นักศาสนศาสตร์พยายามทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนอิสราเอลกับคริสตจักร
มีคำถามอยู่หลายเกิดขึ้น ได้แก่ คนในพันธสัญญาเดิมถึงความรอดด้วยวิธีต่างไปจากคนในพันธสัญญาใหม่หรือเปล่า? พระสัญญาของพระเจ้าต่อคนอิสราเอลใช้ได้กับคริสตจักรเช่นกันหรือเปล่า? คนอิสราเอลยังคงพิเศษในแผนการของพระเจ้าอยู่หรือเปล่า?
นักศาสนศาสตร์บางคนเรียกคำอธิบายหนึ่ง ที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนอิสราเอลกับคริสตจักรว่า “ยุคนิยม” แต่นักศาสนศาสตร์คนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายแบบยุคนิยม และพัฒนาคำอธิบายที่บางครั้งเรียกว่า “ศาสนาศาสตร์พันธสัญญา” ขึ้น
ยุคนิยม (Dispensationalism) 
คำว่ายุคนิยม มาจากแนวคิดที่ว่า ในประวัติศาสตร์มนุษย์มียุคต่าง ๆ ที่พระเจ้ารับมือกับมนุษย์แตกต่างกันออกไป โดยพระองค์ได้จัดเตรียมความรอดผ่านเครื่องมือที่แตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละยุค นักยุคนิยมเรียกยุคที่พระเจ้าใช้แผนการเจาะจงแห่งความรอดว่ายุค (Dispensation)
นักยุคนิยมบางคนแบ่งประวัติศาสตร์ของมนุษย์ออกเป็นยุคต่าง ๆ สองยุคที่ส่งผลกระทบต่อการแปลความหมายจากพระคัมภีร์มากที่สุดตั้งอยู่บนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างคนอิสราเอลกับคริสตจักร นักศาสนศาสตร์เหล่านี้เชื่อว่าคนอิสราเอลในยุคพันธสัญญาเดิมรับความรอดโดยทำตามธรรมบัญญัติแห่งโมเสสและระบบเครื่องบูชา และผู้เชื่อในยุคพันธสัญญาใหม่รับความรอดโดยพระคุณทางความเชื่อ คริสตจักรแตกต่างจากคนอิสราเอลโดยสิ้นเชิง และพระเจ้ารับมือกับพวกเขาแตกต่างออกไป
ถึงแม้ว่ามีความแปรผันอยู่มากในศาสนศาสตร์ยุคนิยม ศาสนศาสตร์แบบฉบับของยุคนิยมสอนว่าพระสัญญาของพระเจ้าทั้งหมดแก่คนอิสราเอลเกี่ยวกับแผ่นดินและอาณาจักรจะสำเร็จตามตัวอักษร
นักยุคนิยมคิดว่าแผนการทั้งคู่ไม่อาจดำเนินไปพร้อม ๆ กันในโลกนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อว่าคริสตจักรจะถูกนำออกไปจากโลกเป็นเวลาเจ็ดปี ระหว่างเวลานั้นคนอิสราเอลจะยอมรับพระเยซูว่าเป็นพระเมสสิยาห์ของพวกเขา หลังจากเจ็ดปีนั้นจะเป็นยุคพันปีที่พระเยซูจะปกครองกรุงเยรูซาเล็ม
นักยุคนิยมทำให้พันธสัญญาเดิมมีประโยชน์น้อยกว่าสำหรับคริสเตียน เพราะพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้ากล่าวถึงพันธสัญญาเดิมกับคนอิสราเอลภายใต้ยุคที่ต่างออกไป พวกเขาใช้เรื่องราวต่าง ๆ ของพันธสัญญาเดิมเพื่อแสดงตัวอย่างประกอบความจริงต่าง ๆ แต่พวกเขามักปฏิเสธหลักฐานด้านหลักคำสอนจากพันธสัญญาเดิม และพยายามทำตามพันธสัญญาใหม่เท่านั้น
หลายคนที่ไม่รู้จักคำว่ายุคนิยม แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากความคิดของแนวคิดนี้ คนมักปฏิเสธที่จะยอมรับสิทธิอำนาจแห่งพันธสัญญาเดิม ถึงแม้ว่าผู้เขียนพันธสัญญาใหม่มองว่าพันธสัญญาเดิมเป็นสิทธิอำนาจของพวกเขาก็ตาม
ศาสนศาสตร์พันธสัญญา (Covenant Theology) 
ตามศาสนศาสตร์พันธสัญญาแล้ว ประชากรของพระเจ้าคือคนที่รักและรับใช้พระองค์ ไม่ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ในยุคทางประวัติศาสตร์ยุคไหนก็ตาม คนที่ได้รับความรอดไม่ว่าในยุคพันธสัญญาเดิมหรือในยุคพันธสัญญาใหม่คือคนที่ได้รับความรอดโดยการกลับใจใหม่และไว้วางใจพระเจ้า
คริสตจักรคือประชากรของพระเจ้า และรับพระสัญญาที่ให้แก่ประชากรของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงพระสัญญาต่าง ๆ ที่กระทำต่อคนอิสราเอลในพันธสัญญาเดิม ชนชาติอิสราเอลไม่มีความสำคัญพิเศษในตอนนี้
เพราะว่ายิวแท้ ไม่ใช่คนเป็นยิวแต่ภายนอกเท่านั้น และการเข้าสุหนัตแท้ก็ไม่ใช่การเข้าสุหนัตซึ่งปรากฏที่เนื้อหนังเท่านั้น คนเป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ ตามพระวิญญาณไม่ใช่ตามตัวบทบัญญัติ คนอย่างนั้นไม่ได้รับการยกย่องจากมนุษย์ แต่ได้รับจากพระเจ้า (โรม 2:28-29)
ขอให้รู้เถิดว่าเหล่าชนแห่งความเชื่อเป็นบุตรของอับราฮัมอย่างนั้นและพระคัมภีร์นั้นรู้ล่วงหน้าว่า พระเจ้าจะทรงให้คนต่างชาติเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ จึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่อับราฮัมล่วงหน้าว่า ชนทุกชาติจะได้รับพรเพราะเจ้า เพราะฉะนั้น คนที่เชื่อจึงได้รับพรร่วมกับอับราฮัมผู้ซึ่งเชื่อ (กาลาเทีย 3:7-9)
เพื่อพรของอับราฮัมจะได้มาถึงบรรดาคนต่างชาติ ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ (กาลาเทีย 3:14)
จะไม่เป็นยิวหรือกรีก... และถ้าท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม คือเป็นทายาทตามพระสัญญา (กาลาเทีย 3:28-29)
 
ตามศาสนาศาสตร์พันธสัญญาแล้ว พระสัญญาเหล่านี้จะสำเร็จสำหรับคริสตจักรแทนที่จะสำเร็จกับคนอิสราเอล
	
	บัลลังก์ของพระคริสต์ถูกสถาปนาขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม
	 
	
	สันติภาพ
	 
	
	คนอิสราเอลในฐานะผู้นำโลก
	 
	
	คนอิสราเอลสั่งสอนชนชาติทั้งปวง
	 
	
	การครอบครองชั่วนิรันดร์ในแผ่นดินแห่งพระสัญญาและสัตว์ป่าก็เชื่อง
	 
 
พระสัญญาทั้งปวงได้รับการแปลความหมายว่ามีความหมายฝ่ายวิญญาณมากกว่าความหมายตามตัวอักษร พระสัญญาเหล่านี้ต้องสำเร็จโดยผลประโยชน์ฝ่ายวิญญาณเพื่อให้สำเร็จในคริสตจักร
คนส่วนใหญ่ที่เชื่อศาสนศาสตร์พันธสัญญาไม่เชื่อในว่า พระคริสต์จะปกครองในโลกนี้เป็นเวลาหนึ่งพันปีตามตัวอักษร พวกเขาเชื่อพระคริสต์และธรรมมิกชนปกครองฝ่ายวิญญาณแล้วในปัจจุบันทางอิทธิพลแห่งข่าวประเสริฐ พวกเขาเชื่อว่า พระสัญญาต่ออับราฮัมว่าทายาทของเขาจะครอบครองแผ่นดินคานาอันตลอดไปนั้น สำเร็จแล้วโดยผู้เชื่อปัจจุบันซึ่งครอบครองความเชื่อ
ตามศาสนศาตร์พันธสัญญาแล้ว ชนชาติอิสราเอลไม่มีความสำคัญในตอนนี้ เพราะพวกเขาปฏิเสธพระคริสต์ คนยิวอาจเป็นส่วนหนึ่งของประชากรของพระเจ้าโดยรับความรอดส่วนบุคคลเหมือนคนต่างชาติทุกคน
มุมมองทางเลือก 
นักศาสนศาสตร์จำนวนมากวันนี้ได้พยายามหาความสมดุลทางพระคัมภีร์ระหว่างยุคเวลานิยมกับศาสนศาสตร์พันธสัญญา
ยุคนิยมมีข้อปัญหาต่าง ๆ อัครทูตเปาโลบอกกับทิโมธีว่า พระคัมภีร์ (พันธสัญญาเดิมสอนถึงความรอด (2 ทิโมธี 3:15) พระเยซูตรัสว่า นิโคเดมัสควรรู้เกี่ยวกับการบังเกิดใหม่แล้ว เพราะว่าเขาเป็นครูสอนพันธสัญญาเดิม (ยอห์น 3:10) พันธสัญญาใหม่กล่าวว่า ผู้เชื่อคือคนอิสราเอลแท้และเป็นบุตรแห่งอับราฮัม (โรม 2:28-29, กาลาเทีย 3:28-29) พันธสัญญาใหม่ยังกล่าวอีกว่า เครื่องบูชาในพันธสัญญาเดิมไม่ได้นำบาปออกไป (ฮีบรู 10:4) พระคัมภีร์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าไม่ได้จัดเตรียมวิธีที่ต่างออกไปสำหรับความรอดในยุคประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ศาสนศาสตร์พันธสัญญามีข้อปัญหาต่าง ๆ การกล่าวว่าพระสัญญาต่าง ๆ ในพันธสัญญาเดิมสำเร็จฝ่ายวิญญาณแล้ว คือการตีความแบบใช้จินตนาการทซึ่งไม่อาจทดสอบได้ การตีความหมายนี้สูญเสียความหมายดั้งเดิมด้วยเช่นกัน อับราฮัมหรือคนอื่นไม่น่าจะเข้าใจพระสัญญาต่าง ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาคิดว่าตนเองเข้าใจพระสัญญาแล้วก็ตาม ตัวอย่าง เช่น พระเจ้าสัญญาอับราฮัมว่าบุตรทั้งหลายของเขาจะครอบครองแผ่นดินที่เจาะจงบางแห่งตลอดไป นั่นหมายความว่าคนต่างชาติจะได้รับความรอดจริง ๆ หรือเปล่า?
ศาสนศาสตร์พันธสัญญาปฏิเสธว่าคนอิสราเอลยังมีความสำคัญต่อแผนการของพระเจ้า แต่อัครทูตเปาโลกล่าวว่าคนอิสราเอลในฐานะชนชาติจะถึงความรอดในวันหนึ่ง (โรม 11:26)
มุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับคนอิสราเอลกับคริสตจักรจะรวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับพระสัญญาต่าง ๆ ในพันธสัญญาเดิม 
1. พระสัญญาแห่งความรอด  ความรอดได้รับโดยพระคุณและได้รับโดยการสำนึกผิดและความเชื่อโดยคนยิวและคนต่างชาติในทุกยุคประวัติศาสตร์ พื้นฐานของการที่พระเจ้ายอมรับเหมือนเดิมเสมอ (โรม 4:3, เอเฟซัส 2:8) ไม่มีความจำเป็นที่คนอิสราเอลกับคริสตจักรมีลำดับแยกจากกันเพราะว่าแผนการแห่งความรอดเหมือนกันสำหรับทั้งคู่
2. พระสัญญาแห่งความห่วงใยของพระเจ้าสำหรับประชากรของพระองค์  พระสัญญาหลายอย่างอธิบายถึงวิธีปกติของพระเจ้าในการดูแลประชากรของพระองค์ ซึ่งดูแลทุกคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่เชื่อฟังกับพระองค์ ตัวอย่างในพระธรรมสดุดี 23 พระสัญญาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของพระเจ้า ซึ่งได้รับการเปิดเผยในความสัมพันธ์ หลักการเหล่านี้มีการประยุกต์ใช้ในทุกที่และทุกเวลา ใช้ทั้งกับคนอิสราเอลและกับคริสตจักร
3. พระสัญญาต่อคนอิสราเอลในฐานะชนชาติ  พระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ของคนยิว วันหนึ่งคนอิสราเอลในฐานะชนชาติจะหันกลับมาหาพระคริสต์ (โรม 11:26) พระสัญญาต่าง ๆ ที่พระเจ้ากระทำต่อคนอิสราเอลในฐานะชนชาติจะสำเร็จตามตัวอักษรต่อคนยิวที่เชื่อซึ่งเหลืออยู่จำนวนน้อย
► คำกล่าวอะไรบ้างในมุมมองทางเลือกเข้ากับยุคนิยม และคำกล่าวอะไรบ้างแตกต่างไปจากยุคนิยม? คำกล่าวอะไรบ้างที่เข้ากับศาสนศาสตร์พันธสัญญาและคำกล่าวอะไรบ้างที่แตกต่างจากศาสนศาสตร์พันธสัญญา?
                                     
                                    
                                    
                                        
                                                                                                                                    
                                                
                                                     
                                                    Previous
                                                 
                                                                                    
                                                                                                                                    
                                                
                                                    Next