[1] ลองนึกภาพว่าคุณกำลังชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยงาม[2] แล้วจู่ ๆ คุณก็หยุดดูดวงอาทิตย์ตกแล้วหันมาถ่ายรูปตัวเอง “ฉันกำลังดูดวงอาทิตย์ตกดิน” นี่เรียกว่า “เซลฟี่” คือการถ่ายภาพตัวเอง ความสนใจของคุณหันจากดวงอาทิตย์ตกไปหาตัวเอง คนที่เซลฟี่ตัวเองก็สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังมองดู
พระเจ้าสมควรได้รับการนมัสการที่ดีที่สุดจากเรา แต่เมื่อเราจดจ่อกับคุณภาพของการนมัสการแทนที่จะจดจ่อกับพระเจ้าผู้ที่เรานมัสการ เราก็สร้างการเซลฟี่ในทางศาสนา (“ฉันกำลังนมัสการพระเจ้า”) เราต้องไม่ยอมให้ความสนใจของเราต่อความเป็นเลิศในการประชุมนมัสการมาแทนที่การจดจ่อกับพระเจ้าผู้ที่เรานมัสการ!
ซี เอส ลูอิส (C.S. Lewis) เขียนเกี่ยวกับรูปเคารพที่เป็นการให้ความสำคัญต่อการประชุมนมัสการมากกว่าพระเจ้า เมื่อไม่นานมานี้ ดี เอ คาร์สัน (D.A. Carson) เตือนว่าเราถูกลองใจให้ “นมัสการ การนมัสการ แทนที่จะนมัสการพระเจ้า” ได้[3]
การนมัสการจะไม่ใช่การนมัสการแท้จริงจนกว่าผมยอมสูญเสียตัวเองไปกับการเทิดทูนบูชาพระเจ้า ในการนมัสการที่แท้จริง ผมให้ความสนใจกับพระเจ้ามากกว่าคุณภาพของการนมัสการที่เป็นความพยายามของตัวเอง การนมัสการที่แท้จริงจดจ่อที่พระเจ้า ไม่ใช่ที่คุณภาพของประสบการณ์ในการนมัสการของผม
อย่างที่เราเห็นในบทที่ 1 บัญญัติข้อแรกบอกให้เรานมัสการผู้ใด “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า...ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา” (อพยพ 20:2-3) เนื่องจากการนมัสการหมายถึงการถวายเกียรติอย่างคู่ควรแด่พระเจ้า การศึกษาเรื่องการนมัสการควรเริ่มต้นด้วยการถามว่าพระเจ้าเป็นใคร? บทเพลงสรรเสริญสี่บทเพลงในพระธรรมวิวรณ์ให้คำตอบบางส่วนต่อคำถามนี้
เรานมัสการพระผู้สร้าง (วิวรณ์ 4)
► อ่านออกเสียง วิวรณ์บทที่ 4 ใช้เวลาจินตนาการถึงฉากในสวรรค์ พระคัมภีร์บทนี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ที่เรานมัสการ?
วิวรณ์บทที่ 4 เป็นหน้าต่างเปิดเข้าสู่สวรรค์ที่ให้ภาพบางส่วนเกี่ยวกับพระผู้สร้างที่เรานมัสการ
พระผู้สร้างมีอำนาจครอบครองสูงสุด
พระเจ้านั่งบนบัลลังก์เหนือโลกนี้ คำว่า บัลลังก์ ถูกใช้ 14 ครั้งในบทนี้ พระองค์คือพระเจ้าจอมเจ้านายผู้ทรงมีฤทธิ์ พระองค์มีอำนาจครอบครองสูงสุด การนมัสการต้องตระหนักถึงการมีอำนาจครอบครองสูงสุดของพระเจ้า ในการนมัสการเราแสดงออกถึงการยอมจำนนต่อพระเจ้าผู้มีอำนาจครอบครองสูงสุด พระองค์เป็นพระบิดาที่รักเรา แต่พระองค์ก็มีอำนาจครอบครองสูงสุด
พระผู้สร้างผู้บริสุทธิ์
ตลอดทั้งพระคัมภีร์ พระเจ้าได้รับการมองดูว่าเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์
พระเจ้าบอกกับชนอิสราเอลว่า “เรายาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์” (เลวีนิติ 19:2)
พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ “ถึงอย่างไร พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์
ผู้ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล” (สดุดี 22:3)
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์มองเห็นทูตสวรรค์นมัสการล้อมรอบบัลลังก์ของพระเจ้าว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระยาห์เวห์จอมทัพ แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์” (อิสยาห์ 6:3)
อัครทูตยอห์นมองเข้าไปในสวรรค์ที่ซึ่งผู้อาวุโสทั้งหลายร้องว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา” (วิวรณ์ 4:8)
เรานมัสการพระเจ้าผู้บริสุทธิ์
พระผู้สร้างดำรงอยู่นิรันดร์
พระองค์เคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา (วิวรณ์ 4:8)
ดาวิดชี้ไปที่ความอัศจรรย์แห่งการสร้างว่าเป็นดั่งหน้าต่างเปิดสู่พระสิริของพระเจ้า “ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และพื้นฟ้าสำแดงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์” (สดุดี 19:1) บทแรกของปฐมกาลเริ่มต้นกับพระเจ้าในฐานะผู้สร้าง พระธรรมเล่มสุดท้ายเตือนใจเราอีกครั้งว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง และพระองค์จะครอบครองเหนือสิ่งมีชีวิตที่พระองค์สร้างนั้นชั่วนิรันดร์
การเน้นนี้แสดงให้เห็นถึงจุดเพ่งที่ถูกต้องสำหรับการนมัสการ เราผู้ถูกสร้างนมัสการพระเจ้าผู้สร้าง การนมัสการนั้นเกี่ยวข้องกับพระองค์ไม่ใช่เรา เมื่อเรายอมสูญเสียตัวเองในการนมัสการพระผู้สร้าง ฟ้าสวรรค์ก็ประกาศพระสิริของพระองค์อีกครั้ง
เรานมัสการพระผู้ไถ่ (วิวรณ์ 5)
► อ่านออกเสียง วิวรณ์บทที่ 5 ฉากที่ยิ่งใหญ่นี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ที่เรานมัสการ?
ในฐานะคริสเตียน เราต้องไม่สูญเสียความรู้สึกอัศจรรย์ใจเมื่อเราคิดถึงว่ากษัตริย์แห่งจักรวาลได้จัดเตรียมการไถ่ไว้ให้กับเรา ในวิวรณ์บทที่ 5 เราเห็นลูกแกะของพระเจ้า ผู้ไถ่โลกนี้ได้รับการนมัสการ พระเยซูถูกเรียกว่าเป็น “ลูกแกะ” 28 ครั้งในพระธรรมวิวรณ์ นี่คือหนึ่งในภาพสำคัญในวิวรณ์
เรานมัสการพระผู้ไถ่เพราะผู้ที่พระองค์เป็น
พระองค์เป็นสิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ พระองค์เป็นรากเหง้าของดาวิด พระองค์เป็นลูกแกะที่ถูกฆ่า พระองค์เป็นลูกแกะที่มีเจ็ดเขาและดวงตาเจ็ดดวง (วิวรณ์ 5:6) สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบ ในการนมัสการเราถวายเกียรติแด่พระเยซูสำหรับผู้ที่พระองค์เป็น การนมัสการคือ “งานเลี้ยงฉลองสำหรับความสมบูรณ์แบบอันเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระคริสต์” (John Piper – จอห์น ไพเพอร์)
เรานมัสการพระผู้ไถ่เพราะตำแหน่งที่พระองค์อยู่
ในวิวรณ์ 5:6 พระเยซูเป็นศูนย์กลางของการนมัสการในสวรรค์ พระองค์อยู่ระหว่างบัลลังก์กับสิ่งทรงสร้างที่มีชีวิตทั้งสี่และท่ามกลางผู้อาวุโส ผู้เขียนฮีบรูให้คำสัญญาอันอัศจรรย์ว่าผู้แก้ต่างของเรานั้นนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของบัลลังก์พระเจ้า (ฮีบรู 12:2)
เรานมัสการพระผู้ไถ่เพราะสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
ในความพยายามให้ความสำคัญกับคุณค่าของพระเจ้า มีผู้สอนบางคนแนะนำผิด ๆ ว่าเราควรนมัสการพระเจ้าเฉพาะผู้ที่พระองค์เป็นเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเรา ยอห์นผู้เปิดเผยวิวรณ์ได้แสดงให้เห็นว่าการนมัสการในสวรรค์นั้นสรรเสริญลูกแกะของพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทำ “พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับ...” (วิวรณ์ 5:12)
แบบแผนนี้เห็นได้ในสดุดี ในสดุดีบทที่ 134 สั่งให้เราอวยพรพระเจ้า โดยที่ไม่ได้ให้เหตุผลเอาไว้ เราสรรเสริญพระองค์เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า ตามมาด้วยสดุดี 135-136 ซึ่งสรรเสริญพระเจ้าเพราะสิ่งที่พระองค์ได้กระทำในประวัติศาสตร์อิสราเอล คุณลักษณะของพระเจ้า ตลอดจนกิจอันมีฤทธิ์ของพระองค์นั้น สมควรได้รับการสรรเสริญ เราควรสรรเสริญพระเจ้าสำหรับผู้ที่พระองค์เป็นและสำห รับสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
เรานมัสการพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ (วิวรณ์ 11:15-18)
ในวิวรณ์ 11 ให้อีกมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับการนมัสการในสวรรค์ ในฉากนี้ผู้อาวุโสทั้งหลายนมัสการพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ซึ่งขึ้นครองบัลลังก์อย่างถูกต้องชอบธรรม ถึงแม้ว่าอาณาจักรบนโลกนี้กบฏต่อพระองค์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องยอมจำนนต่อสิทธิ์อำนาจของพระองค์ “อาณาจักรของโลกนี้กลับกลายเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์” (วิวรณ์ 11:15)
ในเพลงสรรเสริญบทนี้ กษัตริย์ได้รับการสรรเสริญสำหรับการพิพากษาอย่างชอบธรรมต่อโลกนี้ เพลงสรรเสริญนี้เตือนใจเราว่าพระเจ้าปกครองด้วยฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าชนชาติทั้งหลายโกรธเคือง แต่พระเจ้าพิพากษาพวกเขาอย่างถูกต้องชอบธรรม
การนมัสการคือการนมัสการด้วยความจริง การนมัสการที่แท้จริงไม่ได้ลดขนาดการพิพากษาอันน่าเกรงขามของพระเจ้า การนมัสการในวิวรณ์ก็สอดคล้องกันกับการนมัสการในสดุดี ในสดุดี 96 คือเพลงบทใหม่ถวายแด่พระเจ้า ในบทเพลงนี้ พระเจ้าได้รับการสรรเสริญท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย พระองค์น่าเกรงขามเหนือพระทั้งปวง พระองค์ได้รับการสรรเสริญเพราะพระองค์จะตัดสินผู้คนอย่างชอบธรรม การนมัสการแท้จริงรู้ว่าเราต้องยำเกรงพระเจ้า เรานมัสการพระองค์ในฐานะกษัตริย์
เรานมัสการเจ้าบ่าวผู้พิชิต (วิวรณ์ 19:1-9)
ในชั้นเรียนสำรวจพระคัมภีร์ ผู้สอนถามว่า “มีกี่คนที่ชื่นชอบพระธรรมวิวรณ์บ้าง?” มีนักศึกษาไม่กี่คนที่ยกมือ เมื่อผู้สอนถามว่า “ทำไมคุณถึงไม่ชอบพระธรรมวิวรณ์?” นักศึกษาคนหนึ่งตอบว่า “มันน่ากลัว!”
เหตุผลที่นักศึกษาเหล่านี้พบว่าพระธรรมวิวรณ์น่ากลัวคือการที่พวกเขาไม่รู้ถึงส่วนดีที่สุดของพระธรรมนี้ พวกเขาจดจ่อกับการพิพากษาเหนือคนเหล่านั้นที่กบฏต่อพระเจ้า นั่นเป็นเนื้อหาที่สำคัญในวิวรณ์อย่างแน่นอน แต่สำหรับคริสเตียน เนื้อหาพื้นฐานของวิวรณ์คือชัยชนะสูงสุดของพระเจ้าของเรา!
วิวรณ์บทที่ 19 อธิบายภาพของเนื้อหานี้ บทนี้รวมคำอธิบายเรื่องบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน (วิวรณ์ 19:20) กับพวกนกที่กินเนื้อของบรรดากษัตริย์ เนื้อนายทหาร เนื้อคนที่มีกำลังมาก...(วิวรณ์ 19:18) นี่คือชะตากรรมของคนที่กบฏต่อพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ สำหรับคนที่นมัสการกษัตริย์นี้ด้วยความเคารพยำเกรง ในวิวรณ์ 19 คือบทเพลงแห่งความยินดี หญิงแพศยาตัวเอ้ผู้ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง (วิวรณ์ 19:2) ก็ถูกทำลาย เจ้าบ่าวพิชิตศัตรูของพระองค์และต้อนรับเจ้าสาวบริสุทธิ์สู่งานเลี้ยงสมรสของลูกแกะของพระเจ้า (วิวรณ์ 19:9)
ในการตอบสนองต่อชัยชนะยิ่งใหญ่ ยอห์นได้ยินเสียง “เหมือนอย่างเสียงมหาชน เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องกึกก้องว่า ‘ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่ คือพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ขอให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะงานอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว’” (วิวรณ์ 19:6-7)
ในการนมัสการ เราสรรเสริญเจ้าบ่าวผู้พิชิต การนมัสการของเราตั้งตารออนาคตที่พระเยซูกำลังเตรียมไว้สำหรับเจ้าสาวของพระองค์ เหตุผลอย่างหนึ่งที่การนมัสการสำคัญคือการนมัสการให้ฤทธิ์เดชแก่เราในการดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างมีชัยชนะในโลกที่เป็นศัตรูกันนี้ ในการนมัสการเราระลึกว่า “เราเป็นพลเมืองแห่งสวรรค์ และเรารอคอยผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงร่างกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายของพระองค์ที่เต็มด้วยพระรัศมี ตามพลังอำนาจที่ทำให้พระองค์สามารถให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของพระองค์” (ฟิลิปปี 3:20-21)
เพลงสรรเสริญสี่บทเหล่านี้จากพระธรรมวิวรณ์ให้ภาพของพระเจ้าที่เรานมัสการ ในการนมัสการเราไม่ได้จดจ่อกับตัวเองแต่จดจ่อกับพระเจ้า ในการนมัสการเราก้มกราบต่อพระผู้สร้าง ในการนมัสการเราสรรเสริญพระผู้ไถ่ ในการนมัสการเราฉลองพระคริสต์ผู้เป็นกษัตริย์ ในการนมัสการเราตั้งตารอนิรันดร์กาลในการสถิตอยู่ของเจ้าบ่าวผู้พิชิต
นี่คือพระเจ้าผู้ที่เรานมัสการ สิ่งนี้นำไปสู่คำถามว่า “ใครบ้างที่นมัสการได้? พระเจ้ามีข้อกำหนดอะไรสำหรับคนที่เข้ามาในการสถิตอยู่ด้วยของพระองค์?”
[1]
“พระเจ้า พระองค์เป็น…
องค์สูงสุด ผู้ล้ำเลิศที่สุด;
เต็มด้วยความเมตตาและยุติธรรม;
ซ่อนเร้นมากที่สุดและสถิตอยู่ด้วย;
งดงามที่สุดและแข็งแกร่ง;
ทำการเสมอ พักสงบเสมอ;
รวบรวม แต่ไม่ขัดสนสิ่งใด;
ผดุงไว้และปกป้อง;
สร้างและบำรุงรักษา;
แสวงหา แต่ครอบครองทุกสิ่ง”
- ดัดแปลงจากออกัสติน
[2] ส่วนใหญ่ดัดแปงมาจาก Warren Wiersbe,
Real Worship , (Grand Rapids: Baker Books, 2000), บทที่ 5
[3] ดัดแปลงจาก D.A. Carson,
Worship by the Book , (Grand Rapids: Zondervan, 2002), 31
Previous
Next