คนบริสุทธิ์เดินไปกับพระเจ้า พวกเขาใช้เวลากับพระเจ้า เมื่อพวกเขาเดินไปกับพระเจ้า พวกเขาก็เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น การเป็นคนบริสุทธิ์หมายถึงการเดินไปกับพระเจ้า  การสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพระเจ้า
พระเจ้าเดินไปกับอาดัมและเอวาในสวนเอเดน หลังจากความบาปเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีเลิศนั้น อาดัมและเอวาก็ซ่อนตัวจากพระเจ้า ความบาปได้แยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า
ความบาปทำลายความสัมพันธ์กับพระเจ้า ความบาปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน อาดัมกล่าวโทษเอวา อาดัมและเอวาทำบาปร่วมกัน แต่ความบาปได้ทำลายความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกัน เป้าหมายของพระเจ้าคือทำให้ลูกของพระองค์เดินไปกับพระองค์และกับมนุษย์ด้วยกันอย่างมีสันติสุข เป้าหมายของซาตานคือทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าและระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
ความบาปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ แต่พระเจ้าเตรียมทางออกเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์นี้ใหม่ การถวายเครื่องบูชาเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ เราไม่สามารถเป็นคนบริสุทธิ์ได้ด้วยความพยายามของมนุษย์ แต่เราบริสุทธิ์ได้โดยการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์
ตลอดพันธสัญญาเดิม เราพบตัวอย่างของคนที่บริสุทธิ์ซึ่งเดินไปกับพระเจ้า พวกเขาไม่ได้เดินไปกับพระเจ้าในสวนสวยงามนั้นอีกต่อไป เนื่องจากความบาป เวลานี้มนุษย์จึงต้องเดินไปกับพระเจ้าในโลกมืดมิดเต็มไปด้วยความบาปนี้ แม้โลกเต็มไปด้วยความบาป แต่การเดินไปกับพระเจ้าก็ยังเป็นไปได้ นี่คือความบริสุทธิ์
การเดินไปกับพระเจ้าจำเป็นต้องมีวินัยในตนเอง 
การเดินไปกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิดจำเป็นต้องมีวินัยในตนเองที่จะปฏิเสธความปรารถนาบาป ในยุคมืดก่อนน้ำท่วมโลก เอโนค “เดินไปกับพระเจ้า” (ปฐมกาล 5:24) เอโนคมีวินัยในตนเองที่จะปฏิเสธว่า “ไม่” ต่อการล่อลวงใจ
เอโนคถูกล้อมรอบด้วยสิ่งล่อลวงใจเหมือนกับคนอื่นในสังคมที่เขาอยู่ แต่ความสัมพันธ์ของเอโนคกับพระเจ้าควบคุมการตอบสนองของเขาต่อสิ่งล่อลวงใจเหล่านั้น บางคนบอกว่า “สิ่งนี้ดูดีน่าปรารถนา ข้าจะเพลิดเพลินอยู่กับมัน” แต่เอโนคบอกว่า “สิ่งนี้ดูดีน่าปรารถนาสำหรับเนื้อหนังของข้า แต่มันชั่วร้ายสำหรับพระเจ้าของข้า ข้าจะไม่ทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับพระเจ้าเพื่อเห็นแก่ความปรารถนาของร่างกายข้าเด็ดขาด”
เราไม่ได้ “ขวนขวายหา” ความบริสุทธิ์จากการมีวินัยในตนเอง แต่เราบริสุทธิ์ได้โดยพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้โดยพระคุณของพระเจ้า แต่เราก็จำเป็นต้องมีวินัยในตนเองด้วย
ดัลลัส วิลลาร์ด เขียนว่า “พระคุณไม่ได้ต่อต้านความอุตสาหะ พระคุณต่อต้านการทำเพื่อให้ได้รับ”[1]  การเดินต้องใช้ความอุตสาหะ แต่ความอุตสาหะเป็นผลที่ได้รับจากพระคุณของพระเจ้า ความอุตสาหะของเราไม่ได้ทำให้เราได้รับพระคุณของพระเจ้า แต่ความอุตสาหะของเราเป็นการตอบสนองต่อพระคุณด้วยความยินดี ในฐานะลูกของพระเจ้า เราไม่ได้พยายามทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า แต่เรายอมรับว่าเราจำเป็นต้องมีวินัยในตนเอง
การเดินไปกับพระเจ้าจำเป็นต้องมีการเชื่อฟัง 
พระเจ้าเรียกอับราฮัมไปยังสถานที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “ฝ่ายอับรามก็ไปตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ ...” (ปฐมกาล 12:4) อับราฮัมเดินไปกับพระเจ้าด้วยชีวิตที่เชื่อฟัง ใจที่บริสุทธิ์คือใจที่เชื่อฟัง
“โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮัมได้รับการทรงเรียกให้ออกเดินทางไปยังที่ที่ท่านจะรับเป็นมรดก ท่านก็เชื่อฟังและเดินทางออกไปโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน” (ฮีบรู 11:8)
 
[2] พระเจ้าไม่ได้ให้แผนที่ไปคานาอันแก่อับราฮัม พระองค์ไม่ได้ให้รายละเอียดการเดินทาง พระองค์เพียงแค่เรียกอับราฮัมให้ตาม และอับราฮัมเชื่อฟัง การเดินไปกับพระเจ้าจำเป็นต้องมีการเชื่อฟัง ชีวิตที่บริสุทธิ์จำเป็นต้องมีการเชื่อฟัง
การเดินไปกับพระเจ้าเกี่ยวข้องกับการเติบโตในความเชื่อ 
เมื่ออับราฮัมออกจากบ้านไป ไม่มีอะไรเป็นหลักฐานยืนยันสำหรับพระสัญญาของพระเจ้าเลย อับราฮัมเดินไปกับพระเจ้าด้วยชีวิตแห่งความเชื่อ เมื่อเราเดินไปกับพระเจ้า เราเรียนรู้ที่จะไว้วางใจพระองค์อย่างเต็มที่ ความเชื่อของเราหยั่งรากลึกมากขึ้นเมื่อเราใช้เวลากับพระองค์ นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอับราฮัมเพราะเขาเผชิญกับบททดสอบที่มากกว่าเมื่อเขาต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอน
ในคานาอัน พระเจ้าเรียกอับราฮัมให้ถวายอิสอัคผู้เป็นบุตรชายของเขาเป็นเครื่องบูชา พระเจ้าสัญญาไว้กับอับราฮัมว่าเขาจะเป็นบิดาของชนชาติหนึ่ง หลังจากหลายปีผ่านไป อับราฮัมกับซาราห์ก็มีบุตรชายคนหนึ่ง และพระเจ้าก็ขอให้อับราฮัมถวายอิสอัคผู้เป็นบุตรชายนี้เป็นเครื่องบูชา ผู้เขียนฮีบรูกล่าวว่า “โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮัมถูกลองใจ จึงได้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา (ฮีบรู 11:17)
เนื่องจากอับราฮัมเดินไปกับพระเจ้า เขาจึงไว้วางใจพระเจ้า อับราฮัมเดินไปกับพระเจ้า ดังนั้นเขาจึงไว้วางใจพระเจ้าได้แม้เมื่อเขาไม่เข้าใจคำสั่งของพระเจ้าทั้งหมด อับราฮัมเดินไปกับพระเจ้าในความสัมพันธ์ที่เป็นการเติบโตในความเชื่อ
การเดินไปกับพระเจ้าเรียกร้องให้เราไว้วางใจพระองค์ เมื่อเราเดินไปกับพระเจ้า เราไว้วางใจพระองค์ได้แม้ในที่ที่ยากลำบาก เรายอมให้พระเจ้าทำสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดีที่สุดในชีวิตของเรา
หลักการนี้ปรากฏอยู่ทั่วพระคัมภีร์ ในการทดสอบที่ยากจะจินตนาการ โยบเรียนรู้ว่าเขาไว้วางใจพระเจ้าได้ ในการเป็นเชลย เยเรมีย์คิดถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะให้สิ่งดีเกิดขึ้นแม้ในเหตุการณ์ที่เศร้าสลด (เยเรมีย์ 29:10-14) การทนต่อความเจ็บปวดทรมาน “หนามในเนื้อ” เปาโลเรียนรู้ว่าพระคุณของพระเจ้านั้น “เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” (2 โครินธ์ 12:9)
เรื่องราวของอับราฮัมและคนของพระเจ้าในตลอดประวัติศาสตร์สอนเราว่าการเดินไปกับพระเจ้านั้นเกี่ยวข้องกับการเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์และการไว้วางใจในพระสัญญาของพระองค์อย่างเต็มที่ เมื่อเราเดินไปกับพระองค์ ความไว้วางใจในพระองค์จะหยั่งรากลึกมากขึ้น
การเดินไปกับพระเจ้าเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษเฉพาะ 
เมื่อดูภาพของการเดินไปกับพระเจ้าในพระคัมภีร์ น่าเศร้าใจที่อิสราเอลมักจะเดินในความบาปแทนที่จะเดินไปกับพระเจ้า กษัตริย์ของอิสราเอลมากมายที่ “เดินในความบาป” พวกเขาสร้างความสัมพันธ์กับความบาป “อาบียัมดำเนินตามบาปทุกอย่าง ซึ่งพระราชบิดาของพระองค์ทรงทำต่อพระพักตร์พระองค์” (1 พงศ์กษัตริย์ 15:3) กษัตริย์คนอื่น ๆ “เดินตามรอยวิถีของบิดาของพวกเขา” มากกว่าเดินไปกับพระเจ้า พวกเขาสร้างความสัมพันธ์กับบาป พวกเขาไม่ได้เดินไปกับพระเจ้า
[3] การเดินไปกับพระเจ้าเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษเฉพาะ พระเจ้ามีความหึงหวง (อพยพ 34:14; เฉลยธรรมบัญญัติ 4:24; โยชูวา 24:19) คุณไม่สามารถเดินไปกับพระเจ้าและเดินในความบาปพร้อมกันได้ ผู้เขียนสดุดีถามว่า “โอพระเจ้า ใครจะอาศัยอยู่ในเต็นท์ของพระองค์ได้? ใครจะพักอยู่บนเนินเขาบริสุทธิ์ของพระองค์ได้หรือ?” อะไรคือสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า?
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์? ผู้ใดจะอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์? คือผู้ดำเนินชีวิต อย่างหาที่ติมิได้และทำสิ่งที่ชอบธรรม และพูดความจริงจากใจของตน ผู้ไม่ใช้ลิ้นของตนในการนินทาว่าร้าย ไม่ทำชั่วต่อเพื่อน” (สดุดี 15:1-3)
 
มาลาคีกล่าวว่า “ท่านได้ทำให้พระยาห์เวห์อ่อนระอาพระทัยด้วยคำพูดของท่าน” อิสราเอลยังถามว่า “พวกเราทำให้พระองค์อ่อนพระทัยอย่างไร?” มาลาคีตอบว่า “ก็โดยกล่าวว่า ‘ทุกคนที่ทำชั่วก็เป็นคนดีในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และพระองค์พอพระทัยคนเหล่านั้น’” (มาลาคี 2:17) อิสราเอลต้องการเป็นเพื่อนกับพระเจ้าในขณะที่ก็ยังคงตั้งใจอยู่ในความบาป มาลาคีเตือนพวกเขาว่าวันแห่งการพิพากษากำลังมาเหมือนไฟร้อนระอุ ในวันนั้นคนที่ทำชั่วจะเป็นเหมือนหญ้าแห้ง (มาลาคี 4:1) พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ไม่สามารถมองข้ามความบาปได้
พระเจ้าประณามอิสราเอลที่ทำบาปตามชนชาติอื่น ๆ แทนที่จะใช้ชีวิตอยู่ในการเชื่อฟังกฎบัญญัติของพระเจ้า “พวกเจ้าไม่ได้ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา หรือทำตามกฎหมายของเรา แต่ได้ทำตามกฎหมายของประชาชาติทั้งหลายที่อยู่รอบๆ เจ้า” (เอเสเคียล 11:12) อิสราเอลไม่สามารถเดินไปกับพระเจ้าพร้อมกับเดินในความบาปได้ อิสราเอลไม่สามารถเดินในทางของพระเจ้าในและทางของความบาปพร้อมกันได้ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือก พระเจ้าก็ลงโทษพวกเขาเนื่องจากความบาปของพวกเขาเอง พวกเขาไม่สามารถเดินไปกับพระเจ้าพร้อมกับเดินในความบาปได้
 
[1] ดัลลัส วิลลาร์ด (Dallas Willard), ได้ยินพระเจ้า (
Hearing God ) (เวสท์มอนท์: อินเตอร์วาร์สิตี เพรส, 2012), 254
 
[2] “กฎสำหรับความเข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณไม่ใช่กฎแห่งสติปัญญา แต่เป็นการเชื่อฟัง”
- ออสวาร์ด แชมเบอร์
 
[3] “ถ้าข้าพเจ้าเดินไปกับโลกนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถเดินไปกับพระเจ้าได้”
- ดไวท์ แอล มูดี้
 
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next