถานภาพที่น่าอับอาย จากคนที่เคยมีชัยชนะแต่ตกต่ำไปสู่การเป็นเชลย พวกเขาไม่ได้งดงามอีกต่อไป แต่เป็นทาสที่น่าอดสู อิสยาห์ได้พยากรณ์ล่วงหน้าถึงวันที่ “ความชอบธรรมของอิสราเอลจะออกไปเหมือนความสว่าง” ในวันนั้นชนอิสราเอล “เป็นมงกุฎงามในพระหัตถ์พระยาห์เวห์” (อิสยาห์ 62:2-3)

ผู้คนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับคำสอนในพระคัมภีร์เรื่องความบริสุทธิ์ก็มักจะวาดภาพความบริสุทธิ์ว่าเป็นกฎหมาย กฎตายตัว และใบหน้าที่เคร่งขรึม นี่ไม่ใช่มุมมองของพระคัมภีร์เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ แต่การเป็นคนบริสุทธิ์คือการแสดงให้เห็นถึงความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ที่เป็นของพระเจ้าเอง การเป็นคนบริสุทธิ์ทำให้มีเสรีภาพและความชื่นชมยินดีที่จะมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ คำว่าบริสุทธิ์ในพระคัมภีร์ไม่ได้เป็นคำที่ใช้กับความสิ้นหวัง แต่เป็นคำที่ใช้กับความชื่นชมยินดีและความงดงาม

ในพระคัมภีร์ พระเจ้าเปิดเผยถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของพระองค์ จากนั้นพระเจ้าจึงสอนวิธีการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ให้กับคนของพระองค์ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือพระเจ้าแสดงให้เห็นว่าพระองค์จะให้ฤทธิ์อำนาจแก่คนของพระองค์เพื่อเป็นในสิ่งที่พระองค์เรียกให้เราเป็น โดยทางพระคุณของพระองค์ พระเจ้าสามารถทำให้คนบริสุทธิ์ได้ พระเจ้าไม่ได้เพิกเฉยต่อความบาปที่อยู่ในบรรดาลูกของพระองค์ แต่พระองค์ทำให้เราบริสุทธิ์ พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ปรารถนามีความสัมพันธ์กับคนที่บริสุทธิ์

โดยทางพระวจนะของพระองค์ พระเจ้าสอนคนของพระองค์ให้รู้ความหมายของการเป็นคนที่บริสุทธิ์ เมื่อพระเจ้าเริ่มต้นสอนคนของพระองค์ พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ พวกเขาไม่เคยเห็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์หรือคนที่บริสุทธิ์ พระเจ้าสอนความหมายของความบริสุทธิ์เหมือนกับการที่เราสอนภาษาให้เด็กคนหนึ่ง

เมื่อเราสอนเด็กเล็ก เราชี้ไปที่เก้าอี้และพูดว่า “เก้าอี้” เราชี้ไปที่รถยนต์และพูดว่า “รถยนต์” ทีละนิดทีละหน่อยเด็กค่อย ๆ เรียนรู้ความหมายของคำต่าง ๆ เด็กเล็กเรียนรู้ความหมายของคำว่า “รัก” โดยการได้รับความรักจากแม่ของพวกเขา เด็กเล็กเรียนรู้ความหมายของคำว่า “ยุติธรรม” เมื่อพ่อแม่ลงโทษอย่างยุติธรรมเมื่อมีการไม่เชื่อฟัง

พระเจ้าสอนความหมายของความบริสุทธิ์ด้วยวิธีอย่างเดียวกัน ในการล้มลงในความบาป เราไม่รู้เลยว่าความบริสุทธิ์หมายความว่าอะไร พระเจ้าค่อย ๆ เปิดเผยความหมายของความบริสุทธิ์ให้กับคนของพระองค์โดยผ่านทางภาพที่อธิบายให้เห็นว่าการเป็นคนบริสุทธิ์นั้นหมายถึงอะไร เมื่อเราดำเนินชีวิตตามความหมายของคำว่าบริสุทธิ์ตลอดทั้งพระคัมภีร์ เราจะเห็นสิ่งต่อไปนี้

1. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า มนุษย์ที่บริสุทธิ์ในพระธรรมปฐมกาล (เช่น เอโนค และอับราฮัม) เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า พวกเขา “ดำเนินกับพระเจ้า” ในการแสดงให้เห็นถึงชีวิตของมนุษย์ที่บริสุทธิ์นั้น พระเจ้าเปิดเผยว่าคนที่บริสุทธิ์คือคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า

2. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการสะท้อนพระฉายาของพระเจ้า ความบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นลักษณะธรรมชาติของมนุษย์ ความบริสุทธิ์เป็นพระลักษณะของพระเจ้าเท่านั้น ชนอิสราเอลถูกเรียกร้องว่า “เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเรายาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์” (เลวีนิติ 19:2) การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงการสะท้อนพระฉายาของพระเจ้าในชีวิตของเรา การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงการเป็นเหมือนพระเจ้า

3. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการแยกไว้เพื่อพระเจ้า ครั้งแรกที่คำว่า “บริสุทธิ์” ถูกใช้ในพระคัมภีร์นั้นเป็นการกล่าวถึงวันที่ถูกแยกไว้เพื่อพระประสงค์พิเศษของพระเจ้าคือ วันสะบาโตวันบริสุทธิ์ เป็นวันที่ถูกแยกไว้ ตั้งไว้เป็นพิเศษ นอกเหนือจากหกวัน เหมือนกับเด็กเล็กที่เรียนรู้ความหมายของคำว่า “เก้าอี้” พระเจ้าชี้ไปที่วันที่เจ็ดและพูดว่า “นั่นเป็นวันบริสุทธิ์”

4. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการมีใจเด็ดเดี่ยว ในพระธรรมหมวดประวัติศาสตร์ พระเจ้าใช้คำว่า “ดีพร้อม” เพื่ออธิบายถึงคนที่มี “ใจเด็ดเดี่ยว” การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงการเป็นคนที่มีใจแน่วแน่ในการอุทิศตัวต่อพระเจ้า หัวใจที่บริสุทธิ์รักพระเจ้าโดยไม่แบ่งใจให้สิ่งอื่น

5. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม ผู้เผยพระวจนะเทศนาประกาศต่อคนที่คิดว่า “เรานมัสการในวิหารและถวายเครื่องบูชา เราบริสุทธิ์” พวกผู้เผยพระวจนะแสดงให้เห็นว่าการทำตามพิธีกรรมนั้นยังไม่พอ การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมต่อพระเจ้าและต่อคนอื่น คนที่บริสุทธิ์ “กระทำอย่างยุติธรรม รักความเมตตา และดำเนินอย่างถ่อมใจต่อพระเจ้า” (มีคาห์ 6:8)

6. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการมีความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านของเรา การเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าในชีวิตของพระเยซูนั้นปรากฏในพระกิตติคุณ พระเยซูมีหัวใจที่บริสุทธิ์ที่ยอมจำนนอย่างเต็มที่ต่อพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูมีมือที่บริสุทธิ์ที่ทำกิจแห่งรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมต่อผู้อื่น พระเยซูแสดงให้เห็นว่าการรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองนั้นเป็นอย่างไร

7. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการดำเนินชีวิตอยู่ในการเต็มล้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระธรรมกิจการ เราเห็นตัวอย่างของคริสเตียนที่ได้รับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเขาดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ได้โดยผ่านทางฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเป็นคนบริสุทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่ในการเต็มล้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์

[1]8. การเป็นคนบริสุทธิ์คือการเป็นเหมือนพระคริสต์ พระเยซูคือแบบอย่างที่สมบูรณ์ของการมีหัวใจและมือที่บริสุทธิ์ ในจดหมายฝากต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าคริสเตียนดั้งเดิมสามารถทำตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ได้ จดหมายฝากให้แนวทางการปฏิบัติเพื่อจะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ทุก ๆ วัน จดหมายเหล่านี้สอนวิธีการดำเนินชีวิตในฐานะคนที่เป็นเหมือนพระคริสต์ให้แก่เรา

9. ความบริสุทธิ์ทำให้เราเห็นพระเจ้า ในสวนเอเดนพระเจ้าจัดเตรียมสถานที่เพื่อให้คนบริสุทธิ์สามารถดำรงอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีเลิศกับพระบิดา แต่เพราะความบาป เราจึงถูกขับไล่ออกจากสวนนั้น แต่พระเจ้าก็ไม่เลิกที่จะทำตามแผนการของพระองค์ ในพระธรรมวิวรณ์ เราพบว่าจะมีวันหนึ่งที่คนของพระเจ้าจะได้เห็นพระองค์แบบเต็มตา ไม่มีคนบาปคนใดที่จะมองดูพระองค์ได้ แต่พระเจ้ากำลังเตรียมคนที่บริสุทธิ์ผู้ที่จะใช้เวลาอยู่ในการทรงสถิตของพระองค์ชั่วนิรันดร์ นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคนของพระองค์

ดร.จอห์น สต๊อท หนึ่งในนักประกาศผู้ยิ่งใหญ่ของศตวรรษที่ยี่สิบ ในคำเทศนาครั้งสุดท้ายของเขา เขาพูดถึงพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคนของพระองค์[1] เรารอดได้โดยพระคุณผ่านทางความเชื่อ เราถูกนำออกมาจากความตายเพื่อเข้าสู่ชีวิต เพราะอะไรหรือ? เพราะนั่นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะช่วยเราให้รอดและสร้างเราให้เป็นเหมือนพระคริสต์ ดร.สต๊อทกล่าวว่า “การเป็นเหมือนพระคริสต์คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคนของพระเจ้า”

มีพระคัมภีร์สามตอนในพันธสัญญาใหม่ที่แสดงถึงการเติบโตของเราบนโลกนี้เพื่อเป็นเหมือนพระคริสต์ว่าเป็นการเตรียมเราให้มีชีวิตกับพระเจ้า ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้บอกความสำคัญของความบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อ

โรม 8:29 ย้อนมองอดีตและแสดงให้เห็นถึงพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าสำหรับบรรดาลูกของพระองค์

“เพราะว่าทุกคนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้แล้ว พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนให้เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพี่น้องจำนวนมาก”

พระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าคือการที่เราจะ “เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์” ตั้งแต่จุดเริ่มต้น พระประสงค์ของพระเจ้าคือการสร้างเราให้เป็นเหมือนพระคริสต์ ในโรม 8:28 สัญญาว่า “เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า” คำสัญญานี้มีไว้สำหรับ “คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” อะไรคือพระประสงค์ของพระองค์? พระประสงค์ที่พระเจ้ากำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วคือการทำให้ลูกของพระองค์เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าให้ความรอดแก่เราเพื่อทำให้เราบริสุทธิ์

เปาโลเตือนคริสเตียนที่เมืองโคโลสีให้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำให้เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา “และเมื่อก่อนนี้พวกท่านถูกตัดขาดจากพระเจ้า และเป็นศัตรูในใจโดยการทำชั่วต่างๆ แต่บัดนี้พระเจ้าโปรดให้คืนดีกับพระองค์เองโดยความตายของพระกายที่เป็นเนื้อหนังของพระคริสต์” โดยทางการตายของพระคริสต์ คนเหล่านี้ที่เคย “เป็นศัตรู” กับพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้ “มาคืนดี” กับพระองค์ จากนั้นเปาโลเตือนผู้เชื่อเหล่านี้ให้คิดถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในการให้พวกเขามาคืนดีกับพระองค์ว่า “เพื่อจะถวายพวกท่านเป็น ผู้บริสุทธิ์ ไร้มลทิน และปราศจากตำหนิเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์” (โคโลสี 1:21-22)

[2]เปาโลไม่ได้พูดว่า “พวกท่านได้คืนดีกันกับพระเจ้าเพื่อพวกท่านจะมีชีวิตนิรันดร์อยู่ในสวรรค์” แม้นั่นเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้น แต่มันไม่ใช่ข่าวประเสริฐที่สมบูรณ์ เปาโลกล่าวว่า “พวกท่านได้คืนดีกันกับพระเจ้าเพื่อพวกท่านจะเป็นคนบริสุทธิ์” พระประสงค์ของพระเจ้าคือทำให้ลูกของพระองค์บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิ

2 โครินธ์ 3:18 มองดูปัจจุบันและแสดงให้เห็นถึงการบรรลุผลสำเร็จตามพระประสงค์ในชีวิตของผู้เชื่อเวลานี้

“แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือน พระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ”

โดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เรากำลัง “ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป” พระประสงค์ของพระเจ้าถูกทำให้สำเร็จได้ในการเปลี่ยนแปลงลูกของพระองค์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในแต่ละวันเราได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นเรื่อย ๆ

1 ยอห์น 3:2 มองอนาคตและแสดงให้เห็นถึงการบรรลุผลสำเร็จสูงสุดตามพระประสงค์ของพระเจ้า

“ท่านที่รักทั้งหลาย เดี๋ยวนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า และเราจะเป็น อย่างไรต่อไปข้างหน้านั้นเรายังไม่รู้ แต่เรารู้ว่าในเวลาที่พระองค์จะเสด็จมาปรากฏนั้น เราจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น”

[3]พระธรรมวิวรณ์มองไปยังวันหนึ่งที่เมื่อเราจะเห็นพระเจ้าแบบหน้าต่อหน้า ในวันนั้นเราจะเป็นเหมือนพระองค์ พระประสงค์ของพระเจ้าจะบรรลุผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์ จอห์น สต๊อท สรุปเอาไว้ว่า “เราจะอยู่กับพระคริสต์ เป็นเหมือนพระคริสต์ชั่วนิรันดร์”

ในฐานะคริสเตียน การแสวงหาชีวิตที่บริสุทธิ์เป็นการเตรียมเราสำหรับวันนั้นที่เราจะได้เห็นพระเจ้าและเห็นพระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเรา สิ่งนี้ควรทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะเติบโตในความบริสุทธิ์ แต่ละวันเรากำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงตามพระฉายาของพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ความบริสุทธิ์ไม่ใช่ความคิดของมนุษย์ ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติของพระเจ้า ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเปิดเผยของพระเจ้าในพระคัมภีร์ เมื่อเราแสวงหาที่จะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น เราก็กำลังร่วมมือกับพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้า ความบริสุทธิ์เป็นพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อทุกคน ในฐานะลูกของพระเจ้า เราควรมีภาระใจที่จะเห็นพระประสงค์นี้บรรลุผลสำเร็จในใจและในชีวิตของเรา

ในปี 1873 ซามูเอล มอร์ริส[1] เกิดในไลบีเรีย แอฟริกาตะวันตก ในฐานะเจ้าชายกาบู บุตรชายของหัวหน้าเผ่า เมื่อพ่อของเขาแพ้สงคราม กาบูถูกจับเพื่อเรียกค่าไถ่ ในวันหนึ่ง กาบูมองเห็นแสงสว่างจ้าและได้ยินเสียงจากสวรรค์บอกเขาให้วิ่ง เชือกที่มัดตัวเขาก็คลายร่วงลงกับพื้น กาบูจึงวิ่งเข้าไปในป่า

เขาเดินทะลุผ่านป่าเป็นเวลาหลายวันจนกระทั่งเขามาถึงเมืองมอนโรเวีย ในเมืองนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งชวนกาบูไปที่คริสตจักร เมื่อกาบูไปที่คริสตจักร มีมิชชันนารีคนหนึ่งเล่าเรื่องการกลับใจมาเชื่อของเปาโล ขณะที่เขาพูดถึงแสงสว่างจ้าและเสียงจากสวรรค์ กาบูนึกขึ้นได้ว่านี่คือเสียงที่เขาได้ยินในป่านั้น ไม่ช้านานเขาก็ยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและได้รับบัพติศมาโดยใช้ชื่อว่า ซามูเอล มอร์ริส

ในช่วงสองปีต่อมา ซามูเอล มอร์ริส รับจ้างทาสีบ้านเพื่อสนับสนุนตัวเองในขณะที่เรียนพระคัมภีร์ เขาสนใจในการเรียนรู้เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์และชีวิตที่อยู่ในฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณ หลังจากที่มิชชันนารีบอกเขาว่าเธอได้สอนทุกสิ่งที่เธอรู้ให้กับเขา มอร์ริสถามว่า “ใครคือครูที่สอนคุณ?” เธอบอกเขาว่าเป็นนักเทศน์ที่มีชีวิตบริสุทธิ์คนหนึ่งในอเมริกาชื่อว่า สเตเฟน เมอร์ริท เนื่องจากมอร์ริสไม่มีเงินและค่าเดินทาง เขาจึงเดินไปยังเมืองท่าที่ใกล้ที่สุดเพื่อหาเรือที่จะไปอเมริกา เขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ

เขานอนที่ชายหาดเพื่อรอเรือสักลำมา เมื่อมีเรือลำหนึ่งเทียบท่า มอร์ริสขอร้องกัปตันเรือให้พาเขาไปอเมริกา กัปตันปฏิเสธ แต่ต่อมาไม่นาน ลูกเรือสองคนของเขาหนีไป กัปตันจึงบอกมอร์ริสว่าให้เขาทำงานแลกค่าเดินทางไป ในช่วงระหว่างการเดินทาง เขาถูกพวกลูกเรือทำร้ายและให้เขาทำงานที่อันตรายที่สุดบนเรือ แต่ซามูเอลกลับสำแดงความรักของพระคริสต์ให้กับเพื่อนร่วมเรือของเขา กว่าเรือจะมาถึงนิวยอร์ก ทั้งกัปตันและลูกเรือส่วนใหญ่ก็ได้กลับใจมาเชื่อแล้ว

เมื่อมอร์ริสมาถึงนิวยอร์ก เขาพบศูนย์พันธกิจของ สเตเฟน เมอร์ริท และเขาได้บอกถึงความปรารถนาที่จะเรียนรู้เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้น แต่คุณเมอร์ริทต้องไปประชุม เขาจึงปล่อยให้มอร์ริสอยู่ที่ศูนย์พันธกิจจนถึงตอนเย็น เมื่อเขากลับมาก็พบว่าซามูเอลกำลังนำกลุ่มอธิษฐาน ในคืนแรกที่อเมริกา ซามูเอล มอร์ริสได้นำคนเกือบยี่สิบคนมาหาพระคริสต์

สเตเฟน เมอร์ริท ช่วยให้ ซามูเอล มอร์ริส ลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยเทย์เลอร์เพื่อเขาจะได้รับการเตรียมให้ไปประกาศที่ไลบีเรีย มอร์ริสมาถึงที่วิทยาเขตในรัฐอินเดียนาโดยไม่มีเงินเลย แต่เขามีความเชื่ออย่างเต็มที่ในการจัดเตรียมของพระเจ้า เขาพูดกับอธิการบดีว่า “ขอให้ผมพักอยู่ในห้องที่ไม่มีใครอยากอยู่ก็ได้ครับ” ดึกคืนวันหนึ่ง เพื่อนนักศึกษาได้ยินเขา “พูดคุยกับพระบิดา”ความวางใจพระเจ้าอย่างเต็มที่ของเขาส่งอิทธิพลต่อวิทยาเขตไปจนถึงคริสตจักรที่อยู่รอบ ๆ วิทยาเขตนั้น

แม้ว่ามอร์ริสได้วางแผนที่จะกลับไปไลบีเรีย พระเจ้ากลับมีแผนการที่แตกต่างออกไป ภายในสองปีที่ ซามูเอล มอร์ริส มาถึงมหาวิทยาลัยเทย์เลอร์ เขาเสียชีวิตจากโรคปอดบวมในขณะที่อายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น เขาจากไปอย่างสงบในแผนการของพระเจ้า ซามูเอลบอกกับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยว่า “มันไม่ใช่งานของผม แต่มันคืองานของพระองค์ ผมทำงานของผมเสร็จแล้ว พระองค์จะส่งคนอื่นที่ทำงานในแอฟริกาได้ดีกว่าผมมา”

ชีวิตของมอร์ริสสร้างผลกระทบให้กับผู้คนมากมายจนมีคนหลายร้อยคนยืนเรียงรายตามถนนเพื่อร่วมขบวนแห่ศพของเขา เพื่อนนักศึกษาหลายคนไปเป็นมิชชันนารีที่แอฟริกาโดยรับใช้ “เพื่อระลึกถึง เจ้าชายกาบู” อธิการบดีของมหาวิทยาลัยเทเลอร์กล่าวว่า “ซามูเอล มอร์ริสคือผู้ส่งสารของพระเจ้าที่มายังมหาวิทยาลัยเทเลอร์ เขาคิดว่าตัวเขามาที่นี่เพื่อรับการเตรียมพร้อมสำหรับพันธกิจของเขา แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระเจ้าส่งเขามาที่นี่เพื่อเตรียมมหาวิทยาลัยเทเลอร์ให้ทำพันธกิจต่อคนทั้งโลก ทุกคนที่ได้พบเขาล้วนประทับใจต่อความเชื่อในพระเจ้าที่เรียบง่ายแต่สูงส่งยิ่งนักของเขา”

วันนี้ที่บนหลุมฝังศพของซามูเอล มอร์ริส ในฟอร์ท เวย์เน รัฐอินเดียนา มีแผ่นจารึกเขียนเอาไว้ว่า

“ซามูเอล มอร์ริส 1873-1893 เจ้าชายกาบู ชนพื้นเมืองแอฟริกาตะวันตก; คริสเตียนผู้น่าเลื่อมใสที่มีชื่อเสียง อัครทูตแห่งความเชื่อ ตัวแทนของชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ”

ชีวิตอันแสนสั้นของ ซามูเอล มอร์ริส แสดงให้เห็นว่าผู้เชื่อทุกคนสามารถดำเนินชีวิตในฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หัวใจและชีวิตที่บริสุทธิ์คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อทุกคน

(1) เราสามารถมองเห็นความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ในสิ่งทรงสร้างดั้งเดิมของพระเจ้า พระเจ้าสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบซึ่งปราศจากบาป

(2) เราสามารถมองเห็นความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ในพระลักษณะที่เป็นธรรมชาติของพระเจ้า พระเจ้าบริสุทธิ์

(3) เราสามารถมองเห็นความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ในแผนการของพระเจ้าสำหรับคนของพระองค์ ถึงแม้ว่าความบาปจะทำลายธรรมชาติของมนุษย์ แต่พระเจ้าไม่ล้มเลิกแผนการของพระองค์เพื่อคนที่บริสุทธิ์ พระเจ้ารื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าผู้บริสุทธิ์กับมนุษย์ที่ล้มลงในความบาป โดยสอนเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้

• พระเจ้าผู้บริสุทธิ์มีลักษณะอย่างไร

• คนที่บริสุทธิ์มีลักษณะอย่างไร

(4) มีความคิดผิด ๆ มากมายเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ รวมถึงความคิดต่อไปนี้

• มีเพียงไม่กี่คนที่บริสุทธิ์ได้

• เราเป็นคนบริสุทธิ์ก็ต่อเมื่อใช้ชีวิตอย่างสันโดษ

• เราจะบริสุทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเราตาย

• เราจะบริสุทธิ์ได้โดยการทำตามกฎ

• หลักฐานแสดงถึงความบริสุทธิ์ของบุคคลหนึ่งคือการมีของประทานพิเศษในการพูดภาษาแปลก ๆ หรือการทำอัศจรรย์.

• ความบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

(5) ความจริงเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงสิ่งต่อไปนี้

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการสะท้อนพระฉายาของพระเจ้า

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการแยกไว้เพื่อพระเจ้า

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการมีใจเด็ดเดี่ยว

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการมีความรักที่สมบูรณ์ดีพร้อมต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านของเรา

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการดำเนินชีวิตอยู่ในการเต็มล้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์

• การเป็นคนบริสุทธิ์คือการเป็นเหมือนพระคริสต์

• ความบริสุทธิ์ทำให้เราเห็นพระเจ้า

(6) พระคัมภีร์สามตอนในพันธสัญญาใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อ

• โรม 8:29 แสดงให้เห็นถึงพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าเพื่อสร้างเราขึ้นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์

• 2 โครินธ์ 3:18 แสดงให้เห็นว่าพระประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จเป็นจริงได้เมื่อเราได้รับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นตามพระฉายาของพระคริสต์ในทุก ๆ วัน

• 1 ยอห์น 3:2 แสดงให้เห็นถึงการบรรลุผลสำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า เมื่อเรามองเห็นพระเจ้า เราจะเป็นเหมือนพระองค์

(1) ลองนึกถึงภาพของคริสเตียนใหม่คนหนึ่งที่มาพูดกับคุณว่า “ฉันอ่านเจอในพระคัมภีร์ที่พระเจ้าเรียกให้เราเป็นคนบริสุทธิ์ ดูแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ การเป็นคนบริสุทธิ์หมายความว่าอะไรหรือ?” ขอให้เขียนคำตอบหนึ่งหน้ากระดาษเพื่อตอบคำถามของผู้เชื่อใหม่คนนี้ ในชั่วโมงเรียนถัดไป ให้แต่ละคนอ่านคำตอบของตัวเอง แล้วอภิปรายคำตอบร่วมกันในชั้นเรียน

(2) เริ่มต้นชั่วโมงเรียนถัดไปด้วยการท่องจำ 1 เปโตร 1:14-16

(3) วิชานี้มีโครงงานสุดท้ายที่จะต้องส่งในวันสุดท้ายของวิชา คุณควรเริ่มต้นทำโครงการตั้งแต่เวลานี้ ให้ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ในคำอธิบายวิชา