จะมีประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้เชื่อที่จริงใจไม่เห็นด้วยเสมอ พระธรรมโรม 14 ให้คำสั่งเกี่ยวกับว่า คริสเตียนที่มีความเชื่อและการปฏิบัติต่างกันจะยังคงรักและเคารพกัน นมัสการและรับใช้ด้วยกันได้อย่างไร
► ให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่านพระธรรมโรม 14:1-23 ให้กลุ่มฟัง
หมายเหตุ ศึกษาไปทีละข้อ
(โรม 14:1) พี่น้องที่อ่อนแอคือคนที่รู้สึกว่ามีความผิดเนื่องจากการกระทำที่พระเจ้าไม่ได้ทรงห้ามจริง ๆ (ดูที่ 1 โครินธ์ 8:7-12) พี่น้องที่เข้มแข็งคือคนที่กระทำโดยไม่รู้สึกว่ามีความผิดเพราะเขารู้ว่าการกระทำนั้นไม่ใช่การฝ่าฝืนพระเจ้าอย่างแท้จริง
(โรม 14:2-3) ธรรมบัญญัติของคนยิวควบคุมเกี่ยวกับอาหาร มีคริสเตียนที่เป็นคนยิวจำนวนมากในคริสตจักรและมีคนต่างชาติที่ได้ศึกษาธรรมบัญญัติของคนยิว คนที่รู้สึกว่าเป็นอิสระจากข้อจำกัดต่าง ๆ เกี่ยวกับอาหารอาจถูกทดลองให้ดูแคลนคนที่รู้สึกว่าอยู่ใต้ข้อจำกัด คนที่พยายามปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับอาหารก็อาจถูกทดลองให้ตัดสินคนอื่นว่าเป็นคนบาป
(โรม 14:4) พระเจ้าจะพิพากษาผู้รับใช้ของพระองค์และประทานพระคุณที่พวกเขาจำเป็น อย่าตัดสินคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ชัดเจนในพระคัมภีร์
มีความหลากหลายระหว่างผู้เชื่อทั่วโลกเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่น วิธีประกอบศีลบัพติศมา วิธีประกอบศีลมหาสนิท การเลือกฉบับแปลพระคัมภีร์ เครื่องแต่งกาย และความบันเทิง เราควรรักษาความเป็นเอกภาพคริสเตียนแต่ไม่คาดหวังความเป็นรูปแบบเดียวกันภายในพระกายพระคริสต์ คติพจน์ของเราควรเป็น” เอกภาพในสิ่งจำเป็น เสรีภาพในสิ่งไม่จำเป็น แต่รักในทุกสิ่ง”
(โรม 14:5-6) มีวันฉลองของคนยิวหลายวันซึ่งมีธรรมเนียมพิเศษของแต่ละวัน วันสะบาโตก็เป็นที่โต้เถียงเช่นกัน คริสตจักรเริ่มต้นพบปะและนมัสการในวันของพระผู้เป็นเจ้าแทน (กิจการ 20:7; 1 โครินธ์ 16:2; วิวรณ์ 1:10) ภายหลังวันอาทิตย์กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับวันสะบาโตของคริสเตียน หลักการสำหรับการหยุดพักในวันที่เจ็ดยังคงมีประโยชน์ที่เราควรรักษา เนื่องจากเป็นหลักการทรงสร้างและไม่ได้เป็นเพียงธรรมเนียมที่ถูกแต่งตั้งขึ้นในสมัยที่พระเจ้าประทานธรรมบัญญัติแห่งโมเสส
“...ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด” (โรม 14:5) แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นที่แน่ชัดจำเป็น คนไม่ควรคลุมเครือในสิ่งที่เชื่อเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ การทนทานต่อความคิดเห็นของคนอื่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่รู้ว่าความคิดเห็นของตัวเองคืออะไรหรือละเลยหลักฐานและการใช้เหตุผล...
(โรม 14:7-9) เราไม่เป็นเจ้าของตัวเอง แต่ละชีวิตควรยกย่องพระคริสต์ การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ไถ่เราและเราเป็นของพระองค์
(โรม 14:10-12) ทุกคนต้องรายงานต่อพระเจ้าที่การพิพากษา ดังนั้น ความคิดเห็นของเราเกี่ยวกับกันและกันจึงสำคัญน้อยกว่า
(โรม 14:13-15) การพยายามไม่ทำให้ผู้เชื่อคนอื่นสะดุดล้มเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับคริสเตียนแล้ว สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้มีมลทิน เพราะทุกอย่างเป็นของพระเจ้า แต่ถ้าหากคนคิดว่าบางสิ่งผิด แล้วยังคงทำสิ่งนั้นอยู่ เขาก็ทำบาป เพราะว่าเขาเลือกทำผิด เราทำให้คนสะดุดล้ม ถ้าหากเราส่งอิทธิพลต่อเขาให้ทำบางสิ่งที่เขาคิดว่าผิด (ข้อความอีกแห่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ปรากฏอยู่ใน 1 โครินธ์ 8)
(โรม 14:16) คนอาจมีหลักคำสอนที่ถูกต้อง กระนั้นก็ยังก่อให้เกิดความเสียหายได้ เนื่องจากตัวเขาไม่ได้ใส่ใจถึงอิทธิพลที่มีต่อคนอื่น ๆ
(โรม 14:17) ศาสนาคริสต์ไม่ได้ประกอบด้วยกฎเกี่ยวกับรูปแบบการดำเนินชีวิตหรือเกี่ยวกับเสรีภาพ ศาสนาคริสต์เป็นชัยชนะและชีวิตในพระวิญญาณ
(โรม 14:18-19) พระเจ้าพอพระทัยเวลาที่เรายอมจำนนทุกสิ่งที่ทำต่อพระคริสต์และทำอย่างดีที่สุดเพื่อเสริมสร้างคนอื่น ๆ
(โรม 14:20-23) สิ่งทั้งปวงเป็นของพระเจ้า และคนที่จดจำเรื่องนี้ได้ก็มีเสรีภาพได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคนทำบางสิ่งที่คิดว่าผิด เขาก็กำลังทำบาปด้วยการเลือกนั้น ๆ พี่น้องที่รู้สึกว่ามีเสรีภาพควรจำกัดเสรีภาพของตน เพื่อไม่ให้คนอื่นล้มในบาป
ไม่มีคำชี้แนะให้กับพี่น้องที่อ่อนแอ ยกเว้นว่าตัวเขานั้นไม่ควรตัดสินคนที่มีเสรีภาพมากกว่า คนที่อ่อนแอถูกผูกมัดโดยจิตสำนึกของตน และไม่อาจเปลี่ยนความประพฤติของตนได้ แต่พี่น้องที่เข้มแข็งมีทางเลือกต่าง ๆ
คริสตจักรของเราให้สมาชิกแต่ละคนตัดสินใจด้วยตัวเองในประเด็นใดบ้าง?
เราเห็นความแตกต่างอะไรบ้างในผู้เชื่อคนอื่นที่เราต้องอดทนมากขึ้น?
เราจะสัตย์ซื่อในการนำหลักการจากเนื้อหาตอนนี้ไปประยุกต์ใช้กับความคิดเห็นต่าง ๆ ของเราเกี่ยวกับคนอื่นและการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไรบ้าง?
Previous
Next