พระเยซูตรัสกับพวกผู้นำศาสนาที่ใส่ใจแต่สิ่งภายนอก  แต่ไม่ใส่ใจสิ่งที่อยู่ในใจ  
“วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าถวายทศางค์ที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อนั้นพวกเจ้ากลับละเลย การถวายทศางค์นั้นเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยเรื่องที่สำคัญนั้นด้วย โอ เจ้าพวกคนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออกแต่กลืนตัวอูฐเข้าไป” (มัทธิว 23:23-24)
 
พวกผู้นำศาสนาเหล่านี้ใส่ใจทำตามกฎตามศาสนพิธี  แต่พวกเขาไม่ทำตามสิ่งสำคัญกว่าที่อยู่ภายในกฎบัญญัติ พระเยซูตำหนิศาสนาจอมปลอมองพวกเขาว่า  “เจ้ากรองลูกน้ำออก  (เจ้าใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ) แต่กลืนตัวอูฐเข้าไป  (เจ้าละเลยปัญหาใหญ่)”  ความบริสุทธิ์เริ่มต้นจากในใจ  
ถ้าหากเราคิดถึงสิ่งภายนอกเพียงอย่างเดียว  เราอาจพูดว่า...  
	
	“ฉันบริสุทธิ์เพราะฉันไม่ได้สวมใส่ _______________”
	 
	
	“ฉันบริสุทธิ์เพราะฉันไม่ได้ไปที่ _______________”
	 
	
	“ฉันบริสุทธิ์เพราะฉันไม่ได้ดู _______________.”
	 
 
เมื่อเราอ้างว่าเราเป็นคนบริสุทธิ์ได้เพราะสิ่งที่เราทำหรือไม่ทำ  เราอาจกลายเป็นเหมือนพวกฟาริสี  พระเยซูเล่าเรื่องฟาริสีคนหนึ่งที่อธิษฐานว่า  “ข้าแต่พระเจ้า  ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นคนฉ้อโกง  เป็นคนอธรรม  และเป็นคนล่วงประเวณี  และไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนี้  ข้าพระองค์ถืออดอาหารสองวันต่อสัปดาห์  และสิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์หาได้  ข้าพระองค์ก็เอาทศางค์มาถวายเสมอ” ( ลูกา 18:11-12)  ฟาริสีคนนี้ให้คำนิยามความบริสุทธิ์ว่าเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขา  “ข้าพระองค์ไม่ได้โกง  ไม่ได้เป็นคนอธรรม  ข้าพระองค์อดอาหาร  ข้าพระองค์ถวายสิบลด”  เขาอ้างว่าเป็นคนบริสุทธิ์  แต่ใจของเขาไม่บริสุทธิ์  
พวกฟาริสีภูมิใจกับการแยกตัวของพวกเขาออกจากโลก แต่ใจของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ พระเยซูตรัสว่า “เพราะว่าพวกเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและทุกอย่างที่โสโครก” (มัทธิว 23:27) ภายนอกของพวกฟาริสีนั้นแยกจากโลก แต่ภายในเต็มไปด้วยความบาป
► อย่างไหนวัดผลได้ง่ายกว่ากันระหว่างสิ่งภายนอกกับความบริสุทธิ์ภายใน? อย่างไหนปลอมแปลงได้ง่ายกว่าระหว่างสิ่งภายนอกหรือความบริสุทธิ์ภายใน? อย่างไหนที่เรามักจะเน้นมากกว่าระหว่างสิ่งภายนอกกับความบริสุทธิ์ภายใน?
ตัวอย่างจากเฮเซคิยาห์ 
กฎเกี่ยวกับการแยกไว้เป็นพิเศษสำคัญต่อการสอนว่าพระเจ้าประสงค์คนที่บริสุทธิ์  แต่พระเจ้าห่วงใจคนของพระองค์มากกว่าพิธีกรรมภายนอก
เรื่องราวการฟื้นฟูของเฮเซคิยาห์อธิบายถึงหลักการนี้  หลังจากพระวิหารได้รับการชำระ  เฮเซคียาห์รื้อฟื้นพิธีปัสกา เขาเชิญชวนคนทั้งประเทศให้  “มายังพระนิเวศของพระเจ้าที่เยรูซาเล็มเพื่อถือรักษาปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์  พระเจ้าของอิสราเอล”ผู้ส่งสารจากเฮเซคิยาห์เดินทางไปทั่วอิสราเอลเพื่อเชิญชวนคนทั้งประเทศให้มาร่วมพิธีนี้  ในหลายพื้นที่ผู้คนต่าง  “หัวเราะเยาะและเย้ยหยันพวกเขา  มีเพียงบางคนจากเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์และเศบูลุนที่ถ่อมตัวลงและมายังกรุงเยรูซาเล็ม” (2  พงศาวดาร 30:1, 10-11)  
เมื่อพวกเขาเริ่มต้นฆ่าแกะถวายปัสกา  “มีคนมากมายในที่ประชุมซึ่งยังไม่ได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์” เนื่องจากชนชาตินี้อยู่มานานโดยไม่มีพระวิหารสำหรับนมัสการ  ประชาชนจึงเป็นมลทินและไม่พร้อมรับปัสกา พวกปุโรหิตต้องทำอะไร?  พระเจ้าอนุญาตให้ประชาชนรับ  ปัสกาเพราะใจของพวกเขาแสวงหาพระเจ้า แม้พวกเขายังไม่ได้รับการชำระตามพิธีกรรมก็ตาม  
“เพราะว่าในคนจำนวนมากมายนั้น มีคนมากซึ่งมาจากเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุนที่ยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็รับประทานปัสกาแม้ขัดต่อข้อบัญญัติ ดังนั้นเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเผื่อพวกเขาว่า “ขอพระยาห์เวห์ผู้ประเสริฐทรงให้อภัยแก่ทุกๆ คน ผู้ตั้งใจแสวงหาพระเจ้า คือพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นไปตามกฎของความบริสุทธิ์แห่งสถานนมัสการนี้” พระยาห์เวห์ทรงฟังเฮเซคียาห์และทรงรักษาประชาชน” (2 พงศาวดาร 30:18-20)
 
พระเจ้ากำลังมองหาใจที่เด็ดเดี่ยว  แม้ในยามที่ประชาชนไม่สามารถทำตามพิธีกรรมเพื่อแยกไว้เป็นพิเศษ พระเจ้ามองหาใจที่แยกไว้เพื่อแสวงหาพระเจ้า  
คนบริสุทธิ์ชำระใจของเขาให้บริสุทธิ์ต่อพระเจ้า 
ความบริสุทธิ์เริ่มต้นกับพระเจ้าเสมอ  สิ่งใดที่บริสุทธิ์เป็นของพระองค์  พระเจ้าชำระวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ ชำระพื้นดินที่มีพุ่มไม้ซึ่งไฟลุกให้บริสุทธิ์  ชำระบุตรหัวปีของอิสราเอล  พลับพล  แท่นบูชา  และคนเลวีให้บริสุทธิ์ พระเจ้าประกาศว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของพระองค์  สิ่งเหล่านี้ได้รับการทำให้บริสุทธิ์โดยการทรงสถิตของพระเจ้า  
ความบริสุทธิ์เริ่มต้นกับพระเจ้า  แต่พระเจ้าเรียกเราให้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ต่อพระองค์  ถ้าหากเราอ่านเฉพาะข้อพระคัมภีร์ที่พระเจ้าตรัสว่า  “เราจะชำระเจ้าให้บริสุทธิ์”  เราอาจตัดสินว่าการชำระให้บริสุทธิ์เป็นงานของพระเจ้าเท่านั้น  อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าความบริสุทธิ์จำเป็นต้องมีการตอบสนองจากมนุษย์
อพยพบทที่  19  ให้ตัวอย่างหนึ่ง  พระเจ้าสั่งโมเสสว่า  “จงไปหาประชาชนและชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์” “ดังนั้นโมเสส...ชำระประชาชนให้บริสุทธิ์”  โมเสสแยกประชาชนไว้เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้า  ต่อมาพระเจ้าตรัสว่า  “พวกปุโรหิตที่เข้ามาเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์นั้น  ให้พวกเขาชำระตัวให้บริสุทธิ์ ” (อพยพ 19:10-22) พวกปุโรหิตได้รับคำสั่งให้แยกตัวเองไว้เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้า  พวกเขาต้องบริสุทธิ์  พวกเขาต้องแยกตัวเองไว้เป็นพิเศษสำหรับพระเจ้า  
ใจที่เด็ดเดี่ยวรวมถึงสองด้านต่อไปนี้
1. พระเจ้าสัญญาว่าจะแยกคนของพระองค์ไว้ “เราคือยาห์เวห์ ผู้ชำระเจ้าทั้งหลายให้บริสุทธิ์” (อพยพ 31:13) พระเจ้าทำให้คนของพระองค์บริสุทธิ์
2. พระเจ้าสั่งให้คนของพระองค์แยกตัวเองไว้ “จงชำระตัวให้บริสุทธิ์เพื่อเจ้าจะบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์” (เลวีนิติ 11:44; 20:7)
เราชำระตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อตอบสนองต่อพระคุณของพระเจ้า  คนที่บริสุทธิ์เต็มใจชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ต่อพระเจ้า  พวกเขามอบถวายตัวเองโดยไม่สงวนส่วนใดไว้จากพระเจ้าเลย 
ในเลวีนิติบทที่  20 คำสั่งว่า  “จงชำระตัวให้บริสุทธิ์”  ตามมาด้วยพระสัญญา  “เราคือพระเจ้าผู้ชำระเจ้าให้บริสุทธิ์” ทั้งสองข้อใช้คำฮีบรูคำเดียวกัน  ซึ่งสามารถแปลว่า  “แยกตัวเองไว้...เราเป็นพระเจ้าผู้แยกเจ้าไว้” ( เลวีนิติ 20:7-8 ) 
การชำระให้บริสุทธิ์เป็นทั้ง การงานของพระเจ้าและการตอบสนองของเรา  เราไม่ได้เป็นคนบริสุทธิ์ด้วยความพยายามของเราเอง  แต่เราก็ไม่สามารถพูดได้ด้วยว่า  “ถ้าพระเจ้าอยากให้ฉันบริสุทธิ์  พระองค์จะทำให้ฉันบริสุทธิ์ได้โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลย”  เราตอบสนองต่อพระคุณของพระเจ้าโดยการชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ต่อพระองค์  ใจที่เด็ดเดี่ยวจำเป็นต้องมีการชำระตัวเองให้บริสุทธิ์อย่างเต็มที
[1] ความบริสุทธิ์มาจากพระเจ้าเท่านั้น  แต่พระเจ้าก็เรียกให้เรายอมจำนนต่อพระองค์  เราได้รับการทำให้บริสุทธิ์ได้เมื่อเรายอมจำนนต่อการทรงเรียกของพระเจ้า  เปาโลเขียนไว้ว่า  “ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์  เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต  และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า  ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ( โรม 12:1)  เปาโลเรียกให้เรายอมจำนนอย่างเต็มที่ต่อพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะพระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะทำให้เราบริสุทธิ์  แต่เราต้องยอมจำนน  ความบริสุทธิ์เป็นทั้งคำสั่ง (“จงชำระตัวเองให้บริสุทธิ์”)  และพระสัญญา  (“เราจะชำระเจ้าให้บริสุทธิ์”)  
คนบริสุทธิ์ตอบ “ตกลง” กับพระเจ้าอย่างไม่ลังเล 
ชีวิตของโซโลมอน อาสา และอามาสิยาห์ แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการมีใจโลเล พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้คนของพระองค์มีใจโลเล ใจบริสุทธิ์คือใจที่เด็ดเดี่ยว การมีใจที่เด็ดเดี่ยวหมายความว่าอะไร? การมีใจที่ดีพร้อมหรือชาเลมหมายความว่าอะไร?
คริสเตียนได้รับการทรงเรียกให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า งานของผู้รับใช้คือการทำสิ่งที่เจ้านายบอกให้ทำ ผู้รับใช้ที่ดีไม่ถามว่า “นี่ใช่สิ่งที่ฉันเลือกไว้ไหม?” ผู้รับใช้ที่ดีเต็มใจทำสิ่งที่เจ้านายสั่งให้ทำ งานของผู้รับใช้คือการตอบ “ตกลง” อย่างไม่ลังเล
ในทำนองเดียวกัน คนที่รับใช้พระเจ้าด้วยใจที่เด็ดเดี่ยวก็เต็มใจตอบ “ตกลง” ต่อการทรงเรียกของพระเจ้า นี่คือใจที่เด็ดเดี่ยว โมเสสเรียกอิสราเอลให้ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยใจเด็ดเดี่ยว
“และบัดนี้ คนอิสราเอล พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมีพระประสงค์อะไรจากท่าน? นอกจากให้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน  และให้รักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้ากำลังบัญชาท่านในวันนี้ เพื่อประโยชน์ของท่าน?” (เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12-13)
 
[2] ในฐานะนักศึกษาวิทยาลัย เอลิซาเบธ เอลเลียท ได้เขียนในบันทึกประจำวันของเธอว่า “พระเจ้า ลูกได้ตอบ “ตกลง” เป็นนิตย์ ขออย่าให้ลูกไม่มีวันเอามือจับคนไถแล้วหันหลังกลับ ขอทำทางแห่งกางเขนของลูกให้ตรงไป ขอให้ความรักแก่ลูก เพื่อจะไม่มีที่ว่างให้กับความคิดเอาแต่ใจและย่างก้าวที่เป็นความเถลไถล”[3]  เอลเลียทมีใจเด็ดเดี่ยว  เธอดีพร้อมในสายตาของพระเจ้า
หลายปีหลังจากได้อธิษฐานเช่นนี้ เอลิซาเบธ เอลเลียท ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย สามีของเธอคือ จิม เอลเลียท ถูกฆ่าตายในปี 1956 ขณะที่พยายามประกาศกับเผ่าฮัวโอรานิในเอกวาดอร์ ต่อมาเอลิซาเบธก็ได้เป็นมิชชันนารีไปยังชนเผ่าที่ฆ่าสามีของเธอ มีเพียงคนที่ตอบ “ตกลง” เป็นนิตย์เท่านั้นที่สามารถไปเป็นมิชชันนารีให้กับคนที่ฆ่าสามีของเธอได้
คนบริสุทธิ์รับใช้พระเจ้าด้วยใจเด็ดเดี่ยว คนบริสุทธิ์ตอบ “ตกลงเป็นนิตย์” กับพระเจ้า นี่คือการยอมจำนนอย่างสิ้นเชิงต่อพระเจ้า เมื่อคนบริสุทธิ์รู้ว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า เขาจะเต็มใจเชื่อฟัง ใจของเขาไม่โลเล เขาเป็นของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ คนบริสุทธิ์ตอบ “ตกลง” กับพระเจ้าในวินาทีแห่งการยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง
คนบริสุทธิ์ยังคง ตอบ “ตกลง” ทุกวัน เอลิซาเบธ เอลเลียท “ตอบตกลงเป็นนิตย์” เธอยังคงต้องเผชิญกับการตัดสินใจ มีหลายครั้งที่เธอต้องตอบอีกครั้งว่า “ตกลงค่ะ พระเจ้า” คริสเตียนบางคนเชื่อว่าการ “ตอบตกลงครั้งเดียว” ก็เพียงพอที่จะขจัดการทดสอบทั้งหมดเกี่ยวกับการอุทิศตนในอนาคตได้ การยอมจำนนเพียงครั้งเดียวก็สำคัญ แต่ซาตานจะยังคงทดสอบการอุทิศตนของคุณ ครั้งแล้วครั้งเล่า คุณจะยังคงต้องตอบว่า “ตกลงค่ะ/ครับ พระเจ้า ชีวิตของลูกเป็นของพระองค์” นี่คือการตอบ “ตกลง” อย่างต่อเนื่องของชีวิตที่บริสุทธิ์
 
[1] “พระเจ้าสามารถใช้เราได้ก็ต่อเมื่อหลังจากที่เรายอมให้พระองค์เปิดเผยถึงด้านต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในอุปนิสัยของเรา เราไม่ได้รับรู้ถึงความอิจฉา ความเกียจคร้าน หรือความหยิ่งที่อยู่ในเราเมื่อเรามองเห็นสิ่งนั้น แต่พระเยซูจะเปิดเผยทุกสิ่งที่เรายึดเอาไว้ภายในก่อนที่พระคุณของพระองค์จะเริ่มทำงาน”
- ออสวาร์ด แชมเบอร์ส
 
[2] “ลูกได้ตอบ “ตกลง” เป็นนิตย์ อย่าให้ลูกหันหลังกลับ”
- เอลิซาเบธ เอลเลียท
 
[3] เอลิซาเบธ เอลเลียท (Elisabeth Elliot), ภาระใจและความบริสุทธิ์ (
Passion and Purity ) (Old Tappan: Fleming H. Revell Co, 1984), 25
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next