พระธรรมหมวดผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิมเป็นการรวบรวมถ้อยคำที่ได้รับการเทศนาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ผู้เผยพระวจนะ 16 คนมีถ้อยคำที่ได้รับการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ มีเพียงเยเรมีย์เท่านั้นที่มีสองพระธรรม ผู้เผยพระวจนะบางคนเขียนหนังสือที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ (1 พงศาวดาร 29:29) เท่าที่เราทราบมา มีผู้เผยพระวจนะหลายร้อยคนที่ไม่ได้เขียนอะไรเลย
ผู้เผยพระวจนะ 16 คนที่เขียนถ้อยคำนั้นรับใช้อยู่ในช่วงระหว่างปี 760-460 กคศ. (อิสราเอลล่มสลายในปี 722 ยูดาห์ล่มสลายในปี 587) ในช่วงเวลานี้ของประวัติศาสตร์ ความรุ่งเรืองและล่มสลายของหลายจักรวรรดิ์ในโลกมีผลกระทบต่ออิสราเอลในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และศาสนา ในบางครั้ง คนส่วนใหญ่ในประเทศอิสราเอลและยูดาห์ได้หักล้างพันธสัญญากับพระเจ้า แต่ปรนนิบัติพวกรูปเคารพ
พวกผู้เผยพระวจนะเป็นผู้แก้ต่างให้กับพันธสัญญาของพระเจ้า พวกเขาเตือนประชาชนให้ระลึกถึงข้อกำหนดของพระเจ้า หลายปีก่อนหน้า พระเจ้าได้สัญญาว่าอิสราเอลจะรับพระพรหรือรับคำแช่งสาปก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังพระองค์ (เลวีนิติ 26, เฉลยธรรมบัญญัติ 28-32) พวกผู้เผยพระวจนะพยากรณ์ถึงพระสัญญาเหล่านั้นที่จะเป็นจริง พระพรที่สัญญาไว้สำหรับการเชื่อฟังรวมถึงชีวิต สุขภาพดี ความรุ่งเรือง ความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร อิสรภาพ และความปลอดภัย คำแช่งสาปสำหรับการไม่เชื่อฟังรวมถึงความตาย โรคภัย ความแห้งแล้ง การกันดารอาหาร การทำลายครัวเรือนและเมืองต่างๆ การพ่ายแพ้ต่อสงคราม การถูกเนรเทศจากบ้านเกิด การสูญเสียอิสรภาพ ความยากจน และความอับอายขายหน้า
คำเผยพระวจนะเป็นการสื่อสารถ้อยคำจากพระเจ้า คำเผยพระวจนะคือคำเทศนาที่กล่าวถึงสิ่งที่เป็นความกังวลในปัจจุบันและเรียกให้ตอบสนองทันที ถ้อยคำของพวกผู้เผยพระวจนะมักจะมีคำพยากรณ์ อย่างไรก็ตาม ผู้เผยพระวจนะคือผู้เทศนา ถ้อยคำของพวกเขาเป็นการเผยพระวจนะไม่ว่าจะมีคำพยากรณ์หรือไม่ก็ตาม
ในหลายกรณี เราไม่รู้ว่าคำพยากรณ์หนึ่งๆ จะสำเร็จเมื่อใดหรือสำเร็จอย่างไร ความรู้นั้นไม่จำเป็นต่อการเรียนรู้ของเราจากพระธรรมตอนเหล่านั้น บ่อยครั้งที่ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของผู้เผยพระวจนะกับผู้ฟังโดยตรงของเขา แต่ถ้อยคำของเขาได้รับการเทศนาเพื่อการประยุกต์ใช้และตอบสนองทันที ผู้เผยพระวจนะชี้ไปที่อาณาจักรของพระเจ้าในอนาคตให้เป็นดั่งเหตุผลที่ประชาชนควรกลับใจและเชื่อฟังพระเจ้าในเวลาปัจจุบันนั้น (ฮาบากุก 2:14)
วิธีการสื่อสารและอธิบายภาพของผู้เผยพระวจนะมักไม่ธรรมดาและน่าตื่นเต้น ถ้อยคำของพวกเขาใช้ภาพพจน์เปรียบเทียบและบางครั้งมีการแสดงให้เห็นทางกายภาพ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เทศนาว่าประชาชนควรทำสิ่งใหม่และไม่ธรรมดา แต่เทศนาว่าพวกเขาควรเชื่อฟังกฎบัญญัติที่ได้รับการเปิดเผยแล้วของพระเจ้า
คำเทศนาของพวกผู้เผยพระวจนะที่ดึงผู้คนให้กลับมาอยู่ในเงื่อนไขของพันธสัญญา (ความสัมพันธ์ของพวกเขากับพระเจ้า) ปัจจุบันก็ยังสามารถเป็นคำเทศนาที่ดึงดูดผู้คนให้กลับมาสู่เงื่อนไขความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าได้อีกด้วย
คำพยากรณ์ (แม้เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้น) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในทันที ผู้คนถูกเรียกร้องให้กลับใจและเชื่อฟังพระเจ้า จุดประสงค์นี้คล้ายคลึงกับจุดประสงค์ของการเทศนาในปัจจุบัน
คำพยากรณ์บางอย่างมีเงื่อนไข ผู้ฟังหลีกเลี่ยงการพิพากษาที่พยากรณ์ไว้ได้โดยการกลับใจใหม่ (เยเรมีย์ 18:7-11, เยเรมีย์ 26:13-19) ผู้ฟังของโยนาห์ในเมืองนีนะเวห์รอดพ้นจากหายนะแม้ว่าถ้อยคำของโยนาห์ไม่ได้หยิบยื่นความเมตตาให้ก็ตาม (โยนาห์ 3:4-5, 9-10)
การบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของพระเจ้าไม่ได้มีเงื่อนไข ยกตัวอย่างเช่น ใน อิสยาห์ 43:5-6 พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะนำพวกเชลยกลับมายังอิสราเอลโดยฤทธานุภาพของพระองค์เอง แต่พระธรรมตอนนี้ไม่ได้ให้ข้อกำหนดที่อิสราเอลต้องทำให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม แต่ละคนจะอยู่ที่ไหนในเหตุการณ์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละคน
พระธรรมหมวดผู้เผยพระวจนะมีเนื้อหาเป็นเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ แต่ถ้อยคำกล่าวมักอยู่ในรูปแบบบทกวี ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแยกแยะระหว่างเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ว่าควรตีความตามตัวอักษรหรือตามบทกวีที่มีภาพสัญลักษณ์ต่างๆ
คำศัพท์และแนวคิดที่สำคัญในพระธรรมหมวดผู้เผยพระวจนะ
รูปเคารพ : การละเมิดพันธสัญญาประการที่สำคัญที่สุด
การล่วงประเวณี : ความบาปที่มักเกิดขึ้นควบคู่กับการบูชารูปเคารพและใช้เป็นภาพเปรียบเทียบถึงการบูชารูปเคารพ
บรรดาชนชาติ : กล่าวถึงโลกที่ไม่ได้อยู่ในพันธสัญญาแห่งความสัมพันธ์กับพระเจ้า มีสองแนวคิดภายใต้คำนี้คือ...
1. บรรดาชนชาติที่มักเป็นศัตรูกับอิสราเอล
2. พระเจ้าประสงค์ให้อิสราเอลถวายเกียรติพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
พระวิหาร : ศูนย์กลางแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า มีสองแนวคิดภายใต้คำนี้คือ...
1. การนมัสการที่เสแสร้งอันเป็นการดูหมิ่นพระเจ้า
2. การรุกรานพระวิหารโดยศัตรูแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงของอิสราเอลและสูญเสียการทรงสถิตของพระเจ้า
ดินแดน/มรดก : สถานที่พิเศษซึ่งพระเจ้าวางอิสราเอลไว้เพื่อให้ได้รับพระพร
การตกเป็นเชลย: การถูกขับไล่ออกจากสถานที่ที่พระเจ้ามอบให้ และไปเป็นทาสของชนชาติอื่นๆ การตกเป็นเชลยหมายถึงอิสราเอลได้สูญเสียพระพรของพระเจ้าแล้ว
ฝน (และคำที่เกี่ยวข้อง) : สัญญาณถึงพระพรอันต่อเนื่องของพระเจ้าในดินแดนที่พระเจ้ามอบให้อิสราเอล การขาดแคลนฝนบ่งบอกถึงการไม่เป็นที่ยอมรับต่อพระเจ้า
การเก็บเกี่ยว (และคำที่เกี่ยวข้อง) : พระพรของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องฝนและดินแดน
วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า : การพิพากษาอย่างฉับพลันของพระเจ้าในอนาคตซึ่งจะทำลายคนอธรรม อิสราเอลคิดว่าการพิพากษามีไว้สำหรับชนชาติอื่นๆ และต้องขวัญกระเจิงเมื่อได้ยินว่าพวกเขาก็จะถูกพิพากษาด้วย
ม้าทั้งหลาย : แทนถึงกองกำลังทหาร
การช่วยกู้จากอียิปต์ : เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ทำให้อิสราเอลเป็นชนชาติหนึ่งและให้พระเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา การบูชารูปเคารพเป็นการดูหมิ่นพันธสัญญาที่ตั้งไว้หลังจากการช่วยกู้ครั้งนั้น
การตีความรูปแบบวรรณกรรมที่เป็นคำเผยพระวจนะ
คำเผยพระวจนะคือหนึ่งในรูปแบบวรรณกรรมที่ยากที่สุดในการตีความ เพื่อจะตีความคำเผยพระวจนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ถามคำถามต่อไปนี้
(1) ผู้เผยพระวจนะกล่าวสิ่งใดต่อโลกในยุคของเขา?
ในทางตรงกันข้ามกับความคิดเห็นทั่วไป วรรณกรรมที่เป็นคำเผยพระวจนะไม่ได้เป็นเพียงการพยากรณ์ถึงอนาคตเท่านั้น ผู้เผยพระวจนะพูดกับโลกในยุคของเขาเองก่อน
ยกตัวอย่างเช่น อาโมสเขียนถึงชนชาติอิสราเอลซึ่งไม่เชื่อฟังพระเจ้า ผู้คนมีความเจริญรุ่งเรืองและคิดเอาเองว่าพวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อกฎบัญญัติของพระเจ้าได้โดยไม่ต้องรับผลอะไร อาโมสประกาศถ้อยคำแห่งการพิพากษาว่า อิสราเอลจะต้องถูกพิพากษาเพราะเธอได้ทอดทิ้งความยุติธรรมและความชอบธรรม (อาโมส 5:7)
(2) อะไรคือการตอบสนองของผู้คนต่อถ้อยคำของเขา?
การตอบสนองของอิสราเอลต่อถ้อยคำของอาโมสเห็นได้จากการตอบสนองของอามาซิยาห์ ปุโรหิตแห่งเบธเอล เขาสั่งให้อาโมสกลับไปยังยูดาห์และไม่ต้องเทศนาในอาณาจักรเหนืออีกต่อไป (อาโมส 7:10-13)
(3) มีหลักการอะไรจากถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะที่พูดกับเราในโลกปัจจุบันนี้?
ในขณะที่ความยุติธรรมและความชอบธรรมเป็นมาตรฐานของพระเจ้าสำหรับประชาชนของพระองค์ในอิสราเอลโบราณ พระเจ้าก็ต้องการความยุติธรรมและความชอบธรรมจากประชาชนของพระองค์ในทุกวันนี้เช่นกัน เราไม่สามารถนมัสการที่บ้านของพระเจ้าและขณะเดียวกันก็เพิกเฉยต่อเสียงเรียกของพระองค์เพื่อให้เราดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมได้ (อาโมส 5:22-24)
คำถามเหล่านี้นำความจริงของคำเผยพระวจนะจากโลกของผู้เผยพระวจนะมายังโลกของเรา โดยการมองดูที่โลกของผู้เผยพระวจนะ เราแน่ใจได้ว่าการตีความของเราสำหรับปัจจุบันก็มีรากฐานอยู่ในข้อความดั้งเดิม
Previous
Next